ข้อมูล หนังสือ

- ชื่อหนังสือ: วิธีเป็นคน 1% ที่ “หาเงินเก่ง” ที่สุด
- ผู้เขียน: เกรซ เฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูล
- สำนักพิมพ์: อมรินทร์ How to
- หมวดหมู่: จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง, การพัฒนาตัวเอง how to
- จำนวนหน้า: 156 หน้า
- ราคาปกติ: 225 บาท ราคาลด: 202.50 บาท (ลด 10%)
- ISBN/บาร์โค้ด: 9786161834814
สารบัญ : วิธีเป็นคน 1% ที่ “หาเงินเก่ง” ที่สุด
- “เงิน” ซื้ออำนาจในการใช้ชีวิตให้คุณได้!
- คุณ “ดีพอ” สำหรับทุกสิ่งที่คุณต้องการ
- อย่าสร้าง “ขีดจำกัด” ให้ตัวเอง หรือให้คนอื่นสร้างให้คุณ
- เลิก “ทน” กับชีวิตที่คุณไม่พอใจ
- เริ่ม “วางแผน” ชีวิตให้ไกลกว่าเดิม
- คน “หาเงินเก่ง” ทั้งโลกมี 3 ข้อที่เหมือนกัน
- คุณสมบัติดึงดูด “คน” และ “เงิน”
- “งาน” ที่คุณเลือกบ่งบอกว่าคุณเป็นใคร
- คุณมีได้ทั้ง “เงิน” และ “ความสุข”
- “เป็นตัวของตัวเอง” แล้วคุณจะทรงพลัง
- ทำสิ่งที่คุณ “หลงใหล” และเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น
สรุปเนื้อหา วิธีเป็นคน 1% ที่หาเงินเก่งที่สุด: เคล็ดลับสู่ความมั่งคั่งทางการเงิน
ในโลกปัจจุบัน เงินเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข แต่การหาเงินให้ได้มากนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คนรวยไม่ได้โฟกัสที่การมีเงินเยอะ แต่โฟกัสที่การหาเงินเก่ง หนังสือเล่มนี้จะช่วยเปลี่ยน Mindset ให้คิดบวก (Think positive) และให้คิดใหญ่ (Think big) ขึ้น

บทที่ 1: เงินซื้ออำนาจในการใช้ชีวิตให้ได้
แม้ว่าเงินอาจไม่สามารถซื้อความสุขได้โดยตรง แต่การมีเงินเพียงพอสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสได้มากมาย เงินให้อำนาจในการใช้ชีวิตตามที่ต้องการ และนั่นสามารถนำไปสู่ความสุขได้
การมีเงินมากขึ้นไม่ได้ทำให้มีความสุขน้อยลง กลับทำให้มีความสุขมากขึ้นได้ เพราะเงินจะทำให้มีอำนาจในการใช้ชีวิตมากขึ้น สามารถทำในสิ่งที่ต้องการ และทำในสิ่งที่มีความสุข เกิดมาครั้งเดียวต้องการมีอำนาจใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ และนั่นทำให้ความสุขเป็นไปได้มากที่สุด
บทที่ 2: ดีพอสำหรับทุกสิ่งที่ต้องการ
ไม่มีคำว่าไม่ดีพอในพจนานุกรมของคนรวย สิ่งที่กำหนดชีวิตพวกเขาไม่ใช่พวกเขาดีพอสำหรับอะไร แค่พวกเขาต้องการอะไร และถ้าพวกเขาต้องการมัน จะไม่มีอะไรหยุดยั้งพวกเขาได้
Self-esteem หรือความเชื่อมั่นในคุณค่าและความสามารถของตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จและความร่ำรวยมากมาย เพราะทำให้คิดว่าไม่มีอะไรในโลกที่ทำไม่ได้ ถ้ารู้ดีว่าดีพอก็จะเดินหน้าไล่ล่ามัน และถ้ารู้ว่ายังไม่ดีพอก็จะทำให้ตัวเองดีพอ
บทที่ 3: อย่าสร้างขีดจำกัดให้ตัวเอง หรือให้คนอื่นสร้างให้
ความเชื่ออาจเป็นแรงผลักดัน หรือขีดจำกัดศักยภาพของตัวเองก็ได้ จงเชื่อว่าศักยภาพไม่มีขีดจำกัด และทำสิ่งที่ท้าทายขึ้นเรื่อย ๆ
อย่าให้คนอื่นสร้างขีดจำกัดให้ อย่าโฟกัสที่คนอื่นคิดอะไร จงโฟกัสที่คิดอะไรกับตัวเอง เพราะ 9 ใน 10 ครั้ง เสียงคนอื่นไม่ดังเท่าเสียงตัวเอง
บทที่ 4: เลิกทนกับชีวิตที่คุณไม่พอใจ
การที่ตัดสินใจเริ่มเปลี่ยนแปลง เกิดจากการที่เลิกทน ถ้าไม่พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ ให้กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง
ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดน่ากลัวเท่ากับติดอยู่ที่เดิม โดยเฉพาะการติดอยู่ที่เดิมกับสิ่งแย่ ๆ ย่อมแย่กว่าการไปข้างหน้าแล้วไปเจอสิ่งแย่ ๆ เพราะอย่างน้อยก็ไปข้างหน้า ต้องไปข้างหน้าต่อ จนกระทั่งได้เจอสิ่งที่ดี ๆ
บทที่ 5: เริ่มวางแผนชีวิตให้ไกลกว่าเดิม
คนรวยวางแผนถึงอนาคต 10 ปีข้างหน้า ในขณะที่คนจนวางแผนแค่สุดสัปดาห์ การวางแผนชีวิตจะทำให้ได้ชีวิตที่ต้องการ
จำไว้ว่าวิสัยทัศน์สำคัญกว่าความเป็นจริง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในความเป็นจริงจะปรับเข้าหาวิสัยทัศน์ เมื่อคิดใหญ่จะทำใหญ่ เมื่อเชื่อว่าเป็นไปได้จะทำให้เป็นไปได้
บทที่ 6: คนหาเงินเก่งทั้งโลกมี 3 ข้อที่เหมือนกัน
- ความฉลาด: ชอบคิด ชอบหาไอเดีย และชอบวางแผน
- ความกล้า: กล้าเข้าหาผู้คน กล้าพูด กล้าขาย
- ความขยัน: ต้องคิดหาไอเดีย และวางแผนออกไปหาผู้คนตลอดเวลา
คนหาเงินเก่งไม่ได้ฉลาดเหมือนคนทั่วไป เขาเป็นคนชอบคิด ชอบหาไอเดีย และชอบวางแผน เขาไม่เคยหยุดคิดถึงวิธีที่จะหาเงิน เขาไม่เคยหยุดหาไอเดียที่จะสร้างสรรค์ และทำอะไรบางอย่างเพื่อให้คนซื้อมัน
บทที่ 7: คุณสมบัติดึงดูดคนและเงิน
บุคลิกภาพ
มีบุคลิกภาพที่ดึงดูด มั่นใจ และประสบความสำเร็จ ทุกคนในโลกจะให้ความสนใจ ถ้าเป็นนักสร้าง First Impression หรือเป็นคนที่มีบุคลิกภาพเหนือคนทั่วไป
การพูด
พูดอย่างมั่นใจ มีเสน่ห์ และทำให้คนคล้อยตาม การพูดที่ทำให้คนชอบคือการพูดที่มั่นใจ เป็นตัวของตัวเอง มีเสน่ห์ มีอารมณ์ขัน มีพลัง และทำให้คนคล้อยตาม
จิตวิทยา
ฝึกอ่านคน ชนะใจคน และโน้มน้าวจูงใจคน ถ้าไม่มีจิตวิทยาย่อมบรรลุเป้าหมายได้ยาก ดังนั้นจงฝึกจิตวิทยาในการอ่านคน ชนะใจคน และโน้มน้าวจูงใจคน
บทที่ 8: งานที่เลือกบ่งบอกว่าเป็นใคร
งานไม่ใช่แค่เครื่องมือหาเงิน แต่เป็นสิ่งที่กำหนดทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เลือกงานที่ตอบโจทย์ความหลงใหล ความสามารถ และอนาคตของคุณ
งานสำคัญต่อชีวิต และไม่ใช่แค่สิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้ เช่น ต้องมีงานทำจะได้ไม่อดตาย หรือต้องมีงานดี ๆ จะได้มีเงินเยอะ ๆ งานไม่ได้สำคัญเพราะเหตุผลแค่นั้น งานที่เลือกบ่งบอกว่าเป็นใคร ทำให้ใครเข้ามามีความสัมพันธ์ และทำให้ลงเอยกับชีวิตแบบไหน
บทที่ 9: มีได้ทั้งเงินและความสุข
เชื่อว่าคุณสามารถมีทั้งเงินและความสุขได้ พยายามหาวิธีที่จะทำให้ได้ทั้งสองอย่าง อย่ายอมแลกความสุขเพื่อเงินหรือยอมจนเพื่อความสุข
ถ้าแน่วแน่ว่าต้องการเงินและความสุข จะไม่ทำสิ่งที่ไม่มีความสุข และจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ได้เงิน จะปฏิเสธสิ่งที่ไม่ต้องการและต่อสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
บทที่ 10: เป็นตัวของตัวเองแล้วจะทรงพลัง
คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือคนที่เป็นตัวของตัวเองที่สุด ปลดปล่อยสิ่งที่เป็นออกมาให้โลกได้เห็น
ไม่มีใครเพอร์เฟค ทำให้ทุกคนในโลกชอบไม่ได้ แต่อย่างน้อยการเป็นตัวของตัวเองหมายถึง การยอมรับในตัวเอง และนั่นสำคัญที่สุด
บทที่ 11: ทำสิ่งที่หลงใหลและเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น
วิธีที่จะหาเงินได้เยอะที่สุดคือ ทำสิ่งที่รัก หลงใหล และตื่นเต้นกับมัน และทำให้มันประสบความสำเร็จ
เมื่อค้นหาตัวเองและความหลงใหลเจอ จะรู้สึกว่าทุกวันกำลังทำสิ่งที่เกิดมาเพื่อทำ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ดีมาก ๆ ค้นหาต่อไปว่าจะทำยังไงให้คนอื่นเห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำ เหมือนที่เห็นคุณค่าของมัน และทำยังไงให้สิ่งนั้นทำเงินให้ได้
บทที่ 12: ทำงานหนักให้รวยเพื่ออะไร
แรงจูงใจของคนที่จะรวยได้ ต้องยิ่งใหญ่กว่าเงิน ต้องจินตนาการได้ว่า จะเอาเงินนั้นไปทำอะไร และมันจะเติมเต็มคุณค่าในชีวิตได้อย่างไร
มี 4 แรงจูงใจหลักที่ทำให้คนทำงานหนักเพื่อความรวย:
- เพื่อเงินและเพื่อสิ่งที่ต้องการในชีวิต
- เพื่อความสำเร็จและความภูมิใจในตัวเอง
- เพื่อจะได้มีเวลาใช้ชีวิตที่ต้องการยาวขึ้น
- เพื่อจะสามารถให้หรือให้มากขึ้น
บทที่ 13: สูตรง่าย ๆ ของความรวย
ระดับความทะเยอทะยาน + ระดับความสามารถ + ระดับความกล้า + ระดับความพยายาม + ระดับความมุ่งมั่น = ผลลัพธ์ที่ได้ในชีวิต
คนรวยทุกคนมี 5 สิ่งนี้ และคนรวยระดับมหาเศรษฐีทุกคนมี 5 สิ่งนี้ในระดับที่สูงมาก จะได้ผลลัพธ์ในชีวิตระดับไหนอยู่ที่มี 5 สิ่งนี้ในระดับไหน
บทที่ 14: เพิ่มรายได้ไม่ใช่ลดความต้องการ
จงเพิ่มรายได้ให้สามารถใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ ไม่ใช่ลดความต้องการให้เข้ากับรายได้
คำถามสำคัญที่ควรถามตัวเอง:
- ชีวิตที่ต้องการเป็นแบบไหน
- ต้องมีรายได้เท่าไหร่ถึงจะใช้ชีวิตแบบนั้นได้
- ตอนนี้มีรายได้เท่าไหร่
- ต้องทำอะไรเพื่อจะเพิ่มรายได้ให้เท่าที่ต้องการ
- จะเริ่มเมื่อไหร่
บทที่ 15: ถ้าไม่เป็นในสิ่งที่มากกว่าไม่มีวันมีในสิ่งที่มากกว่า
รายได้ขึ้นอยู่ที่ความสามารถ ยิ่งมีความสามารถมากยิ่งมีรายได้มาก ดังนั้นจำไว้ว่าอยากเพิ่มรายได้ต้องเพิ่มความสามารถ
เปลี่ยนคำถามจาก “ฉันต้องทำอะไรถึงจะมีรายได้มากกว่านี้” เป็น “ฉันต้องทำอะไรได้ถึงจะมีรายได้มากกว่านี้” หยุดมองหางานที่จะทำให้มีรายได้เพิ่ม แล้วมองหาความสามารถที่จะทำให้มีรายได้เพิ่ม
บทที่ 16: เป้าหมายไม่ใช่เงินแต่คือเงิน+เวลา
เวลาที่ดีที่สุดที่จะตั้งเป้าหมายที่จะมีทั้งเงินและเวลาที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ คือ เดี๋ยวนี้
มีคน 4 ประเภทในเรื่องของเงินและเวลา:
- มีเงิน แต่ไม่มีเวลา
- มีเวลาแต่ไม่มีเงิน
- ไม่มีทั้งเงินและเวลา
- มีทั้งเงินและเวลา
เป้าหมายคือการเป็นประเภทที่ 4 ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงในชีวิต
บทที่ 17: รายได้ Passive มีไว้เพื่อ Time รายได้ Active มีไว้เพื่อ Passion
สร้างรายได้ Passive income ให้มากพอที่จะใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ และใช้รายได้ Active income เพื่อทำในสิ่งที่มีความสุข
Passive Income คือรายได้ที่ได้มาโดยไม่ต้องทำงาน หรือรายได้ที่เกิดขึ้นแม้ในขณะที่ไม่ได้ทำงาน เพราะได้สร้างบางสิ่งไว้ และสิ่งนั้นก็ทำงานและทำเงินให้แทน
บทที่ 18: เลือกงานที่ขายคุณค่าไม่ใช่ขายเวลา
เหตุผลที่บางคนหาเงินได้มากกว่าคนอื่น เพราะเขาทำให้คนจ่ายเงินให้คุณค่าของเขา ไม่ใช่เวลาของเขา
คนที่มีความสามารถส่วนใหญ่จะไม่ทำงานแบบขายเวลา แต่จะทำงานแบบขายคุณค่า พวกเขาไม่ต้องการค่าจ้างโดยคำนวณจากเขาทำงานให้วันละกี่ชั่วโมง แต่เขาต้องการค่าตอบแทนโดยดูจากความสามารถของเขาสร้างผลประโยชน์ให้มากแค่ไหน
บทที่ 19: ให้ค่าตัวเองแล้วคนอื่นจะให้ค่าเช่นกัน
อย่าคาดหวังให้ใครให้ค่าจนกว่าจะให้ค่าตัวเอง นี่เป็นข้อคิดที่ดีมาก ๆ ซึ่ง จอห์น เฟรดริค ดิมาร์ทินี ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมมนุษย์ได้กล่าวไว้
ถ้าให้ค่ากับเวลาคนอื่นก็จะให้ค่ากับเวลา ถ้าให้ค่าความสามารถคนอื่นก็จะให้ค่ากับความสามารถ การให้ค่า (Valuing) คือสิ่งที่โน้มน้าวจูงใจ (Persuasive)
บทที่ 20: ขีดจำกัดที่ทำให้ต้องลาออกจากงานประจำ
มี 5 ขีดจำกัดที่อาจทำให้คุณต้องพิจารณาลาออกจากงานประจำ:
- ขีดจำกัดเรื่องรายได้
- ขีดจำกัดเรื่องเวลา
- ขีดจำกัดเรื่องความสามารถ
- ขีดจำกัดเรื่องความสำเร็จ
- ขีดจำกัดเรื่องความสุข
ถ้าต้องการอิสรภาพทางการเงินและชีวิตที่มีความหมายมากขึ้น อาจถึงเวลาที่ต้องพิจารณาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากงานประจำ
บทที่ 21: วิธีหาเงินของ Business Minded
Business Minded คือคนที่มีหัวธุรกิจ ซึ่งสามารถหาเงินหรือทำกำไรได้จากแทบทุกสิ่ง
ลักษณะของ Business Minded:
- มี Mindset เรื่องเงินที่ดีมาก
- ชอบลงทุน ชอบทำธุรกิจ ชอบใช้ไอเดีย
- มองหาโอกาสใหม่ ๆ ตลอดเวลา
- ใช้ความสามารถและเวลาอย่างเต็มที่
บทที่ 22: คำถามที่ช่วยให้กล้าทำทุกสิ่ง
มี 3 คำถามสำคัญที่จะช่วยให้คุณเอาชนะความกลัวและกล้าทำในสิ่งที่ต้องการ:
- จะทำอะไรถ้ารู้ว่าจะไม่ล้มเหลว และจะทำมันยังไง
- อะไรที่รู้ว่าถ้าไม่กลัวแล้วชีวิตจะเปลี่ยน
- อะไรคือคำแนะนำที่ดีที่สุดที่จะให้กับคนที่อยากทำบางสิ่งที่ยอดเยี่ยมแต่ไม่กล้า
การตอบคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีมุมมองใหม่และกล้าที่จะลงมือทำมากขึ้น
บทที่ 23: คนรวยที่สุดมักมีไอเดียและวิธีหาเงินที่คนอื่นหัวเราะเยาะ
ไอเดียและผลงานที่ประสบความสำเร็จระดับโลก มักเคยถูกวิจารณ์ว่าเป็นไปไม่ได้หรือไม่มีใครสนใจ แต่ผู้คิดค้นไม่ยอมแพ้และทำมันจนสำเร็จ
จงคิดให้ต่าง สิ่งที่คนบอกว่ามันบ้า แปลกประหลาด หรือเพี้ยน เพราะมันคือสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครทำในโลกนี้ และทุกคนจะสนใจมัน
บทที่ 24: ความขยัน 2 แบบที่ทำให้รวยหรือจน
คนรวยและคนจนต่างก็ขยัน แต่ขยันต่างกัน:
คนจน:
- เป็นนักทำ ทำงานให้คนอื่น
- แลกเวลามากกับเงินน้อย
- ทำงานเพื่อเงินเดือนหรือค่าจ้าง
- สร้างรายได้ Active income ให้มากที่สุด
- หาเงินเพื่อเก็บ
คนรวย:
- เป็นนักคิด ชอบริเริ่มสร้างสรรค์
- แลกเวลาน้อยกับเงินมาก
- ทำธุรกิจเพื่อกำไร
- สร้างรายได้ Passive income ให้มากที่สุด
- หาเงินเพื่อลงทุน
บทที่ 25: วิธีหาเวลาที่ทำให้มีเวลา
4 ขั้นตอนในการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ:
- เขียนสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวันตามลำดับ
- ตัดสิ่งไม่สำคัญออกไป หรือตัดเวลาที่ทำบางสิ่งให้น้อยลง
- วางแผนว่าจะทำอะไรแทนที่ในเวลานั้น
- เช็คตัวเองว่าทำได้ตามแผนหรือไม่
การบริหารเวลาที่ดีจะช่วยให้คุณมีเวลามากขึ้นสำหรับการพัฒนาตนเองและสร้างโอกาสทางการเงิน
บทที่ 26: แต่งงานกับวินัย
วินัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการประสบความสำเร็จ แม้จะมีคุณสมบัติอื่นๆ ครบ แต่ขาดวินัยก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จได้
7 สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับวินัย:
- วินัยคือการทำสิ่งที่ต้องทำแม้จะไม่อยากทำ
- วินัยคือการเลือกระหว่างสิ่งที่ต้องการตอนนี้ กับสิ่งที่ต้องการมากที่สุด
- สร้างวินัยในความคิดก่อน
- แรงกระตุ้นทำให้เริ่ม แต่วินัยทำให้สำเร็จ
- ความสามารถที่ไร้วินัยคือโอกาสที่ไม่มีค่าอะไร
- วินัยคือความแตกต่างระหว่างคนเก่งกับคนที่ยอดเยี่ยม
- คนที่มีวินัยย่อมจะมีอิสระในชีวิต
บทที่ 27: วิธีตั้งเป้าหมายการเงินที่จะเปลี่ยนชีวิต
การตั้งเป้าหมายการเงินที่ดีต้องใช้หลัก SMART:
- Specific: มีความชัดเจนและเจาะจง
- Measurable: สามารถวัดผลได้หรือระบุจำนวนเงินได้
- Achievable: มีวิธีการหรือแผนการที่จะทำให้สำเร็จได้
- Realistic: เป็นไปได้หรือสามารถทำให้เป็นจริงได้
- Time bound: มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน
ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ และอย่าลืมว่าการตั้งเป้าหมายการเงินเท่ากับการวางแผนชีวิต
บทที่ 28: คติการใช้เวลาอย่างรู้ค่าแบบคนรวย
คนรวยใช้เวลาอย่างรู้ค่าตั้งแต่ยังไม่รวยจนรวย โดยยึดหลัก 3 ประการ:
- เวลาคือเงิน: ใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่าและสร้างประโยชน์
- ทำให้การหาเงินเป็นความสุข: หาวิธีหาเงินที่ทำให้มีความสุขและสนุกกับมัน
- อย่าขี้เกียจเหมือนว่ารวย จงทำงานหนักเหมือนว่าจน: รักษาจิตวิญญาณของการทำงานหนักไว้เสมอ
บทที่ 29: สำคัญกว่าหาเงินเก่งต้องใช้เงินอย่างฉลาด
คนหาเงินเก่งที่ฉลาดใช้เงินกับการลงทุนใน 4 สิ่ง:
- ลงทุนกับความสุข: ใช้เงินกับประสบการณ์ที่สร้างความสุขและพัฒนาตนเอง
- ลงทุนในตัวเอง: พัฒนาความรู้และทักษะอย่างต่อเนื่อง
- ลงทุนในธุรกิจ: สร้างโอกาสในการเติบโตและสร้างรายได้
- ลงทุนกับการลงทุนอื่น ๆ: กระจายความเสี่ยงและสร้างรายได้หลายทาง
บทที่ 30: เลือกคบคนที่ฉุดดึงชีวิตให้สูงขึ้น
ชีวิตคือค่าเฉลี่ยของคนที่เลือกคบ คุยด้วย และใช้เวลาด้วยมากที่สุด เลือกคบคนที่มีคุณสมบัติดังนี้:
- นิสัยแห่งความสำเร็จ
- ความคิดและมุมมองบวก
- ทัศนคติที่เชื่อมั่น
- ความมุ่งมั่นและวินัย
- Passion และความกระตือรือร้น
- การคิดใหญ่และเป้าหมายใหญ่
- การทำงานหนัก
- มีความมั่นคงทางการเงิน
- ความไว้ใจได้
บทส่งท้าย: ทำไมคนคิดบวกถึงประสบความสำเร็จที่สุดในโลก
การคิดบวกเป็นคุณสมบัติสำคัญของคนหาเงินเก่งและประสบความสำเร็จ เพราะ:
- พวกเขามีความหวังและความเชื่อในอนาคตที่ดีกว่า
- พวกเขาโฟกัสที่โอกาสไม่ใช่อุปสรรค
- พวกเขาเข้าใจว่าอะไรที่เป็นแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจให้พวกเขา
การคิดบวกไม่ได้หมายถึงการมองโลกในแง่ดีแบบไร้เหตุผล แต่เป็นการมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ในทุกสถานการณ์ และมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองที่จะเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้
สรุป: การเป็นคน 1% ที่หาเงินเก่งที่สุดไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากการพัฒนา Mindset ที่ถูกต้อง การฝึกฝนทักษะอย่างต่อเนื่อง และการลงมือทำอย่างมีวินัย โดยเริ่มจากการเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับเงินและความสำเร็จ พัฒนาตนเองอยู่เสมอ และใช้กลยุทธ์ทางการเงินอย่างชาญฉลาด ที่สำคัญคือต้องมีความกล้าที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคที่เข้ามา