สรุปหนังสือ มือใหม่หุ้น ลงทุนเก่ง

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อหนังสือ : มือใหม่หุ้น ลงทุนเก่ง

ชื่อผู้แต่ง : ภาววิทย์ กลิ่นประทุม

สำนักพิมพ์ : Nation Books

ปีที่พิมพ์ : 2563

จำนวนหน้า :  202 หน้า

หมวดหนังสือ : การเงินการลงทุน

สารบัญ

• ก่อนจะเป็นมือใหม่หุ้น
  -โลกนี้จะน่าเบื่อขนาดไหน ถ้าไม่มีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นเลย
  – ชีวิตของเรามีราคาเท่าไหร่
  – ทำไมศิลปะถึงมีราคา
  ฯลฯ
• มือใหม่หุ้นต้องรู้
  – หุ้น คืออะไร?
  – ใครที่ควรเล่นหุ้น ทำไมล่ะ?
  – มือใหม่หุ้น ต้องรู้อะไร
  ฯลฯ
• อยากรวยหุ้นต้องเข้าใจ
  – ลงทุนยาว “ออมหุ้น” เขาทำกันยังไง
  – ออมหุ้น ทำให้เราประหยึดขึ้น
  – ออมหุ้นแบบ DCA อย่างไรให้ไม่มีทางเจ๊ง
  ฯลฯ
• เลือกให้ดีที่สุด
  – ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงตั้งโจทย์ในการลงทุนผิด
  – ประสบการณ์ความผิดพลาดของคนส่วนใหญ่
  – ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่องราคาหุ้น
  ฯลฯ

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

หนังสือ “มือใหม่หุ้น ลงทุนเก่ง” โดยคุณภาววิทย์ กลิ่นประทุม เป็นคู่มือที่ให้แนวทางง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น หนังสือเล่มนี้อธิบายว่าการลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง ผู้เขียนให้มุมมองว่าความผิดพลาดเป็นโอกาสในการเรียนรู้ และการสร้างอิสรภาพทางการเงินเริ่มจากการค่อยๆ สร้างพอร์ตการลงทุนอย่างมีวินัย

1. เปลี่ยนความผิดพลาดเป็นประสบการณ์

การลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้หมายถึงการไม่เคยผิดพลาด แต่หมายถึงการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและนำมาปรับปรุง ผู้เขียนแนะนำให้มองความผิดพลาดเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง ไม่ควรท้อแท้เมื่อเกิดความผิดพลาด แต่ควรวิเคราะห์สาเหตุและหาวิธีแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคต

2. ทยอยสร้างพอร์ตการลงทุน

การสร้างพอร์ตการลงทุนที่ดีต้องใช้เวลาและความอดทน ผู้เขียนแนะนำให้ค่อยๆ คัดเลือกหุ้นที่มีคุณภาพเข้าพอร์ต ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลงทุนจำนวนมากในคราวเดียว การทยอยลงทุนช่วยลดความเสี่ยงและเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ไปพร้อมกับการสร้างพอร์ต

3. ซื้อเมื่อคนอื่นกลัว

ตลาดหุ้นมักมีความผันผวน ผู้เขียนแนะนำให้มองหาโอกาสในช่วงที่ตลาดตกหรือคนส่วนใหญ่กำลังกลัว นี่เป็นโอกาสที่จะได้ซื้อหุ้นดีในราคาที่ถูกลง อย่างไรก็ตาม ต้องทำการบ้านและวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน ไม่ควรซื้อเพียงเพราะราคาถูกเท่านั้น

4. ถือในช่วงที่ไม่แน่นอน

ความไม่แน่นอนเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน ผู้เขียนแนะนำให้มีความอดทนและไม่ตื่นตระหนกเมื่อเผชิญกับความผันผวนระยะสั้น หากเรามั่นใจในการวิเคราะห์และเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ก็ควรถือต่อไปแม้ในช่วงที่ตลาดไม่แน่นอน การขายทิ้งเพราะความกลัวอาจทำให้พลาดโอกาสในการทำกำไรระยะยาว

5. ให้หุ้นทำงานแทนเรา

การลงทุนที่ดีคือการให้เงินทำงานแทนเรา ผู้เขียนแนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ เมื่อเวลาผ่านไป มูลค่าพอร์ตและเงินปันผลจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น โดยที่เราไม่ต้องทำงานหนักเพิ่ม นี่คือหลักการสำคัญของการสร้างอิสรภาพทางการเงิน

6. มุ่งสู่อิสรภาพทางการเงิน

เป้าหมายสูงสุดของการลงทุนคือการมีอิสรภาพทางการเงิน ผู้เขียนอธิบายว่าอิสรภาพทางการเงินเกิดขึ้นเมื่อรายได้จากการลงทุน (เช่น เงินปันผล) มากกว่าค่าใช้จ่ายประจำ ดังนั้นควรวางแผนการลงทุนระยะยาวโดยมีเป้าหมายนี้เป็นตัวตั้ง และค่อยๆ สร้างพอร์ตการลงทุนที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ

7. เรียนรู้พื้นฐานของตลาดหุ้น

ก่อนเริ่มลงทุน ผู้เขียนแนะนำให้ทำความเข้าใจพื้นฐานของตลาดหุ้นให้ดี เช่น หุ้นคืออะไร ตลาดหลักทรัพย์ทำงานอย่างไร ปัจจัยที่มีผลต่อราคาหุ้น เป็นต้น ความรู้พื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้เราตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น และไม่หลงเชื่อข่าวลือหรือกระแสตลาดโดยง่าย

8. รู้จักตัวเองและความเสี่ยงที่รับได้

การลงทุนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ผู้เขียนแนะนำให้ประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมา ทั้งในแง่ของเป้าหมายทางการเงิน ระยะเวลาการลงทุน และความสามารถในการรับความเสี่ยง ความเข้าใจตนเองจะช่วยให้เราเลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม และไม่ทำให้เกิดความเครียดจนเกินไปเมื่อเผชิญกับความผันผวน

9. วิเคราะห์บริษัทก่อนลงทุน

การเลือกหุ้นที่ดีต้องอาศัยการวิเคราะห์บริษัทอย่างรอบด้าน ผู้เขียนแนะนำให้ศึกษาทั้งข้อมูลทางการเงิน แนวโน้มธุรกิจ การบริหารจัดการ และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ไม่ควรซื้อหุ้นเพียงเพราะได้ยินคำแนะนำจากคนอื่น แต่ต้องทำการบ้านและตัดสินใจด้วยตนเอง การวิเคราะห์ที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

10. กระจายความเสี่ยง

การลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียวหรือกลุ่มเดียวมีความเสี่ยงสูง ผู้เขียนแนะนำให้กระจายการลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว หลายๆ กลุ่มอุตสาหกรรม และอาจรวมถึงสินทรัพย์ประเภทอื่นด้วย การกระจายความเสี่ยงช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของหุ้นใดหุ้นหนึ่ง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรโดยรวม

11. ใช้เครื่องมือวิเคราะห์อย่างเหมาะสม

ตลาดหุ้นมีเครื่องมือวิเคราะห์มากมาย ทั้งการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค ผู้เขียนแนะนำให้เรียนรู้และเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะกับสไตล์การลงทุนของตนเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกเครื่องมือ แต่ควรเข้าใจและใช้เครื่องมือที่เลือกอย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยในการตัดสินใจลงทุนได้ดียิ่งขึ้น

12. ควบคุมอารมณ์

อารมณ์เป็นศัตรูสำคัญของนักลงทุน ผู้เขียนเน้นย้ำถึงความสำคัญของการควบคุมอารมณ์ ทั้งความโลภและความกลัว การตัดสินใจลงทุนควรอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและการวิเคราะห์ ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ การฝึกควบคุมอารมณ์จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการตัดสินใจผิดพลาดในช่วงที่ตลาดผันผวน

13. เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ตลาดหุ้นและเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ผู้เขียนแนะนำให้นักลงทุนเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากหนังสือ บทความ สัมมนา และประสบการณ์ของตนเอง การเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้เราปรับตัวได้ดีในสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง และค้นพบโอกาสการลงทุนใหม่ๆ

14. วางแผนภาษีและมรดก

การลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้วัดจากผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการวางแผนภาษีและการส่งต่อความมั่งคั่งด้วย ผู้เขียนแนะนำให้ศึกษาเรื่องภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน และวางแผนการส่งต่อทรัพย์สินให้ทายาทอย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนที่ดีจะช่วยรักษาและเพิ่มพูนความมั่งคั่งในระยะยาว

15. มีวินัยและอดทน

ท้ายที่สุด ผู้เขียนเน้นย้ำถึงความสำคัญของวินัยและความอดทน การลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องใช้เวลาและความมุ่งมั่น ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ การติดตามข่าวสารและวิเคราะห์การลงทุน หรือการอดทนถือหุ้นในช่วงที่ตลาดผันผวน การมีวินัยและความอดทนจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวได้

สรุป

หนังสือ “มือใหม่หุ้น ลงทุนเก่ง” นำเสนอแนวคิดสำคัญว่าความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการเรียนรู้ พัฒนา และสั่งสมประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง ผู้เขียนเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้าใจพื้นฐานตลาดหุ้น การวิเคราะห์อย่างรอบคอบ การควบคุมอารมณ์ และการมีวินัยในการลงทุน นอกจากนี้ ยังแนะนำให้มองความผิดพลาดเป็นโอกาสในการเรียนรู้ และให้ความสำคัญกับการสร้างอิสรภาพทางการเงินในระยะยาว หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้ผู้อ่านพัฒนาทัศนคติและมุมมองที่เหมาะสมสำหรับการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ โดยเน้นว่าการลงทุนที่ดีนั้นต้องอาศัยทั้งความรู้ ทักษะ และจิตวิทยาที่เหมาะสม ซึ่งสามารถพัฒนาได้ผ่านการเรียนรู้และลงมือปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง