สรุปรีวิวหนังสือ Money Lecture เรียนหนึ่งครั้งใช้ได้ทั้งชีวิต

หนังสือ Money Lecture เรียนหนึ่งครั้งใช้ได้ทั้งชีวิต
หนังสือ Money Lecture เรียนหนึ่งครั้งใช้ได้ทั้งชีวิต

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อหนังสือ : Money Lecture เรียนหนึ่งครั้งใช้ได้ทั้งชีวิต

ชื่อผู้แต่ง : ลงทุนศาสตร์

สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ How to

จำนวนหน้า : 250 หน้า

หมวดหนังสือ : บริหาร ธุรกิจ, การเงินการลงทุน

สารบัญ

  • บทที่ 1 : เงินคือสิ่งสำคัญของชีวิต
  • บทที่ 2 : สมการที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
  • บทที่ 3 : วาดด้วยมือตัวเอง
  • บทที่ 4 : อิสรภาพของเราราคาเท่าไหร่
  • บทที่ 5 : ความลี้ลับของเงินตรา
  • บทที่ 6 : คือเรื่องมหัศจรรย์
  • บทที่ 7 : ย้อนเวลาหาอนาคต
  • บทที่ 8 : กาชาปองกำลังสมุนไพร
  • บทที่ 9 : ภาษีอาจน่ากลัวกว่าความตายเสียอีก
  • บทที่ 10 : เงินที่งอกบนดาวพุธ
  • บทที่ 11 : ชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหนี้
  • บทที่ 12 : ธรณีนี่นี้ใครครอง
  • บทที่ 13 : ขุดขึ้นจากดินสร้างก่อด้วยหินบินฟ่องล่องลอย
  • บทที่ 14 : ยืมมือคนอื่นรวย
  • บทที่ 15 : เทส่วนผสมทุกอย่างลงในหม้อ
  • บทที่ 16 : เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

“Money Lecture” เป็นหนังสือที่รวบรวมความรู้พื้นฐานทางการเงินสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่และคนเริ่มทำงาน นำเสนอในรูปแบบของการเรียนการสอนที่เข้าใจง่ายและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนการเงินพื้นฐานไปจนถึงการวางแผนเกษียณและการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ โดยมีจุดเด่นสำคัญดังนี้

1. หัวใจของการบริหารการเงินส่วนบุคคล

หนังสือเริ่มต้นด้วยการปูพื้นฐานความเข้าใจเรื่องการเงิน โดยเน้นว่าการบริหารการเงินส่วนบุคคลต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน คล้ายกับหลักการทำธุรกิจ 3 ข้อหลักคือ การสร้างกำไร การสร้างกระแสเงินสด และการอยู่รอดได้ หนังสือนำเสนอสมการสำคัญคือ “กำไรสุทธิ = รายได้ – ค่าใช้จ่าย” ซึ่งเป็นพื้นฐานของการบริหารการเงินที่ดี การจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ทราบว่าเรามีกำไรหรือไม่ นอกจากนี้ การดูแลกระแสเงินสดก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากไม่มีสภาพคล่อง ชีวิตก็อาจติดขัดได้

2. สมการเปลี่ยนชีวิต

หนังสือแนะนำสมการที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตทางการเงินคือ “รายได้ = ค่าใช้จ่ายจำเป็น + เงินออมเงินลงทุน + ค่าใช้จ่ายตามต้องการ” ซึ่งเป็นหลักการจัดสรรเงินที่มีประสิทธิภาพ โดยเมื่อมีรายได้เข้ามา ควรจัดลำดับการใช้จ่ายโดยเริ่มจากค่าใช้จ่ายจำเป็น ตามด้วยการแบ่งเงินไปออมและลงทุน และสุดท้ายคือค่าใช้จ่ายตามต้องการ วิธีนี้จะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้ในระยะยาว

3. การตั้งเป้าหมายทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

หนังสือเสนอแนวคิด SMIRT ซึ่งดัดแปลงมาจากหลักการ SMART เพื่อใช้ในการตั้งเป้าหมายทางการเงิน ประกอบด้วย:

  • Specific: ระบุจุดมุ่งหมายในการลงทุนให้ชัดเจน
  • Measurable: กำหนดจำนวนเงินเป็นตัวเลขที่ชัดเจน
  • Important: ระบุระดับความสำคัญว่าเป็น “ต้องการ” หรือ “จำเป็น”
  • Risk Acceptance: ระบุระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นเปอร์เซ็นต์
  • Time-bounded: กำหนดกรอบเวลาที่ต้องการบรรลุเป้าหมาย

นอกจากนี้ยังแนะนำให้แบ่งเป้าหมายตามระยะเวลา เป็นระยะสั้น (ไม่เกิน 3 ปี), ระยะกลาง (3-7 ปี) และระยะยาว (7 ปีขึ้นไป) เพื่อให้สามารถวางแผนได้เหมาะสม

4. การวางแผนเกษียณ

หนังสือให้ความสำคัญอย่างมากกับการวางแผนเกษียณ โดยเฉพาะในบริบทที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ การเริ่มต้นเก็บเงินเพื่อเกษียณตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ไม่เป็นภาระในการเก็บเงินก้อนใหญ่เมื่ออายุมากขึ้น หนังสือนำเสนอวิธีการคำนวณเงินเกษียณ 3 วิธี ได้แก่:

  1. วิธีใช้เงินต้น: เก็บเงินให้มากพอแล้วทยอยใช้หลังเกษียณ
  2. วิธีใช้กระแสเงินสด: นำเงินก้อนไปลงทุนและใช้จ่ายจากผลตอบแทนที่ได้รับ
  3. วิธีผสม: ใช้ทั้งเงินต้นและกระแสเงินสดร่วมกัน

5. เข้าใจมูลค่าของเงินตามเวลา

หนังสืออธิบายแนวคิด “Time Value of Money” หรือมูลค่าของเงินตามเวลา ซึ่งมี 3 เหตุผลหลักที่เงินมีมูลค่าไม่เท่ากันในช่วงเวลาที่ต่างกัน: คนชอบใช้เงินในปัจจุบัน, เงินเฟ้อทำให้อำนาจซื้อลดลง และความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินในอนาคต เงินเฟ้อเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการวางแผนการเงิน เพราะเป็นเหมือน “โจร” ที่ค่อยๆ ปล้นค่าเงินของเราอย่างแนบเนียน การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้เราวางแผนการเงินในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. พลังของดอกเบี้ยทบต้น

หนังสือแนะนำให้รู้จักกับ “ความมหัศจรรย์” ของดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งเป็นกลไกที่ทำให้เงินของเราเพิ่มค่าได้อย่างมหาศาลในระยะยาว โดยเฉพาะหากเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย หนังสือแนะนำให้ใช้เครื่องมือคำนวณทางการเงิน เช่น แอพพลิเคชัน EZ Financial Calculator เพื่อคำนวณมูลค่าในอนาคตของเงินลงทุน โดยใช้ตัวแปร 5 ตัว: มูลค่าเงินในปัจจุบัน (PV), เงินงวด (PMT), มูลค่าเงินในอนาคต (FV), ผลตอบแทน (Rate) และจำนวนงวด (Periods)

7. การประกันความเสี่ยงในชีวิต

หนังสืออธิบายความสำคัญของการทำประกันภัย โดยเปรียบเทียบว่าชีวิตเหมือนตู้กาชาปอง ที่บางครั้งก็ได้สิ่งดีๆ แต่บางครั้งก็อาจเจอกับ “ระเบิด” ประกันภัยจึงเป็นเหมือน “ถุงมือนิรภัย” ที่ช่วยป้องกันความเสียหาย หนังสือแนะนำให้ทำประกันชีวิตและประกันวินาศภัยอย่างเหมาะสม โดยพิจารณาจากความเสี่ยง ความจำเป็น และความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกัน โดยเบี้ยประกันชีวิตไม่ควรเกิน 10-15% ของรายได้ต่อปี และประกันสุขภาพไม่ควรเกิน 5-10% ของรายได้ต่อปี

8. ความเข้าใจเรื่องภาษี

หนังสือให้ความรู้เกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนอาจรู้สึกซับซ้อนและน่ากลัว วิธีการคำนวณภาษีมี 2 วิธี คือ วิธีเงินได้สุทธิและวิธีเงินได้พึงประเมิน โดยกฎหมายกำหนดให้คำนวณทั้ง 2 วิธี และเลือกจ่ายตามวิธีที่คำนวณได้ยอดภาษีมากกว่า หนังสือยังแนะนำเรื่องการหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนภาษี ซึ่งสามารถช่วยลดภาระภาษีได้

9. การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ

หนังสือแนะนำให้รู้จักสินทรัพย์หลากหลายประเภทที่สามารถลงทุนได้ โดยเปรียบเทียบกับดาวต่างๆ ในระบบสุริยะ:

  • ดาวพุธ: เงินฝากธนาคารและสลากออมทรัพย์ ให้ผลตอบแทนน้อยแต่มีความเสี่ยงต่ำ
  • ดาวศุกร์: ตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ ให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากแต่มีความเสี่ยงสูงกว่า
  • ดาวโลก: หุ้นหรือตราสารทุน ให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาวแต่มีความผันผวนสูง
  • ดาวพฤหัส: สินค้าโภคภัณฑ์เช่นทองคำ และอสังหาริมทรัพย์ ช่วยกระจายความเสี่ยง
  • ดาวอื่นๆ: ตราสารอนุพันธ์ สกุลเงินดิจิทัล มีความเสี่ยงสูงมาก

10. การลงทุนผ่านกองทุนรวม

หนังสือแนะนำให้ใช้กองทุนรวมเป็นเครื่องมือในการลงทุน โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะมีข้อดีหลายประการ เช่น มีผู้เชี่ยวชาญบริหารให้ กระจายความเสี่ยงได้ดี และช่วยให้เข้าถึงสินทรัพย์บางประเภทที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง นอกจากนี้ยังแนะนำกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี เช่น SSF และ RMF ซึ่งมีข้อดีในแง่การประหยัดภาษี แต่มีเงื่อนไขการถือครองระยะยาว

11. เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของชีวิต

ท้ายที่สุด หนังสือสรุปว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แม้เงินจะมีความสำคัญ แต่เมื่อมีถึงจุดหนึ่งแล้ว ความสุขที่เพิ่มขึ้นจากการมีเงินมากขึ้นจะเริ่มลดลง เราควรหาจุดสมดุลในชีวิต รู้ว่าความสุขอยู่ตรงไหน ต้องการเงินแค่ไหน วางแผนการเงินอย่างละเอียดเพื่อให้รู้ว่าต้องออมเท่าไหร่หรือลงทุนเท่าไหร่ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

สรุป

“Money Lecture” เป็นหนังสือที่นำเสนอความรู้ทางการเงินในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการวางรากฐานทางการเงินให้มั่นคง เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่การบริหารรายรับ-รายจ่าย การตั้งเป้าหมายทางการเงิน การวางแผนเกษียณ ความเข้าใจเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ยทบต้น ไปจนถึงการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ และการประกันความเสี่ยง

หนังสือเน้นย้ำความสำคัญของการเริ่มต้นวางแผนการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มีเวลาสร้างความมั่งคั่งผ่านกลไกของดอกเบี้ยทบต้น และสามารถเผชิญกับความท้าทายทางการเงินในอนาคต เช่น การเกษียณอายุในสังคมผู้สูงอายุได้อย่างมั่นคง

เรียกได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็น “คู่มือบริหารการเงิน” ที่ทุกคนควรอ่าน เพราะให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินที่จำเป็นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันที เป็นการเรียนรู้ครั้งเดียวแต่นำไปใช้ได้ตลอดชีวิต ตามชื่อหนังสือ “Money Lecture เรียนหนึ่งครั้งใช้ได้ทั้งชีวิต”