สรุปหนังสือความลับสู่เงินล้านที่โรงเรียนไม่เคยสอน (The Millionaire’s Top Secret)

หนังสือความลับสู่เงินล้านที่โรงเรียนไม่เคยสอน The Millionaire's Top Secret
หนังสือความลับสู่เงินล้านที่โรงเรียนไม่เคยสอน The Millionaire’s Top Secret

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อหนังสือ : ความลับสู่เงินล้านที่โรงเรียนไม่เคยสอน (The Millionaire’s Top Secret)

ชื่อผู้แต่ง : นนธชัย มั่งมี

สำนักพิมพ์ : โอเพ่นดูเรียน บจก.

ปีที่พิมพ์ : 2567 (11/2024)

จำนวนหน้า : 192 หน้า

หมวดหนังสือ : การเงินการลงทุน

สารบัญ

  • บทที่ 1 ทำไม? เรื่องการเงินถึงสำคัญ
  • บทที่ 2 มาปูพื้นฐานเรื่องการเงินให้แข็งแกร่งกัน
  • บทที่ 3 มีเงินล้านไม่ใช่เรื่องยาก แค่รู้จักบริหารการเงินให้เป็น
  • บทที่ 4 พลังของการมีเงินเก็บ
  • บทที่ 5 มารู้จักและเข้าใจการลงทุนเบื้องต้น
  • บทที่ 6 บัตรเครดิตไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ถ้ารู้จักใช้ให้ถูกวิธี
  • บทที่ 7 รู้จักภาษีดี ไม่มีอะไรต้องกลัว
  • บทที่ 8 การวางแผนการเงินสำหรับอนาคต
  • Bonus Chapter (บทพิเศษ) – รวม 48 เคล็ดลับสู่เงินล้าน (ฉบับเข้าใจง่าย) ที่ใคร ๆ ก็ทำได้

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

หนังสือเล่มนี้นำเสนอแนวทางในการสร้างความมั่งคั่งทางการเงินที่ไม่ได้ถูกสอนในระบบการศึกษาทั่วไป โดยอธิบายเรื่องการเงินที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย มาพร้อมกับเทคนิคจากเพจการเงิน Wealth Blossoms ที่จะช่วยให้ผู้อ่านเดินทางสู่การมีเงินล้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ สามารถสรุปข้อคิดสำคัญได้ดังนี้

1. หลักการพื้นฐานการเงิน

การสร้างฐานะทางการเงินที่มั่นคงเริ่มต้นจากการเข้าใจหลักการพื้นฐานทางการเงิน หนังสือเล่มนี้อธิบายว่าการเงินส่งผลกระทบต่อทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความสุข คุณภาพชีวิต หรือความมั่นคงในอนาคต

ทักษะทางการเงินเป็นกุญแจสำคัญความมั่งคั่ง โดยหนังสือเน้นย้ำว่าการมีทักษะทางการเงินที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับรายได้เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับวิธีคิดและการจัดการกับเงินที่มี คนที่มีรายได้มากแต่ขาดทักษะทางการเงินก็อาจประสบปัญหาได้

ผู้เขียนแนะนำให้เริ่มบริหารการเงินตั้งแต่มีรายได้น้อย ไม่ต้องรอให้มีรายได้มาก การเริ่มต้นเร็วจะทำให้เกิดวินัยทางการเงินและความเข้าใจในการจัดการเงิน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จะติดตัวไปตลอด ไม่ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นมากเพียงใดในอนาคต

2. การจัดการรายรับรายจ่าย

หนังสือแนะนำการใช้กฎ 50/30/20 ในการจัดสรรเงิน โดยแบ่งเป็น 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น (ค่าเช่า ค่าอาหาร ค่าน้ำ-ไฟ ค่าเดินทาง), 30% สำหรับความต้องการ (ความบันเทิง ช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว), และ 20% สำหรับการออมและลงทุน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับการสร้างความมั่นคงทางการเงิน

การจดบันทึกและติดตามรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ผู้เขียนแนะนำให้ใช้แอปพลิเคชัน หรือสมุดบันทึก เพื่อติดตามว่าเงินถูกใช้ไปที่ไหนบ้าง ซึ่งจะช่วยให้เห็นภาพรวมทางการเงินและระบุได้ว่ามีรายจ่ายใดที่ไม่จำเป็นและสามารถตัดออกได้

การแยกความจำเป็นออกจากความต้องการให้ชัดเจนเป็นทักษะสำคัญ หนังสือแนะนำให้ผู้อ่านแยกแยะระหว่าง “สิ่งที่ต้องมี” กับ “สิ่งที่อยากได้” ให้ชัดเจน เพื่อให้การใช้จ่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ฟุ่มเฟือย

นอกจากนี้ ผู้เขียนยังแนะนำให้มีเงินสำรองฉุกเฉิน 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น เช่น การตกงาน หรือค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ฉุกเฉิน

3. การออมและการลงทุน

หนังสือเน้นย้ำหลักการสำคัญคือ “เริ่มออมก่อนใช้จ่าย” ไม่ใช่ “ใช้จ่ายแล้วค่อยออมเงินที่เหลือ” หากต้องการสร้างความมั่งคั่ง ให้จัดสรรเงินเพื่อการออมและลงทุนก่อน แล้วจึงนำเงินส่วนที่เหลือไปใช้จ่าย หลักการนี้จะทำให้รายได้ – เงินออม = รายจ่าย แทนที่จะเป็น รายได้ – รายจ่าย = เงินออม

การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญ ไม่ควรลงทุนทั้งหมดในสินทรัพย์เดียวหรือหมวดหมู่เดียว ควรกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

ผู้เขียนแนะนำให้เริ่มลงทุนแต่เนิ่นๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) ซึ่งเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยให้เงินงอกเงยในระยะยาว การเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยแม้จะเป็นจำนวนเงินไม่มาก จะให้ผลตอบแทนมากกว่าการเริ่มลงทุนตอนอายุมากด้วยเงินจำนวนมาก

การใช้วิธี DCA (Dollar-Cost Averaging) หรือการทยอยลงทุนสม่ำเสมอ เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด โดยการลงทุนเป็นประจำทุกเดือนด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง วิธีนี้จะช่วยให้มีต้นทุนเฉลี่ยที่ต่ำลงในระยะยาว

4. การจัดการบัตรเครดิต

บัตรเครดิตไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวหากรู้จักใช้อย่างถูกวิธี หนังสือแนะนำให้จ่ายเต็มจำนวนทุกเดือนเพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยที่สูง การชำระเพียงขั้นต่ำจะทำให้ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่สูงมากและอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สินในระยะยาว

ควรใช้บัตรเครดิตเฉพาะค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและวางแผนไว้แล้วเท่านั้น ไม่ควรใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการที่เกินกำลังความสามารถในการชำระ ควรมองบัตรเครดิตเป็นเครื่องมือในการจัดการค่าใช้จ่าย ไม่ใช่แหล่งเงินทุนเพิ่มเติม

การใช้ประโยชน์จากคะแนนสะสมและส่วนลดจากบัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด โดยเลือกบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์ตรงกับรูปแบบการใช้จ่ายของตนเอง เช่น บัตรที่ให้แต้มสะสมสำหรับการเติมน้ำมัน หากต้องขับรถเป็นประจำ หรือบัตรที่ให้เงินคืน (cashback) สำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์

หนังสือย้ำเตือนให้หลีกเลี่ยงการใช้เกินตัว มีวินัยในการใช้บัตรเครดิต และไม่สร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ การมีหนี้บัตรเครดิตที่ควบคุมไม่ได้จะเป็นอุปสรรคสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน

5. การวางแผนภาษีและเกษียณ

หนังสือให้ความสำคัญกับการจัดเก็บเอกสารภาษีอย่างเป็นระบบ การเก็บใบเสร็จ หลักฐานการบริจาค และเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาษีไว้อย่างเป็นระบบจะช่วยให้การยื่นภาษีเป็นไปอย่างราบรื่น และไม่พลาดสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ

การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้เต็มที่ โดยศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ประกันชีวิต การบริจาค เพื่อลดภาระภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การวางแผนการเงินตามช่วงวัย โดยหนังสือแนะนำให้ปรับกลยุทธ์การเงินและการลงทุนให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงอายุ เช่น วัยเริ่มทำงานควรเน้นการสร้างฐานทางการเงินและเริ่มลงทุนแบบมีความเสี่ยงสูง วัยกลางคนควรเน้นการสร้างความมั่นคงและกระจายความเสี่ยง และวัยใกล้เกษียณควรเน้นการรักษาเงินต้นและสร้างรายได้ประจำ

นอกจากนี้ ผู้เขียนแนะนำให้ลงทุนในกองทุนเพื่อการเกษียณ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับชีวิตหลังวัยทำงาน การเริ่มวางแผนเกษียณตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้มีเงินเพียงพอในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพหลังเกษียณ โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกหลานหรือสวัสดิการจากรัฐ

6. การสร้างความมั่นคงระยะยาว

หนังสือแนะนำให้สร้างแหล่งรายได้หลายทาง ไม่พึ่งพารายได้ทางเดียว การมีรายได้จากหลายแหล่ง เช่น เงินเดือน ธุรกิจเสริม การลงทุน จะช่วยให้มีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากการสูญเสียรายได้หลัก

การสร้าง Passive Income หรือรายได้แบบอัตโนมัติที่ไม่ต้องใช้เวลาทำงานมาก เช่น รายได้จากการลงทุน รายได้จากทรัพย์สินให้เช่า รายได้จากลิขสิทธิ์ผลงาน เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว รายได้ประเภทนี้จะช่วยให้มีอิสรภาพทางการเงินมากขึ้น

การลงทุนในตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในด้านความรู้ ทักษะ สุขภาพ และการสร้างเครือข่าย เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในระยะยาว ผู้เขียนเน้นย้ำว่าการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้

การวางแผนการเงินสำหรับครอบครัวเป็นส่วนสำคัญของการสร้างความมั่นคงระยะยาว หนังสือแนะนำให้มีการวางแผนร่วมกันในครอบครัว ตั้งเป้าหมายทางการเงินร่วมกัน และมีการสื่อสารเรื่องการเงินอย่างเปิดเผย รวมถึงการวางแผนมรดกและการทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองครอบครัว

สรุป

หนังสือ “ความลับสู่เงินล้านที่โรงเรียนไม่เคยสอน (The Millionaire’s Top Secret)” นำเสนอหลักการและเทคนิคในการสร้างความมั่งคั่งทางการเงินที่เข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติได้จริง โดยเน้นเรื่องการสร้างวินัยทางการเงิน การบริหารจัดการรายรับรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การออมและการลงทุนอย่างฉลาด การใช้บัตรเครดิตอย่างรู้เท่าทัน การวางแผนภาษีและเกษียณอย่างเป็นระบบ และการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

เคล็ดลับสำคัญที่หนังสือนำเสนอคือการสร้างวินัยทางการเงิน การวางแผนอย่างเป็นระบบ และการลงทุนอย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว โดยเน้นย้ำว่าการมีเงินล้านไม่ใช่เรื่องยาก แค่รู้จักบริหารการเงินให้เป็นและมีวินัยที่จะทำตามแผนอย่างต่อเนื่อง

ผู้อ่านจะได้เรียนรู้ทักษะทางการเงินที่จำเป็นแต่ไม่เคยถูกสอนในโรงเรียน ซึ่งจะช่วยให้สามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นคงทางการเงิน และก้าวไปสู่การมีอิสรภาพทางการเงินในที่สุด