สรุปหนังสือ วิถีเต๋า วิถีบัฟเฟตต์

วิถีเต๋า วิถีบัฟเฟตต์
วิถีเต๋า วิถีบัฟเฟตต์

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อหนังสือ : วิถีเต๋า วิถีบัฟเฟตต์

ชื่อผู้แต่ง : แมรี่ บัฟเฟตต์ (Mary Buffett), เดวิด คลาร์ก (David Clark)

ชื่อผู้แปล : เอกสิทธิ์ หัสสรังสี

สำนักพิมพ์ : Fidelity

ปีที่พิมพ์ : 2015

จำนวนหน้า : 168 หน้า

หมวดหนังสือ : การลงทุน

สารบัญ

  • การสร้างและใช้ชีวิตอยู่กับความร่ำรวย
  • การบริหาธุรกิจ
  • ต้นแบบของวอเร็น
  • การศึกษา
  • ที่ทำงาน
  • นักวิเคราะห์ ที่ปรึกษา โบรกเกอร์ เรื่องหลอกลวงที่ควรหลีกเลี่ยง
  • ทำไมถึงไม่ควรกระจายความเสี่ยง
  • ความมีวินัย ความรอบคอบ และความอดทน
  • ข้อควรระวัง : ความโลภทำให้โง่
  • เมื่อไหร่ควรจะขายและเมื่อไหร่ควรจะหนี

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

หนังสือ “วิถีเต๋า วิถีบัฟเฟตต์” รวบรวมคำคมและปรัชญาการลงทุนของวอเร็น บัฟเฟตต์ ผสมผสานกับแนวคิดของลัทธิเต๋า เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างความมั่งคั่งและประสบความสำเร็จในการลงทุน บัฟเฟตต์ได้นำเสนอหลักการลงทุนที่เป็นสากล สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกตลาดทั่วโลก ผ่านคำพูดและแนวคิดที่ลึกซึ้งแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้แนวทางการลงทุนที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วจากความสำเร็จของบัฟเฟตต์เอง หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้ด้านการลงทุนเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกปรัชญาการใช้ชีวิตที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันด้วย

1. อย่าขาดทุน

บัฟเฟตต์ย้ำเสมอว่าการไม่ขาดทุนสำคัญกว่าการทำกำไร เพราะเงินต้นที่หายไปจะส่งผลต่อผลตอบแทนในระยะยาว นักลงทุนควรระมัดระวังและมี margin of safety เสมอ การขาดทุนไม่เพียงแต่ทำให้เสียเงิน แต่ยังทำให้เสียโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนต่อไปด้วย ดังนั้น การรักษาเงินต้นจึงเป็นพื้นฐานสำคัญของการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ นักลงทุนควรมีวินัยในการตัดขาดทุน และไม่ควรเสี่ยงเกินกว่าที่ตนเองรับได้ การมี margin of safety จะช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสผิดพลาดได้โดยไม่สูญเสียเงินทั้งหมด

2. ซื้อธุรกิจที่ยอดเยี่ยมในราคาที่เหมาะสม

เน้นลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และขายในราคาที่สมเหตุสมผล นี่เป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า การลงทุนในธุรกิจที่ยอดเยี่ยมจะช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจเหล่านี้มักจะสามารถฝ่าฟันวิกฤตได้ดีกว่าธุรกิจทั่วไป อย่างไรก็ตาม การซื้อในราคาที่เหมาะสมก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะการจ่ายราคาแพงเกินไปอาจทำให้ผลตอบแทนในอนาคตลดลง แม้จะเป็นธุรกิจที่ดีก็ตาม

3. ตลาดหุ้นมีไว้รับใช้คุณ ไม่ใช่เป็นนายของคุณ

อย่าให้ความผันผวนของตลาดในระยะสั้นมาชี้นำการตัดสินใจ ใช้มันเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นดีๆ ในราคาถูกแทน ตลาดหุ้นมักมีความผันผวนในระยะสั้น ซึ่งอาจไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท นักลงทุนที่ฉลาดจะใช้ความผันผวนนี้เป็นโอกาสในการซื้อหุ้นดีๆ ในราคาถูก การมองตลาดหุ้นเป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ตัวกำหนดการตัดสินใจ จะช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่ยาวไกลและไม่หวั่นไหวไปกับความผันผวนระยะสั้น

4. ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ

ควรมีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่ลงทุนอย่างลึกซึ้ง สามารถประเมินอนาคตของบริษัทได้ อย่าลงทุนในสิ่งที่ไม่เข้าใจ การลงทุนในสิ่งที่เข้าใจจะช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงและโอกาสได้ดีกว่า ทำให้มีความมั่นใจในการตัดสินใจลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้นักลงทุนสามารถอดทนถือหุ้นได้ในช่วงที่ราคาผันผวน เพราะเข้าใจพื้นฐานและศักยภาพของธุรกิจเป็นอย่างดี

5. มีวินัยและความอดทน

ความสำเร็จในการลงทุนต้องใช้เวลาและความอดทน อย่าหวังรวยเร็ว ต้องมีวินัยในการถือหุ้นระยะยาว การมีวินัยและความอดทนจะช่วยให้นักลงทุนไม่หวั่นไหวไปกับความผันผวนระยะสั้นของตลาด และสามารถรอคอยให้มูลค่าของบริษัทเติบโตตามเวลา นอกจากนี้ ยังช่วยลดต้นทุนในการซื้อขายบ่อยๆ และลดโอกาสที่จะตัดสินใจผิดพลาดเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

6. อย่ากระจายความเสี่ยงมากเกินไป

บัฟเฟตต์เชื่อว่าการกระจายความเสี่ยงมากเกินไปเป็นการป้องกันตัวเองจากความไม่รู้ ควรเน้นลงทุนในไม่กี่บริษัทที่เข้าใจดี การลงทุนในหุ้นจำนวนมากเกินไปอาจทำให้ยากต่อการติดตามและวิเคราะห์แต่ละบริษัทอย่างละเอียด ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาด แทนที่จะกระจายความเสี่ยงมากเกินไป บัฟเฟตต์แนะนำให้เน้นลงทุนในบริษัทที่เรามีความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงได้ดีกว่า

7. ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ

ต้องแยกแยะระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจให้ออก อย่าซื้อหุ้นเพียงเพราะราคาถูก ต้องดูมูลค่าที่แท้จริงด้วย ราคาหุ้นในตลาดอาจไม่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทเสมอไป บางครั้งหุ้นอาจมีราคาถูกแต่ไม่มีคุณค่า หรือบางครั้งอาจมีราคาแพงแต่คุ้มค่ากับการลงทุน นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจะต้องสามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทได้ และตัดสินใจลงทุนโดยเปรียบเทียบระหว่างราคาและมูลค่าอย่างรอบคอบ

8. โลภเมื่อคนอื่นกลัว กลัวเมื่อคนอื่นโลภ

ใช้อารมณ์ของตลาดให้เป็นประโยชน์ ซื้อเมื่อราคาตกต่ำเกินเหตุ และขายเมื่อราคาสูงเกินจริง ตลาดหุ้นมักจะมีความผันผวนตามอารมณ์ของนักลงทุนส่วนใหญ่ ในช่วงที่ตลาดตกต่ำ นักลงทุนมักจะกลัวและขายหุ้นออกมา ทำให้ราคาหุ้นลดลงต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ในทางกลับกัน เมื่อตลาดร้อนแรง นักลงทุนมักจะโลภและซื้อหุ้นในราคาที่สูงเกินจริง นักลงทุนที่ฉลาดจะใช้โอกาสนี้ในการทำกำไร โดยซื้อเมื่อคนอื่นกลัวและขายเมื่อคนอื่นโลภ

9. อย่าให้ความโลภทำให้คุณโง่

ควบคุมความโลภไม่ให้มากเกินไปจนขาดเหตุผล ความโลภมักนำไปสู่การตัดสินใจผิดพลาด ความโลภเป็นอารมณ์ที่อันตรายในการลงทุน เพราะอาจทำให้นักลงทุนละเลยการวิเคราะห์อย่างรอบคอบและตัดสินใจลงทุนด้วยความคาดหวังที่เกินจริง การควบคุมความโลภจะช่วยให้นักลงทุนยังคงมีสติและตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผลและการวิเคราะห์ที่ถูกต้อง ไม่หลงไปกับกระแสหรือข่าวลือในตลาด

10. เรียนรู้จากความผิดพลาด

ยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้จากมัน อย่าจมอยู่กับอดีต แต่นำบทเรียนมาใช้ในอนาคต ทุกคนย่อมมีโอกาสผิดพลาดในการลงทุน แม้แต่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างบัฟเฟตต์ก็เคยตัดสินใจผิดพลาดมาแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องไม่ปล่อยให้ความผิดพลาดนั้นทำลายความมั่นใจหรือทำให้เลิกลงทุน แทนที่จะหลีกเลี่ยงความผิดพลาด ให้มองมันเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง การวิเคราะห์ความผิดพลาดอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้เข้าใจจุดอ่อนของตนเองและปรับปรุงกลยุทธ์การลงทุนให้ดีขึ้นในอนาคต

11. ซื้อธุรกิจไม่ใช่ซื้อหุ้น

มองการลงทุนเสมือนการซื้อธุรกิจ ไม่ใช่แค่ซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร ศึกษาธุรกิจอย่างละเอียดก่อนลงทุน การมองหุ้นเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจจะช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองระยะยาวและเข้าใจปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงของบริษัท นอกจากนี้ ยังช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินความเสี่ยงและโอกาสได้ดีกว่า เพราะจะพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อความสำเร็จของธุรกิจในระยะยาว

12. ระวังค่าใช้จ่ายและความเสี่ยง

ควบคุมค่าใช้จ่ายในการลงทุนให้ต่ำ และระมัดระวังความเสี่ยงต่างๆ โดยเฉพาะการใช้หนี้สินมากเกินไป ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการลงทุนสามารถลดผลตอบแทนของนักลงทุนได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว การควบคุมค่าใช้จ่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ การใช้หนี้สินมากเกินไปในการลงทุนอาจเพิ่มความเสี่ยงและทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงหากเกิดความผิดพลาด นักลงทุนควรระมัดระวังและใช้หนี้สินอย่างเหมาะสม

13. ใช้ความรู้และประสบการณ์

ศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ และนำประสบการณ์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการลงทุน การลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยทั้งความรู้และประสบการณ์ นักลงทุนควรพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องผ่านการอ่าน การเรียนรู้ และการวิเคราะห์ ประสบการณ์ที่สั่งสมมาสามารถช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ดีขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ แต่ต้องระวังไม่ให้ประสบการณ์ในอดีตทำให้เกิดอคติในการตัดสินใจ

14. มองหาโอกาสเสมอ

เตรียมพร้อมรับมือกับโอกาสทางการลงทุนที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน โอกาสการลงทุนที่ดีมักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนหรือเกิดวิกฤต นักลงทุนที่มีการเตรียมตัวที่ดีจะสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เหล่านี้ได้ การมีเงินสดสำรองและการศึกษาบริษัทต่างๆ ไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเมื่อโอกาสมาถึง

15. รักในสิ่งที่ทำ

ทำงานและลงทุนในสิ่งที่รักและมีความสุข จะทำให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว การลงทุนด้วยความรักและความหลงใหลจะทำให้นักลงทุนมีแรงจูงใจในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังช่วยให้สามารถอดทนต่อความผันผวนและความท้าทายต่างๆ ได้ดีกว่า เพราะมองเห็นคุณค่าและความสนุกในการลงทุนมากกว่าแค่ผลตอบแทนทางการเงิน

สรุป

“วิถีเต๋า วิถีบัฟเฟตต์” นำเสนอปรัชญาการลงทุนของวอเร็น บัฟเฟตต์ ที่ผสมผสานแนวคิดตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน โดยเน้นการลงทุนอย่างมีหลักการ มีวินัย และอดทน มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่ดีในราคาที่เหมาะสม ให้ความสำคัญกับการศึกษาและทำความเข้าใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ควบคุมอารมณ์และความโลภ และเรียนรู้จากประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง แนวคิดเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับการลงทุนในทุกตลาด รวมถึงตลาดหุ้นไทย เพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว