หนังสือที่ดีที่สุดตลอดกาลของ BBC – The 100 greatest children’s books of all time

Table of Contents

100 หนังสือเด็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล: การสำรวจโดย BBC Culture สำรวจปี 2023

บทนำ

The 100 greatest children's books of all time from BBC survey
The 100 greatest children’s books of all time from BBC survey

ในปี 2023 BBC Culture ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับหนังสือเด็กที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  • ผู้เข้าร่วมการสำรวจ: ผู้เชี่ยวชาญ 177 คนจาก 56 ประเทศทั่วโลก
  • บริบทของการสำรวจ:
    • เกิดขึ้นในช่วงที่มีการถกเถียงเกี่ยวกับความสำคัญของหนังสือเด็กเมื่อเทียบกับหนังสือผู้ใหญ่
    • มีการอภิปรายเรื่องการแก้ไขเนื้อหาในหนังสือของ Roald Dahl ให้เหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบัน
    • เกิดความกังวลเกี่ยวกับการห้ามอ่านหนังสือเด็กบางเล่มในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับเชื้อชาติและ LGBTQ+

ผลการสำรวจ

ผลการสำรวจแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของหนังสือเด็ก:

  • ระยะเวลา: ตั้งแต่นิทานโบราณอย่าง Panchatantra (2,000 ปีก่อน) จนถึงหนังสือร่วมสมัยอย่าง A Kind of Spark (2020)
  • ภาษา: ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็มีหนังสือจากหลากหลายประเทศ
  • ยุคสมัย: หนังสือส่วนใหญ่ตีพิมพ์ในช่วงปี 1950-1970

ข้อจำกัดของการสำรวจ

  • หนังสือภาษาอังกฤษมีสัดส่วนมากเกินไป
  • อาจมีอคติจากช่วงวัยของผู้ลงคะแนน (ส่วนใหญ่เกิดในช่วงปี 1970-1980)

จุดประสงค์ของการสำรวจ

  • ไม่ได้มุ่งหวังให้เป็นคำตอบสุดท้าย
  • ต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนอ่านหนังสือมากขึ้น
  • กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวรรณกรรมเด็ก

รายชื่อ 100 หนังสือเด็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

1. Where the Wild Things Are (Maurice Sendak, 1963)

Where the Wild Things Are (Maurice Sendak, 1963)
Where the Wild Things Are (Maurice Sendak, 1963)
  • เรื่องราวของ Max เด็กชายซุกซนที่ถูกส่งไปนอนโดยไม่ได้กินอาหารเย็น
  • จินตนาการพาเขาไปสู่ดินแดนของสัตว์ประหลาด ที่ซึ่งเขาได้เป็นกษัตริย์
  • สะท้อนความรู้สึกของเด็กๆ ที่ต้องการอิสระและการยอมรับ
  • ภาพประกอบที่โดดเด่นและน่าจดจำ

2. Alice’s Adventures in Wonderland (Lewis Carroll, 1865)

Alice's Adventures in Wonderland (Lewis Carroll, 1865)
Alice’s Adventures in Wonderland (Lewis Carroll, 1865)
  • การผจญภัยของ Alice ในดินแดนมหัศจรรย์ที่เต็มไปด้วยตัวละครแปลกประหลาด
  • นำเสนอแนวคิดเชิงปรัชญาและตรรกะผ่านเรื่องราวแฟนตาซี
  • ภาษาที่เล่นคำและสร้างสรรค์ ทำให้หนังสือน่าสนใจสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่
  • มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมและวัฒนธรรมป๊อปอย่างกว้างขวาง

3. Pippi Longstocking (Astrid Lindgren, 1945)

Pippi Longstocking (Astrid Lindgren, 1945)
Pippi Longstocking (Astrid Lindgren, 1945)
  • เรื่องราวของเด็กหญิงที่มีพลังเหนือมนุษย์และอาศัยอยู่คนเดียว
  • Pippi เป็นตัวละครที่มีความเป็นอิสระ กล้าหาญ และท้าทายบรรทัดฐานทางสังคม
  • สะท้อนแนวคิดเรื่องการให้อำนาจแก่เด็กและการตั้งคำถามต่อกฎเกณฑ์ของผู้ใหญ่
  • ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากกว่า 70 ภาษา

4. The Little Prince (Antoine de Saint-Exupéry, 1943)

4. The Little Prince (Antoine de Saint Exupéry, 1943)
4. The Little Prince (Antoine de Saint Exupéry, 1943)
  • นิทานปรัชญาที่เล่าผ่านมุมมองของเจ้าชายน้อยจากดาวดวงอื่น
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความรัก มิตรภาพ และความหมายของชีวิต
  • ภาพวาดประกอบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง วาดโดยผู้เขียนเอง
  • เป็นหนังสือที่ได้รับการแปลมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากพระคัมภีร์

5. The Hobbit (J.R.R. Tolkien, 1937)

5. The Hobbit (J.R.R. Tolkien, 1937)
5. The Hobbit (J.R.R. Tolkien, 1937)
  • จุดเริ่มต้นของจักรวาล Middle-earth ที่โด่งดัง
  • การผจญภัยของ Bilbo Baggins ฮอบบิทที่ถูกชักชวนให้ออกเดินทางโดยพ่อมดแกนดัล์ฟ
  • นำเสนอโลกแฟนตาซีที่มีรายละเอียดสมจริง พร้อมด้วยเผ่าพันธุ์และภาษาที่สร้างขึ้นมาใหม่
  • เป็นจุดเริ่มต้นของแนวเรื่องแฟนตาซีสมัยใหม่

6. Northern Lights (Philip Pullman, 1995)

  • เล่มแรกในไตรภาค His Dark Materials
  • เรื่องราวของ Lyra Belacqua ในจักรวาลคู่ขนานที่วิทยาศาสตร์, เวทมนตร์, และศาสนามีบทบาทสำคัญ
  • นำเสนอแนวคิดที่ซับซ้อนเกี่ยวกับจิตวิญญาณ, อำนาจ, และการเติบโต
  • ได้รับรางวัล Carnegie Medal สำหรับหนังสือเด็กยอดเยี่ยม

7. The Lion, the Witch and the Wardrobe (C.S. Lewis, 1950)

  • เล่มแรกในชุด The Chronicles of Narnia
  • การผจญภัยของพี่น้อง Pevensie ในดินแดนแฟนตาซีชื่อนาร์เนีย
  • ผสมผสานแนวคิดทางศาสนาคริสต์กับเทพนิยายแบบดั้งเดิม
  • สร้างจินตนาการให้เด็กๆ ผ่านตู้เสื้อผ้าวิเศษที่เป็นประตูสู่โลกมหัศจรรย์

8. Winnie-the-Pooh (A.A. Milne and E.H. Shepard, 1926)

  • เรื่องราวของหมีน้อย Winnie-the-Pooh และเพื่อนๆ ในป่า Hundred Acre Wood
  • ตัวละครที่น่ารักและมีเอกลักษณ์ แต่ละตัวแทนลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน
  • บทสนทนาและเหตุการณ์ที่สอดแทรกปรัชญาและคติสอนใจอย่างแยบยล
  • ภาพประกอบโดย E.H. Shepard ที่กลายเป็นภาพจำของผู้อ่านทั่วโลก

9. Charlotte’s Web (E.B. White and Garth Williams, 1952)

  • เรื่องราวของมิตรภาพระหว่างหมูน้อย Wilbur และแมงมุม Charlotte
  • นำเสนอแนวคิดเรื่องชีวิต, ความตาย, และความเสียสละผ่านมุมมองของสัตว์
  • ภาษาที่งดงามและเรียบง่าย เหมาะสำหรับผู้อ่านทุกวัย
  • ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังสือเด็กที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

10. Matilda (Roald Dahl and Quentin Blake, 1988)

  • เรื่องราวของเด็กหญิงอัจฉริยะที่มีพลังจิต
  • วิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาและผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจเด็ก
  • ส่งเสริมความรักในการอ่านและการเรียนรู้
  • ภาพประกอบโดย Quentin Blake ที่เป็นเอกลักษณ์และเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับเรื่อง

11. Anne of Green Gables (L.M. Montgomery, 1908)

  • เรื่องราวของ Anne Shirley เด็กกำพราที่ถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์บนเกาะ Prince Edward
  • แสดงให้เห็นถึงการเติบโต, การปรับตัว, และการค้นพบตัวเอง
  • บรรยายความงามของธรรมชาติและชีวิตในชนบทได้อย่างมีชีวิตชีวา
  • ได้รับความนิยมทั่วโลกและกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมแคนาดา

12. Fairy Tales (Hans Christian Andersen, 1827)

  • รวมเรื่องสั้นแนวเทพนิยายที่มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมเด็กอย่างมาก
  • มีทั้งเรื่องที่มีความสุขและโศกเศร้า สะท้อนชีวิตจริงมากกว่าเทพนิยายทั่วไป
  • นำเสนอบทเรียนทางศีลธรรมผ่านตัวละครที่น่าจดจำ
  • เรื่องเล่าหลายเรื่องได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และละครเวทีมากมาย

13. Harry Potter and the Philosopher’s Stone (J.K. Rowling, 1997)

  • จุดเริ่มต้นของซีรีส์ Harry Potter ที่โด่งดังไปทั่วโลก
  • แนะนำโลกเวทมนตร์ที่ซ่อนอยู่คู่กับโลกธรรมดาของมักเกิ้ล
  • สร้างจินตนาการและแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ทั่วโลกหันมาสนใจการอ่าน
  • ผสมผสานแนวผจญภัย, แฟนตาซี, และการเติบโตได้อย่างลงตัว

14. The Very Hungry Caterpillar (Eric Carle, 1969)

  • หนังสือภาพที่สอนเกี่ยวกับวงจรชีวิตของผีเสื้อและการนับเลข
  • ใช้เทคนิคภาพตัดปะที่มีสีสันสดใส ดึงดูดสายตาเด็กๆ
  • มีรูปแบบหนังสือที่สร้างสรรค์ ด้วยรูเจาะที่แสดงถึงการกินของหนอน
  • ได้รับการแปลมากกว่า 60 ภาษาและขายได้มากกว่า 50 ล้านเล่มทั่วโลก

15. The Dark is Rising (Susan Cooper, 1973)

  • เล่มที่สองในชุด The Dark is Rising Sequence
  • ผสมผสานตำนานอาเธอร์กับเทพนิยายและตำนานของอังกฤษและเวลส์
  • เล่าเรื่องการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่วผ่านมุมมองของ Will Stanton
  • ได้รับรางวัล Newbery Honor และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนแฟนตาซีรุ่นหลัง

16. The Arrival (Shaun Tan, 2006)

  • นิยายภาพที่ไม่มีคำบรรยาย เล่าเรื่องราวการอพยพด้วยภาพวาด
  • นำเสนอประสบการณ์ของผู้อพยพในโลกแฟนตาซีที่แปลกตา
  • ภาพวาดที่มีรายละเอียดสูงและสื่ออารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง
  • สะท้อนปัญหาการย้ายถิ่นฐานและการปรับตัวในสังคมใหม่

17. Little Women (Louisa May Alcott, 1868)

  • เรื่องราวของพี่น้องตระกูล March ในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกา
  • นำเสนอภาพของสตรีที่เข้มแข็งและมีความฝันในยุคที่โอกาสของผู้หญิงยังจำกัด
  • ผสมผสานความรัก, ครอบครัว, และการเติบโตเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
  • มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมและวัฒนธรรมป๊อปมาอย่างยาวนาน

18. Charlie and the Chocolate Factory (Roald Dahl, 1964)

  • การผจญภัยของ Charlie Bucket ในโรงงานช็อกโกแลตสุดพิสดาร
  • สร้างโลกแห่งจินตนาการที่เต็มไปด้วยสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ และขนมหวานมหัศจรรย์
  • แฝงบทเรียนเกี่ยวกับความดี, ความโลภ, และผลของการกระทำ
  • ภาษาที่สนุกสนานและตัวละครที่จดจำง่ายทำให้เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ ทั่วโลก

19. Heidi (Johanna Spyri, 1880)

  • เรื่องราวของเด็กหญิงกำพร้าที่อาศัยอยู่กับปู่บนเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์
  • นำเสนอความงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตในชนบท
  • สอนเรื่องความกตัญญู, มิตรภาพ, และการเอาชนะอุปสรรค
  • ได้รับความนิยมทั่วโลกและถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายครั้ง

20. Goodnight Moon (Margaret Wise Brown and Clement Hurd, 1947)

  • หนังสือภาพสำหรับเด็กเล็กที่เล่าเรื่องการเข้านอนของกระต่ายน้อย
  • ใช้คำซ้ำและจังหวะที่ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการอ่านก่อนนอน
  • ภาพประกอบที่อบอุ่นและมีรายละเอียดให้ค้นหา
  • กลายเป็นหนังสือคลาสสิกที่ผู้ปกครองอ่านให้ลูกฟังมาหลายรุ่น

21. The Adventures of Pinocchio (Carlo Collodi, 1883)

  • เรื่องราวของหุ่นไม้ที่ปรารถนาจะเป็นเด็กจริงๆ
  • สอนบทเรียนเกี่ยวกับความซื่อสัตย์, ความรับผิดชอบ, และความกตัญญู
  • ผจญภัยที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้น ผสมผสานกับความเป็นจริงและจินตนาการ
  • ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และละครหลายครั้ง โดยเฉพาะเวอร์ชันของ Disney

22. A Wizard of Earthsea (Ursula K. Le Guin, 1968)

  • เล่มแรกในชุด Earthsea ที่เล่าถึงการผจญภัยของพ่อมดหนุ่ม Ged
  • สร้างโลกแฟนตาซีที่มีระบบเวทมนตร์ที่ซับซ้อนและน่าสนใจ
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเติบโต, การยอมรับตัวเอง, และความสมดุลของธรรมชาติ
  • มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมแฟนตาซีในยุคต่อมา

23. Moominland Midwinter (Tove Jansson, 1957)

  • หนึ่งในชุดหนังสือ Moomin ที่โด่งดังของนักเขียนฟินแลนด์
  • เล่าเรื่องราวของ Moomintroll ที่ตื่นจากการจำศีลในฤดูหนาว
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงและความโดดเดี่ยว
  • ภาพประกอบที่มีเอกลักษณ์และบรรยากาศที่ชวนฝันของฤดูหนาว

24. I Want My Hat Back (Jon Klassen, 2011)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องหมีที่ตามหาหมวกของตัวเอง
  • ใช้ภาษาที่เรียบง่ายแต่มีอารมณ์ขัน ชวนให้เด็กๆ คิดและจินตนาการ
  • ภาพประกอบที่เรียบง่ายแต่สื่ออารมณ์ได้ดี
  • จบเรื่องแบบเปิดให้ตีความ ทำให้เกิดการถกเถียงและการตีความที่หลากหลาย

25. The Secret Garden (Frances Hodgson Burnett, 1911)

  • เรื่องราวของ Mary Lennox เด็กหญิงที่ย้ายมาอยู่กับลุงในคฤหาสน์ลึกลับ
  • นำเสนอการเยียวยาผ่านธรรมชาติและมิตรภาพ
  • สำรวจประเด็นเกี่ยวกับการเติบโต, การเปลี่ยนแปลง, และพลังของทัศนคติเชิงบวก

26. Duck, Death and the Tulip (Wolf Erlbruch, 2007)

  • หนังสือภาพที่นำเสนอแนวคิดเรื่องความตายอย่างละเอียดอ่อน
  • เล่าเรื่องมิตรภาพแปลกๆ ระหว่างเป็ดกับความตาย
  • ภาพประกอบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกได้ลึกซึ้ง
  • ช่วยให้เด็กๆ เข้าใจและยอมรับความจริงของชีวิตได้ดีขึ้น

27. The Brothers Lionheart (Astrid Lindgren, 1973)

  • นิยายแฟนตาซีที่เล่าเรื่องความรักระหว่างพี่น้อง
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความกล้าหาญ, การเสียสละ, และชีวิตหลังความตาย
  • ผสมผสานความสนุกสนานของการผจญภัยกับประเด็นที่ลึกซึ้งทางปรัชญา
  • เป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของ Astrid Lindgren ผู้เขียน Pippi Longstocking

28. Harry Potter and the Prisoner of Azkaban (J.K. Rowling, 1999)

  • เล่มที่สามในชุด Harry Potter ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
  • แนะนำตัวละครสำคัญอย่าง Sirius Black และ Professor Lupin
  • เพิ่มความซับซ้อนให้กับโลกเวทมนตร์และประวัติศาสตร์ของตัวละคร
  • นำเสนอแนวคิดเรื่องกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลงอดีตผ่าน Time-Turner

29. Brown Girl Dreaming (Jacqueline Woodson, 2014)

  • บทกวีอัตชีวประวัติที่เล่าถึงประสบการณ์การเติบโตในฐานะเด็กผิวสีในยุค 1960-1970
  • นำเสนอประเด็นเรื่องเชื้อชาติ, ครอบครัว, และการค้นหาตัวตน
  • ใช้ภาษาที่งดงามและเข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับผู้อ่านทุกวัย
  • ได้รับรางวัลวรรณกรรมเด็กหลายรางวัล รวมถึง National Book Award

30. The Three Robbers (Tomi Ungerer, 1961)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องโจรสามคนที่เปลี่ยนแปลงตัวเองหลังพบกับเด็กกำพร้า
  • ใช้สีและรูปทรงที่โดดเด่นในการสร้างบรรยากาศที่น่าตื่นเต้น
  • สอนบทเรียนเกี่ยวกับการให้โอกาสคนอื่นและการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
  • เป็นตัวอย่างของงานวรรณกรรมเด็กที่ท้าทายขนบธรรมเนียมและความคาดหวังของสังคม

31. The Snowy Day (Ezra Jack Keats, 1962)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องการผจญภัยของเด็กชายผิวสีในวันที่หิมะตก
  • เป็นหนังสือเด็กเล่มแรกๆ ที่มีตัวเอกเป็นเด็กผิวสีในวรรณกรรมอเมริกัน
  • ใช้เทคนิคการตัดกระดาษสีสันสดใสในการสร้างภาพประกอบ
  • นำเสนอความงามและความมหัศจรรย์ในชีวิตประจำวันของเด็กๆ

32. The Tiger Who Came to Tea (Judith Kerr, 1968)

  • หนังสือภาพคลาสสิกที่เล่าเรื่องเสือที่มาเยี่ยมบ้านของเด็กหญิงคนหนึ่ง
  • ผสมผสานความจริงกับจินตนาการได้อย่างน่าสนใจ
  • ภาพประกอบที่อบอุ่นและมีชีวิตชีวา สร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจ
  • เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้จินตนาการถึงสิ่งแปลกประหลาดที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

33. Howl’s Moving Castle (Diana Wynne Jones, 1986)

  • นิยายแฟนตาซีที่เล่าเรื่องของ Sophie สาวน้อยที่ถูกสาปให้กลายเป็นคนแก่
  • สร้างโลกแฟนตาซีที่มีเอกลักษณ์ ผสมผสานเวทมนตร์กับเทคโนโลยี
  • นำเสนอตัวละครที่มีมิติและพัฒนาการทางอารมณ์ที่น่าสนใจ
  • ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันโดย Studio Ghibli

34. A Wrinkle in Time (Madeleine L’Engle, 1962)

  • นิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีที่ผสมผสานแนวคิดทางวิทยาศาสตร์กับปรัชญาและศาสนา
  • เล่าเรื่องการเดินทางข้ามมิติเวลาและอวกาศของ Meg Murry เพื่อช่วยพ่อของเธอ
  • นำเสนอตัวเอกหญิงที่เข้มแข็งและฉลาดในยุคที่ตัวเอกส่วนใหญ่เป็นชาย
  • ได้รับรางวัล Newbery Medal และมีอิทธิพลต่อวรรณกรรมเยาวชนในยุคต่อมา

35. Watership Down (Richard Adams, 1972)

  • นิยายผจญภัยที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มกระต่ายที่ต้องอพยพจากบ้านเกิด
  • สร้างสังคมและวัฒนธรรมของกระต่ายที่ซับซ้อนและน่าสนใจ
  • แฝงแนวคิดเกี่ยวกับการเป็นผู้นำ, ความกล้าหาญ, และการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ
  • แม้จะเขียนสำหรับเด็ก แต่ก็มีความลึกซึ้งที่ผู้ใหญ่สามารถเพลิดเพลินได้เช่นกัน

36. Tom’s Midnight Garden (Philippa Pearce, 1958)

  • นิยายแฟนตาซีที่เล่าเรื่องของ Tom ที่เดินทางข้ามเวลาไปยังสวนในอดีต
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับเวลา, ความทรงจำ, และมิตรภาพที่ข้ามกาลเวลา
  • สร้างบรรยากาศที่ลึกลับและน่าหลงใหล ชวนให้ผู้อ่านคิดตาม
  • ได้รับรางวัล Carnegie Medal และถือเป็นหนึ่งในวรรณกรรมเด็กคลาสสิกของอังกฤษ

37. Grimm’s Fairy Tales (Brothers Grimm, 1812)

  • รวมเรื่องสั้นนิทานพื้นบ้านที่รวบรวมโดยพี่น้องตระกูล Grimm
  • นำเสนอเรื่องราวที่มีทั้งความมหัศจรรย์, ความน่ากลัว, และบทเรียนทางศีลธรรม
  • มีอิทธิพลอย่างมากต่อวรรณกรรมเด็กและวัฒนธรรมป๊อปในเวลาต่อมา
  • เรื่องเล่าหลายเรื่องได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และสื่อต่างๆ มากมาย

38. The Tale of Peter Rabbit (Beatrix Potter, 1902)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องของกระต่ายน้อย Peter ที่แอบเข้าไปในสวนของคุณ McGregor
  • ภาพประกอบที่วาดด้วยมือและมีรายละเอียดสูง สร้างเอกลักษณ์ให้กับหนังสือ
  • สอนบทเรียนเกี่ยวกับการเชื่อฟังและผลของการไม่เชื่อฟัง
  • เป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์หนังสือสัตว์น่ารักของ Beatrix Potter

39. The Railway Children (Edith Nesbit, 1906)

  • เรื่องราวของพี่น้องสามคนที่ต้องย้ายไปอยู่ชนบทหลังจากพ่อถูกจับ
  • นำเสนอภาพชีวิตในชนบทอังกฤษช่วงต้นศตวรรษที่ 20
  • สอดแทรกแนวคิดเกี่ยวกับความกล้าหาญ, ความซื่อสัตย์, และความสำคัญของครอบครัว
  • ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายครั้ง

40. Noughts and Crosses (Malorie Blackman, 2001)

  • นิยายดิสโทเปียที่นำเสนอสังคมที่แบ่งแยกสีผิวแบบสลับขั้ว
  • เล่าเรื่องความรักต้องห้ามระหว่าง Sephy (ผิวดำ) และ Callum (ผิวขาว)
  • วิพากษ์วิจารณ์การเหยียดเชื้อชาติและความไม่เท่าเทียมในสังคม
  • เป็นเล่มแรกในซีรีส์ที่ได้รับความนิยมและกลายเป็นหนังสือเรียนในหลายโรงเรียน

41. The BFG (Roald Dahl and Quentin Blake, 1982)

  • เรื่องราวมิตรภาพระหว่างยักษ์ใจดีกับเด็กหญิงกำพร้า Sophie
  • นำเสนอโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยจินตนาการและการผจญภัย
  • ใช้ภาษาที่สร้างสรรค์และสนุกสนาน เช่น คำศัพท์แปลกๆ ของยักษ์
  • ภาพประกอบโดย Quentin Blake ที่เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับเรื่อง

42. Rules of Summer (Shaun Tan, 2013)

  • หนังสือภาพที่นำเสนอ “กฎ” แปลกๆ ของฤดูร้อนผ่านภาพวาดที่น่าทึ่ง
  • ใช้ศิลปะเชิงเซอร์เรียลิสม์เพื่อสร้างโลกที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกประหลาด
  • เปิดโอกาสให้ผู้อ่านตีความและจินตนาการเรื่องราวของตัวเอง
  • สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องและประสบการณ์วัยเด็ก

43. Momo (Michael Ende, 1973)

  • นิยายแฟนตาซีที่เล่าเรื่องของเด็กหญิง Momo ที่ต่อสู้กับพวก “คนสีเทา” ที่ขโมยเวลาของผู้คน
  • วิพากษ์วิจารณ์สังคมสมัยใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพและการประหยัดเวลา
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับคุณค่าของเวลา, มิตรภาพ, และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
  • ผสมผสานปรัชญาลึกซึ้งกับการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น

44. The Story of Ferdinand (Munro Leaf and Robert Lawson, 1936)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องของวัวกระทิงที่ชอบดมดอกไม้มากกว่าการสู้รบ
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเป็นตัวของตัวเองและการไม่ใช้ความรุนแรง
  • ภาพประกอบขาว-ดำที่มีรายละเอียดสูงโดย Robert Lawson
  • ถูกห้ามในบางประเทศเนื่องจากถูกมองว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การสู้วัวกระทิง

45. The Lord of the Rings (J.R.R. Tolkien, 1954)

  • มหากาพย์แฟนตาซีที่เล่าเรื่องการเดินทางเพื่อทำลายแหวนแห่งอำนาจ
  • สร้างโลก Middle-earth ที่มีรายละเอียดสูง ทั้งภาษา, ประวัติศาสตร์, และวัฒนธรรม
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับมิตรภาพ, ความกล้าหาญ, และการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว

46. The Owl Service (Alan Garner, 1967)

  • นิยายแฟนตาซีที่ผสมผสานตำนานเวลส์โบราณกับชีวิตวัยรุ่นสมัยใหม่
  • เล่าเรื่องของวัยรุ่นสามคนที่ถูกดึงเข้าไปในวงจรของตำนานโบราณที่เกิดซ้ำ
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับพลังของตำนาน, การเติบโต, และความขัดแย้งระหว่างวัฒนธรรม
  • ได้รับรางวัล Carnegie Medal และถือเป็นหนึ่งในวรรณกรรมเยาวชนที่ซับซ้อนและลึกซึ้ง

47. Ronia, the Robber’s Daughter (Astrid Lindgren, 1981)

  • เรื่องราวของ Ronia ลูกสาวหัวหน้าโจรที่เป็นมิตรกับลูกชายของคู่อริ
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับมิตรภาพที่ข้ามพ้นความขัดแย้งของผู้ใหญ่
  • สำรวจธีมของการเติบโต, ความกล้าหาญ, และการตัดสินใจด้วยตนเอง
  • ผสมผสานการผจญภัยในป่ากับการพัฒนาตัวละครได้อย่างลงตัว

48. The Neverending Story (Michael Ende, 1979)

  • นิยายแฟนตาซีที่เล่าเรื่องของ Bastian ที่ถูกดึงเข้าไปในโลกของหนังสือที่เขากำลังอ่าน
  • สำรวจพลังของจินตนาการและความสำคัญของการเล่าเรื่อง
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อการสร้างสรรค์และผลกระทบของการกระทำ
  • ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่ซับซ้อน โดยสลับระหว่างโลกจริงและโลกในนิยาย

49. The Panchatantra (Anonymous / folk, -200)

  • รวมนิทานสอนใจจากอินเดียโบราณ ที่มีอายุราว 2,000 ปี
  • เล่าเรื่องผ่านตัวละครสัตว์ต่างๆ เพื่อสอนบทเรียนทางศีลธรรมและปรัชญาชีวิต
  • มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมทั้งตะวันออกและตะวันตก รวมถึงนิทานอีสป
  • แสดงให้เห็นถึงความเป็นสากลของคติธรรมและความเฉลียวฉลาดของมนุษย์

50. Treasure Island (Robert Louis Stevenson, 1883)

  • นิยายผจญภัยคลาสสิกเกี่ยวกับการล่าสมบัติของโจรสลัด
  • สร้างภาพจำของโจรสลัดที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมป๊อปมาจนถึงปัจจุบัน
  • นำเสนอตัวละครที่น่าจดจำ เช่น Long John Silver
  • ผสมผสานการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นกับการเติบโตของตัวเอกวัยรุ่น Jim Hawkins

51. Mary Poppins (P.L. Travers, 1934)

  • เรื่องราวของพี่เลี้ยงเด็กวิเศษที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิตของครอบครัว Banks
  • นำเสนอการผจญภัยที่มหัศจรรย์ผสมผสานกับชีวิตประจำวันในลอนดอน
  • ตัวละคร Mary Poppins ที่เป็นทั้งเข้มงวดและน่ารัก สร้างเสน่ห์ให้กับเรื่อง
  • เป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์หนังสือและได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดัง

52. Ballet Shoes (Noel Streatfeild, 1936)

  • เรื่องราวของพี่น้องสามคนที่ถูกรับเลี้ยงและฝึกฝนในวงการบัลเลต์และการแสดง
  • นำเสนอภาพชีวิตของเด็กในวงการบันเทิงในลอนดอนช่วงทศวรรษ 1930
  • สำรวจแนวคิดเกี่ยวกับการค้นหาตัวตน, ความทะเยอทะยาน, และความสำคัญของครอบครัว
  • เป็นเล่มแรกในซีรีส์ “Shoes” ที่ได้รับความนิยม

53. So Much! (Trish Cooke and Helen Oxenbury, 1994)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องการเฉลิมฉลองวันเกิดในครอบครัวแคริบเบียน-อังกฤษ
  • นำเสนอความอบอุ่นและความสนุกสนานของครอบครัวขยาย
  • ใช้ภาษาที่มีจังหวะและการซ้ำคำที่สนุก เหมาะสำหรับการอ่านออกเสียง
  • ภาพประกอบที่สดใสและมีชีวิตชีวาโดย Helen Oxenbury

54. We’re Going on a Bear Hunt (Michael Rosen and Helen Oxenbury, 1989)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องการผจญภัยของครอบครัวที่ออกไปล่าหมี
  • ใช้คำซ้ำและเสียงประกอบที่สนุก ชวนให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในการอ่าน
  • ภาพประกอบที่สวยงามโดย Helen Oxenbury ที่สลับระหว่างภาพสีและภาพขาวดำ
  • สอนเรื่องการเผชิญหน้ากับความกลัวและการผจญภัยในธรรมชาติ

55. The Adventures of Cipollino (Gianni Rodari, 1951)

  • นิทานแนวการเมืองสำหรับเด็กของนักเขียนอิตาลี
  • เล่าเรื่องของ Cipollino หัวหอมน้อยที่ต่อสู้กับความอยุติธรรมในสังคม
  • ใช้ตัวละครที่เป็นผักและผลไม้เพื่อวิพากษ์วิจารณ์สังคมและการเมือง

56. The Giving Tree (Shel Silverstein, 1964)

  • เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเด็กชายกับต้นไม้ที่เสียสละทุกอย่างเพื่อเขา
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความรักไม่มีเงื่อนไขและการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
  • เปิดโอกาสให้ตีความได้หลากหลาย ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
  • ภาพประกอบเรียบง่ายแต่ทรงพลังโดยผู้เขียนเอง

57. The Gruffalo (Julia Donaldson and Axel Scheffler, 1999)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องหนูตัวเล็กที่ใช้ไหวพริบหลอกสัตว์ใหญ่ด้วยเรื่องสัตว์ประหลาด Gruffalo
  • ใช้คำคล้องจองและการซ้ำที่ทำให้จดจำง่ายและสนุกในการอ่านออกเสียง
  • ภาพประกอบที่มีสีสันสดใสและรายละเอียดน่าสนใจโดย Axel Scheffler
  • สอนเรื่องความฉลาดและไหวพริบในการเอาตัวรอดจากอันตราย

58. Julián Is a Mermaid (Jessica Love, 2018)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องเด็กชายที่หลงใหลในนางเงือกและต้องการแต่งตัวเป็นนางเงือก
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการยอมรับตัวเองและการสนับสนุนจากครอบครัว
  • ภาพประกอบที่สวยงามและอ่อนโยนสื่อถึงอารมณ์และบรรยากาศได้ดี
  • ส่งเสริมความหลากหลายและการยอมรับในตัวตนที่แตกต่าง

59. Comet in Moominland (Tove Jansson, 1946)

  • เล่มที่สองในซีรีส์ Moomin ที่โด่งดัง
  • เล่าเรื่องการผจญภัยของ Moomintroll และเพื่อนๆ เพื่อหนีจากดาวหางที่กำลังจะพุ่งชนโลก
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับมิตรภาพ, ความกล้าหาญ, และการเผชิญหน้ากับความกลัว
  • สร้างโลกแฟนตาซีที่มีเอกลักษณ์และตัวละครที่น่าจดจำ

60. Finn Family Moomintroll (Tove Jansson, 1948)

  • เล่มที่สามในซีรีส์ Moomin
  • เล่าเรื่องราวการผจญภัยของครอบครัว Moomin ในช่วงฤดูร้อน
  • แนะนำตัวละครสำคัญหลายตัว รวมถึงหมวกนักมายากลที่เปลี่ยนสิ่งของ
  • ผสมผสานความสนุกสนานกับปรัชญาชีวิตได้อย่างลงตัว

61. The Witches (Roald Dahl and Quentin Blake, 1983)

  • เรื่องราวของเด็กชายที่ต่อสู้กับแก๊งแม่มดที่วางแผนกำจัดเด็กๆ ทั่วโลก
  • นำเสนอตัวร้ายที่น่ากลัวแต่ก็ตลกในเวลาเดียวกัน
  • สอดแทรกประเด็นเกี่ยวกับความกล้าหาญและการเอาชนะอุปสรรคแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
  • ภาพประกอบโดย Quentin Blake ที่เพิ่มความน่ากลัวและความตลกขบขันให้กับเรื่อง

62. A Bear Called Paddington (Michael Bond, 1958)

  • แนะนำตัวละคร Paddington หมีจากเปรูที่มาอาศัยอยู่กับครอบครัวในลอนดอน
  • นำเสนอมุมมองของคนต่างถิ่นที่พยายามปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมใหม่
  • สอดแทรกอารมณ์ขันและความอบอุ่นของครอบครัว
  • เป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์ที่ได้รับความนิยมและถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์

63. The Wind in the Willows (Kenneth Grahame, 1908)

  • เรื่องราวการผจญภัยของสัตว์จำพวก Mole, Rat, Badger, และ Toad
  • นำเสนอภาพชีวิตในชนบทอังกฤษและมิตรภาพระหว่างเพื่อนต่างสายพันธุ์
  • ผสมผสานการผจญภัยที่ตื่นเต้นกับช่วงเวลาสงบและอบอุ่น
  • มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมเด็กในเวลาต่อมาและได้รับการดัดแปลงหลายครั้ง

64. Roll of Thunder, Hear My Cry (Mildred D. Taylor, 1976)

  • เล่าเรื่องราวของครอบครัวผิวดำในมิสซิสซิปปีช่วงยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
  • นำเสนอประเด็นเรื่องการเหยียดผิวและความไม่เท่าเทียมทางสังคม
  • สำรวจความสำคัญของครอบครัว, การศึกษา, และความภาคภูมิใจในตนเอง
  • ได้รับรางวัล Newbery Medal และเป็นหนังสือที่มักใช้ในการเรียนการสอน

65. Karlsson-on-the-Roof (Astrid Lindgren, 1955)

  • เรื่องราวของ Karlsson ชายตัวเล็กที่มีใบพัดบนหลังและอาศัยอยู่บนหลังคา
  • นำเสนอมิตรภาพระหว่าง Karlsson กับ Smidge เด็กชายธรรมดา
  • ผสมผสานความตลกขบขันกับการผจญภัยในชีวิตประจำวัน

66. The Phantom Tollbooth (Norton Juster and Jules Feiffer, 1961)

  • นิยายแฟนตาซีที่เล่าเรื่องของ Milo เด็กชายที่เบื่อหน่ายกับโลก
  • ผจญภัยในดินแดนแห่งภาษาและตัวเลขที่เต็มไปด้วยคำเล่นคำและปริศนา
  • สอนแนวคิดทางคณิตศาสตร์และภาษาศาสตร์ผ่านการผจญภัยที่สนุกสนาน
  • ภาพประกอบโดย Jules Feiffer ที่เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับตัวละครและฉาก

67. The Cat in the Hat (Dr. Seuss, 1957)

  • หนังสือภาพที่ใช้คำศัพท์ง่ายๆ เพียง 236 คำในการเล่าเรื่อง
  • เรื่องราวของแมวสวมหมวกที่มาสร้างความวุ่นวายในบ้านของเด็กๆ
  • ใช้คำคล้องจองและจังหวะที่สนุก ช่วยให้เด็กๆ อ่านได้ง่าย
  • มีอิทธิพลอย่างมากต่อการเรียนรู้การอ่านของเด็กในอเมริกา

68. The Miraculous Journey of Edward Tulane (Kate DiCamillo and Bagram Ibatoulline, 2006)

  • เรื่องราวของตุ๊กตากระต่ายพอร์ซเลนที่เรียนรู้ความหมายของความรัก
  • ติดตามการเดินทางของ Edward ผ่านมือของเจ้าของหลายคน
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการสูญเสีย, การเติบโตทางอารมณ์, และพลังของความรัก
  • ภาพประกอบสวยงามโดย Bagram Ibatoulline ที่เพิ่มความลึกซึ้งให้กับเรื่องราว

69. Peter and Wendy (J.M. Barrie, 1911)

  • นิยายต้นฉบับที่เล่าเรื่องราวของ Peter Pan และ Wendy
  • สร้างโลกแฟนตาซีของ Neverland ที่เด็กๆ ไม่มีวันโตขึ้น
  • สำรวจแนวคิดเกี่ยวกับการเติบโต, ความรับผิดชอบ, และความเป็นเด็ก
  • มีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรมป๊อปและได้รับการดัดแปลงหลายครั้ง

70. One Thousand and One Nights (Anonymous / folk)

  • รวมนิทานพื้นบ้านจากตะวันออกกลางและเอเชียใต้
  • เล่าผ่านเรื่องเล่าของ Scheherazade ที่เล่านิทานเพื่อรักษาชีวิตของเธอ
  • แนะนำตัวละครที่เป็นที่รู้จักกันดี เช่น Aladdin, Ali Baba, และ Sinbad
  • มีอิทธิพลอย่างมากต่อวรรณกรรมและวัฒนธรรมทั่วโลก

71. From the Mixed-Up Files of Mrs. Basil E. Frankweiler (E.L. Konigsburg, 1967)

  • เรื่องราวของพี่น้องที่หนีออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Metropolitan ในนิวยอร์ก
  • ผสมผสานการผจญภัยกับปริศนาทางประวัติศาสตร์ศิลป์
  • สำรวจแนวคิดเกี่ยวกับการค้นหาตัวเอง, ความเป็นอิสระ, และคุณค่าของศิลปะ
  • ได้รับรางวัล Newbery Medal และเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ มาหลายรุ่น

72. When Hitler Stole Pink Rabbit (Judith Kerr, 1971)

  • อัตชีวประวัติบางส่วนของผู้เขียนที่เล่าเรื่องราวของครอบครัวชาวยิวที่หนีจากเยอรมนีในช่วงที่ฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจ
  • นำเสนอมุมมองของเด็กที่ต้องเผชิญกับสงครามและการลี้ภัย
  • สำรวจแนวคิดเกี่ยวกับบ้าน, ตัวตน, และการปรับตัวในสถานการณ์ยากลำบาก
  • เป็นเล่มแรกในไตรภาคที่เล่าเรื่องราวชีวิตของผู้เขียน

73. Shum bola (G’afur G’ulom, 1936)

  • นิยายภาษาอุซเบกที่เล่าเรื่องราวของเด็กกำพร้าในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
  • นำเสนอภาพสังคมอุซเบกิสถานในช่วงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง
  • สำรวจประเด็นเกี่ยวกับความยากจน, การศึกษา, และการเอาชนะอุปสรรค
  • ถือเป็นวรรณกรรมคลาสสิกของอุซเบกิสถานและใช้ในการเรียนการสอนในโรงเรียน

74. Ernest and Celestine (Gabrielle Vincent, 1981)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องมิตรภาพระหว่างหมีและหนู
  • ใช้ภาพวาดสีน้ำที่อ่อนโยนและเรียบง่ายในการสื่ออารมณ์
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับมิตรภาพที่ข้ามพ้นความแตกต่าง
  • เป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์หนังสือและได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชัน

75. A Kind of Spark (Elle McNicoll, 2020)

  • นิยายร่วมสมัยที่เล่าเรื่องของ Addie เด็กหญิงออทิสติกที่ต่อสู้เพื่อสร้างอนุสรณ์สถานให้กับผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดในหมู่บ้านของเธอ
  • นำเสนอตัวละครหลักที่เป็นเด็กออทิสติกอย่างสมจริงและเต็มไปด้วยมิติ
  • สำรวจประเด็นเกี่ยวกับการยอมรับความแตกต่าง, ความยุติธรรมทางสังคม, และพลังของการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่เชื่อ
  • ได้รับรางวัล Waterstones Children’s Book Prize ในปี 2021

76. Little Nicholas (René Goscinny and Jean-Jacques Sempé, 1959)

  • เรื่องราวตลกขบขันของเด็กชายฝรั่งเศสชื่อ Nicholas และเพื่อนๆ ของเขา
  • นำเสนอมุมมองของเด็กต่อโลกผู้ใหญ่อย่างสนุกสนานและเฉียบแหลม
  • ภาพประกอบที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์โดย Jean-Jacques Sempé
  • เป็นที่นิยมอย่างมากในฝรั่งเศสและได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย

77. Black Beauty (Anna Sewell, 1877)

  • เล่าเรื่องราวชีวิตของม้าชื่อ Black Beauty ผ่านมุมมองของตัวม้าเอง
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความเมตตาต่อสัตว์และการปฏิบัติต่อม้าอย่างมีมนุษยธรรม
  • มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวด้านสวัสดิภาพสัตว์ในยุคนั้น
  • เป็นหนึ่งในหนังสือขายดีที่สุดตลอดกาลและได้รับการดัดแปลงหลายครั้ง

78. Daddy-Long-Legs (Jean Webster, 1912)

  • นิยายที่เขียนในรูปแบบจดหมายของเด็กสาวกำพร้าที่ได้รับทุนเรียนจากผู้อุปถัมภ์ลึกลับ
  • สำรวจประเด็นเกี่ยวกับการศึกษาของผู้หญิง, การเติบโต, และความรัก
  • นำเสนอตัวเอกหญิงที่มีความคิดเป็นของตัวเองและมีอารมณ์ขัน
  • ได้รับความนิยมอย่างมากและถูกดัดแปลงเป็นละครเวทีและภาพยนตร์หลายครั้ง

79. No Kiss for Mother (Tomi Ungerer, 1973)

  • หนังสือภาพที่เล่าเรื่องของแมวน้อยที่ไม่ชอบให้แม่จูบ
  • นำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกอย่างตรงไปตรงมาและมีอารมณ์ขัน
  • ภาพประกอบที่มีเอกลักษณ์และบางครั้งก็แหวกแนวโดย Tomi Ungerer
  • ท้าทายแนวคิดดั้งเดิมเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหมาะสมในหนังสือเด็ก

80. My Family and Other Animals (Gerald Durrell, 1956)

  • บันทึกความทรงจำแบบกึ่งอัตชีวประวัติของ Gerald Durrell เกี่ยวกับช่วงเวลาที่ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่บนเกาะคอร์ฟู
  • ผสมผสานความรู้ทางธรรมชาติวิทยากับเรื่องราวครอบครัวที่แสนจะวุ่นวาย
  • นำเสนอความงามของธรรมชาติและสัตว์ต่างๆ ผ่านสายตาของเด็กชายที่หลงใหลในสัตว์
  • มีอารมณ์ขันและความอบอุ่นที่ทำให้ผู้อ่านประทับใจมาหลายรุ่น

81. Jacob Have I Loved (Katherine Paterson, 1980)

  • เรื่องราวของ Sara Louise ที่รู้สึกอยู่ในเงาของน้องสาวฝาแฝดของเธอ
  • สำรวจประเด็นเกี่ยวกับความอิจฉาริษยาระหว่างพี่น้อง, การค้นหาตัวตน, และการเติบโต
  • ตั้งอยู่บนเกาะในรัฐแมรีแลนด์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
  • ได้รับรางวัล Newbery Medal และเป็นที่ถกเถียงเนื่องจากเนื้อหาที่ซับซ้อนสำหรับเด็ก

82. The Lorax (Dr. Seuss, 1971)

  • หนังสือภาพที่นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและผลกระทบของการทำลายป่า
  • ใช้ตัวละคร Lorax เป็นผู้พูดแทนต้นไม้และสิ่งแวดล้อม
  • นำเสนอข้อความที่จริงจังผ่านภาษาและภาพที่สนุกสนานแบบ Dr. Seuss
  • เป็นหนึ่งในหนังสือที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กๆ

83. Fairy Tales / The Tales of Mother Goose (Charles Perrault, 1697)

  • รวมนิทานคลาสสิกที่รู้จักกันดี เช่น Cinderella, Sleeping Beauty, Little Red Riding Hood
  • มีอิทธิพลอย่างมากต่อวรรณกรรมเด็กและวัฒนธรรมป๊อปในเวลาต่อมา
  • นำเสนอบทเรียนทางศีลธรรมผ่านเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นและจินตนาการ
  • เป็นรากฐานสำคัญของนิทานแนวแฟร์รีเทลในยุโรป

84. The Moomins and the Great Flood (Tove Jansson, 1945)

  • เล่มแรกในซีรีส์ Moomin ที่แนะนำตัวละคร Moomintroll และครอบครัว
  • เล่าเรื่องการเดินทางของ Moominmamma และ Moomintroll เพื่อตามหา Moominpappa
  • สร้างโลกแฟนตาซีที่มีเอกลักษณ์และตัวละครที่น่าจดจำ
  • สะท้อนบรรยากาศหลังสงครามโลกครั้งที่สองในฟินแลนด์ผ่านเรื่องราวแฟนตาซี

85. The Wonderful Wizard of Oz (L. Frank Baum, 1900)

  • การผจญภัยของ Dorothy ในดินแดนแห่ง Oz
  • นำเสนอตัวละครอมตะอย่าง Scarecrow, Tin Woodman, และ Cowardly Lion
  • ผสมผสานแฟนตาซีกับการวิพากษ์สังคมและการเมืองอเมริกันในยุคนั้น
  • เป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์ Oz และได้รับการดัดแปลงเป็นสื่อต่างๆ มากมาย

86. Just William (Richmal Crompton, 1922)

  • เรื่องราวของ William Brown เด็กชายวัย 11 ปีที่มักสร้างความวุ่นวาย
  • นำเสนอภาพชีวิตในชนบทอังกฤษช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ผ่านสายตาของเด็ก
  • ผสมผสานอารมณ์ขันกับการวิพากษ์สังคมอย่างแยบยล
  • เป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์ยาวนานที่มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมตลกสำหรับเด็ก

87. The Twits (Roald Dahl and Quentin Blake, 1980)

  • เรื่องราวของคู่สามีภรรยาที่น่าเกลียดน่ากลัวชื่อ Mr. และ Mrs. Twit
  • นำเสนออารมณ์ขันแบบดำๆ และการแกล้งกันไปมาระหว่างตัวละคร
  • สอดแทรกบทเรียนเกี่ยวกับการกลั่นแกล้งและผลของการกระทำที่ไม่ดี
  • ภาพประกอบที่แสนสนุกและน่าจดจำโดย Quentin Blake

88. The Mouse and His Child (Russell Hoban, 1967)

  • เรื่องราวของของเล่นนาฬิกาพ่อลูกที่ถูกทิ้งและออกผจญภัย
  • ผสมผสานแฟนตาซีกับปรัชญาที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิตและการดำรงอยู่
  • นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับครอบครัว, มิตรภาพ, และการค้นหาบ้าน
  • มีความซับซ้อนทางอารมณ์และเนื้อหาที่ท้าทายสำหรับผู้อ่านทุกวัย

89. Out of My Mind (Sharon M. Draper, 2010)

  • เรื่องราวของ Melody เด็กหญิงที่มีสมองพิการแต่มีความสามารถพิเศษ
  • นำเสนอมุมมองของผู้พิการและความท้าทายในการสื่อสารกับผู้อื่น
  • สำรวจประเด็นเกี่ยวกับการยอมรับความแตกต่าง, การเอาชนะอุปสรรค, และการค้นพบตัวตน
  • สร้างความตระหนักและความเข้าใจเกี่ยวกับผู้ที่มีความต้องการพิเศษ

90. Moominvalley in November (Tove Jansson, 1970)

  • เล่มสุดท้ายในซีรีส์ Moomin ที่มีบรรยากาศเศร้าและครุ่นคิดมากกว่าเล่มอื่นๆ
  • เล่าเรื่องของตัวละครต่างๆ ที่มาเยือนบ้าน Moomin ในขณะที่ครอบครัว Moomin ไม่อยู่
  • สำรวจแนวคิดเกี่ยวกับการสูญเสีย, ความโดดเดี่ยว, และการค้นหาตัวตน
  • สะท้อนช่วงชีวิตของ Tove Jansson เองที่กำลังเปลี่ยนแปลง

91. Little House in the Big Woods (Laura Ingalls Wilder, 1932)

  • เล่มแรกในซีรีส์ Little House ที่เล่าเรื่องชีวิตของครอบครัว Ingalls ในป่าใหญ่แห่งวิสคอนซิน
  • นำเสนอภาพชีวิตของผู้บุกเบิกอเมริกันในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
  • ให้รายละเอียดเกี่ยวกับวิถีชีวิต, งานบ้าน, และประเพณีในยุคนั้น
  • ผสมผสานเรื่องจริงกับจินตนาการ สร้างความประทับใจให้ผู้อ่านมาหลายรุ่น

92. Danny the Champion of the World (Roald Dahl, 1975)

  • เรื่องราวของ Danny และพ่อของเขาที่อาศัยอยู่ในรถบ้านและทำงานที่อู่ซ่อมรถ
  • นำเสนอความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพ่อลูก
  • ผจญภัยในการขโมยไก่ฟ้าจากเจ้าของที่ดินที่เห็นแก่ตัว
  • สำรวจแนวคิดเกี่ยวกับความยุติธรรม, ความซื่อสัตย์, และความกล้าหาญ

93. The Snowman (Raymond Briggs, 1978)

  • หนังสือภาพไร้คำบรรยายที่เล่าเรื่องเด็กชายกับมนุษย์หิมะที่มีชีวิต
  • ใช้ภาพวาดสีหม่นๆ แต่อบอุ่นในการสื่ออารมณ์และเรื่องราว
  • นำเสนอจินตนาการและความมหัศจรรย์ของวัยเด็ก
  • ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่โด่งดังและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมคริสต์มาส

94. Wave (Suzy Lee, 2008)

  • หนังสือภาพไร้คำบรรยายที่เล่าเรื่องเด็กหญิงที่เล่นกับคลื่นทะเล
  • ใช้สีน้ำเงินและขาวดำในการสร้างภาพที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
  • สื่อถึงความสนุกสนาน, ความกลัว, และความตื่นเต้นของการเผชิญหน้ากับธรรมชาติ
  • เป็นส่วนหนึ่งของไตรภาคหนังสือภาพของ Suzy Lee ที่สำรวจขอบเขตของหน้ากระดาษ

95. The Black Brothers (Lisa Tetzner, 1940)

  • เรื่องราวของเด็กชายชาวสวิสที่ถูกขายให้เป็นคนกวาดปล่องไฟในเมืองมิลาน
  • นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กและความไม่เท่าเทียมทางสังคม
  • สะท้อนสภาพสังคมในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 19
  • ผสมผสานความตื่นเต้นของการผจญภัยกับการวิพากษ์สังคม

96. The Velveteen Rabbit (Margery Williams, 1922)

  • เรื่องราวของตุ๊กตากระต่ายที่ต้องการจะกลายเป็นของจริง
  • สำรวจแนวคิดเกี่ยวกับความรัก, การยอมรับ, และการเติบโต
  • นำเสนอบทเรียนเกี่ยวกับคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งของและความสัมพันธ์
  • ภาษาที่ไพเราะและภาพประกอบที่อบอุ่นสร้างความประทับใจให้ผู้อ่านทุกวัย

97. The Bad Beginning (Lemony Snicket, 1999)

  • เล่มแรกในซีรีส์ A Series of Unfortunate Events
  • เล่าเรื่องของพี่น้อง Baudelaire ที่ต้องเผชิญกับโชคร้ายและภัยอันตรายนานัปการ
  • ใช้ภาษาที่ฉลาดและอารมณ์ขันแบบดำๆ ในการเล่าเรื่อง
  • ท้าทายขนบของวรรณกรรมเด็กด้วยการนำเสนอเรื่องราวที่ไม่มีความสุขตลอดเวลา

98. The Graveyard Book (Neil Gaiman, 2008)

  • เรื่องราวของเด็กชายที่ถูกเลี้ยงดูโดยผีในสุสาน
  • ดัดแปลงแนวคิดจาก “The Jungle Book” มาสู่บริบทของสุสานและโลกของวิญญาณ
  • ผสมผสานความน่ากลัว, ความตลกขบขัน, และการเติบโตได้อย่างลงตัว
  • ได้รับรางวัล Newbery Medal และ Carnegie Medal

99. American Born Chinese (Gene Luen Yang and Lark Pien, 2006)

  • นิยายกราฟิกที่เล่าเรื่องราวสามเรื่องที่เชื่อมโยงกัน
  • สำรวจประเด็นเกี่ยวกับอัตลักษณ์, การเหยียดเชื้อชาติ, และการยอมรับตัวเอง
  • ผสมผสานตำนานจีนกับประสบการณ์ของชาวอเมริกันเชื้อสายจีน
  • เป็นนิยายกราฟิกเล่มแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล National Book Award

100. Haroun and the Sea of Stories (Salman Rushdie, 1990)

  • เรื่องราวแฟนตาซีที่เขียนโดยนักเขียนชื่อดัง Salman Rushdie
  • เล่าถึงการผจญภัยของ Haroun เพื่อช่วยพ่อของเขาที่เป็นนักเล่านิทาน
  • วิพากษ์วิจารณ์การเซ็นเซอร์และความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงออก
  • ผสมผสานจินตนาการแบบตะวันออกกับการเล่าเรื่องแบบตะวันตกได้อย่างลงตัว
  • สะท้อนประสบการณ์ของ Rushdie เองที่ถูกคุกคามจากฟัตวาของอิหร่าน