
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อหนังสือ : พิชิตหุ้นด้วยกราฟแท่งเทียน
ชื่อผู้แต่ง : ประจบ วงษ์นิ่ม (ป.ดัชนี)
สำนักพิมพ์ : Nation Books
ปีที่พิมพ์ : 2556
จำนวนหน้า : 193 หน้า
หมวดหนังสือ : การเงินการลงทุน
สารบัญ
- บทที่ 1 สัญญาณของกราฟแท่งเทียน
- บทที่ 2 โครงสร้างของกราฟแท่งเทียน
- บทที่ 3 รูปแบบกลับตัว (Reversal Pattern)
- บทที่ 4 กราฟแท่งเทียนรูปดาว (Star)
- บทที่ 5 สัญญาณกลับตัวของกราฟแท่งเทียนรูปแบบอื่นๆ
- บทที่ 6 รูปแท่งเทียนแบบสัญญาณต่อเนื่อง (Contiuation Pattern)
- บทที่ 7 ความมหัศจรรย์ของโดจิ
- บทที่ 8 การอ่านวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนแบบผสมผสาน
สรุปข้อคิดจากหนังสือ
กราฟแท่งเทียน (Candlestick) เป็นเครื่องมือทางปัจจัยเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการวิเคราะห์และประกอบการลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากสามารถสะท้อนอารมณ์และความรู้สึกของนักลงทุนในตลาดได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถใช้อ่านทิศทาง จังหวะ จุดเข้าซื้อและขายเพื่อทำกำไร รวมถึงแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในอนาคต หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจหลักการ โครงสร้าง และสัญญาณต่างๆของกราฟแท่งเทียนอย่างถ่องแท้ พร้อมแนวทางการประยุกต์ใช้ในการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ
1. กำเนิดแท่งเทียนโดยพ่อค้าญี่ปุ่น
กราฟแท่งเทียนถูกคิดค้นและใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณโดยพ่อค้าชาวญี่ปุ่นในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์อย่างข้าว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1654 ก่อนจะแพร่หลายมาสู่ตลาดการเงินในปัจจุบัน โดยกราฟแท่งเทียนจะแสดงข้อมูลราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุดในช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งรูปแบบของแท่งเทียนที่ปรากฏ จะสะท้อนอารมณ์ ความคาดหวัง และแรงซื้อขายของนักลงทุนในช่วงเวลานั้นๆ นั่นเอง
2. โครงสร้างพื้นฐานของแท่งเทียน
โครงสร้างพื้นฐานของแท่งเทียนประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆคือ เงาบน (Upper Shadow), เงาล่าง (Lower Shadow) และตัวเทียน (Real Body) โดยเงาบนจะแสดงถึงระดับราคาสูงสุด ส่วนเงาล่างคือระดับราคาต่ำสุดในช่วงเวลาที่พิจารณา ส่วนตัวเทียนแสดงถึงระดับราคาเปิดและปิด สีของตัวเทียนจะบอกความรู้สึกของตลาด โดยถ้าเป็นสีขาวหรือเขียว แสดงว่าเป็นแรงซื้อเข้ามา ตลาดคาดหวังราคาจะปรับขึ้น แต่ถ้าเป็นสีดำหรือแดงแสดงถึงแรงขายที่เข้ามาเพื่อคาดการณ์ว่าราคากำลังจะลดลง
3. สัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม
รูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่ปรากฏในแต่ละช่วงเวลานั้น จะให้สัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มราคา (Reversal Pattern) ทั้งจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง หรือจากขาลงเป็นขาขึ้น รูปแบบเหล่านี้มีหลายแบบ เช่น Hammer, Hanging Man, Shooting Star, Engulfing Pattern ฯลฯ ซึ่งอาจเป็นแบบแท่งเทียนเดี่ยวหรือแบบรูปแบบหลายแท่งผสมกัน การอ่านและแปลความหมายของแต่ละแบบจะช่วยให้เข้าใจถึงความน่าจะเป็นของทิศทางราคาต่อไปในอนาคต
4. ดาวต่างๆ บอกจังหวะการกลับตัว
รูปแบบแท่งเทียนที่เรียกว่า “ดาว” (Star) เป็นแท่งเทียนที่มีขนาดเล็ก แสดงสัญญาณการกลับตัวที่น่าสนใจ โดยแบ่งเป็น Morning Star ที่มีดาวอยู่หลังแท่งดำยาว ส่งสัญญาณกลับตัวขึ้นหลังจากขาลงมาสักพัก ส่วน Evening Star จะมีดาวอยู่หลังแท่งขาวยาว คาดการณ์ว่าตลาดกำลังจะกลับตัวลงจากขาขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบดาวอื่นๆ เช่น Doji Star ที่แสดงความลังเลของตลาด หรือ Shooting Star ที่มีนัยเชิงลบต่อทิศทางขาขึ้น
5. สัญญาณแนวโน้มราคาต่อเนื่อง
แม้ว่ากราฟแท่งเทียนจะเน้นการหาจุดกลับตัวของราคา แต่รูปแบบของแท่งเทียนบางแบบ ก็แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของราคาที่จะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางเดิม หรือ Continuation Pattern นั่นเอง เช่น Separating Lines ที่แสดงถึงแนวโน้มเดิมที่แข็งแกร่งและราคาจะยังคงไปต่อ หรือ Rising/Falling Three Methods ที่สะท้อนการแกว่งตัวย่อยก่อนราคาจะไปต่อ เป็นต้น หากเข้าใจความหมายของรูปแบบต่อเนื่องได้ จะสามารถใช้ประโยชน์เพื่อการถือสถานะต่อไปได้
6. พลังของแท่งเทียน Doji
Doji เป็นแท่งเทียนรูปไข่ปลาโอ คือมีตัวเทียนเล็กมาก ราคาเปิดและปิดใกล้เคียงกัน แสดงถึงความสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขายในช่วงนั้น การปรากฏ Doji หลังจากแนวโน้มราคาขึ้นหรือลงมาสักระยะแล้ว มักจะส่งสัญญาณว่าแนวโน้มเดิมกำลังจะหมดลง และอาจจะเกิดการกลับตัวในไม่ช้า Doji ยังมีหลายรูปแบบต่างๆ เช่น Gravestone, Dragonfly, Long-legged ซึ่งให้ความหมายแตกต่างกันไป นักลงทุนควรศึกษาให้ละเอียดเพื่อใช้ประโยชน์ให้เต็มที่
7. วิเคราะห์แบบผสมผสานให้แม่นยำ
การใช้กราฟแท่งเทียนเพื่อวิเคราะห์ โดยนำไปใช้ร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น ปริมาณการซื้อขาย เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ทฤษฎีคลื่นอีเลียต ฟีโบนักชี ฯลฯ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการอ่านทิศทางและจังหวะของราคาได้มากขึ้น รวมถึงช่วยกรองสัญญาณที่ไม่ชัดเจนออกไป ทำให้สามารถตัดสินใจในการเทรดหรือลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างไรก็ตาม ต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือแต่ละอย่างได้อย่างเชี่ยวชาญ
8. ข้อควรระวังในการใช้แท่งเทียน
การวิเคราะห์กราฟแท่งเทียน อาจมีข้อผิดพลาดและคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงได้เสมอ ผู้ใช้ต้องตระหนักไว้เสมอว่าไม่มีเครื่องมือใดที่สมบูรณ์แบบ สัญญาณที่แท่งเทียนให้มาถือเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเท่านั้น ไม่ใช่การการันตีว่าราคาจะเป็นไปตามนั้นเสมอไป หากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับสัญญาณ ก็ควรตัดสินใจตามสถานการณ์จริงเป็นหลัก อีกทั้งต้องคอยติดตามและยืนยันสัญญาณอยู่เสมอ ไม่ควรด่วนสรุปจากเพียงแท่งเทียนใดแท่งเทียนหนึ่ง
9. บริหารความเสี่ยงและกระจายพอร์ต
การใช้กราฟแท่งเทียนเพื่อเทรดหรือลงทุน แม้จะช่วยให้มีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ทิศทางราคาจะไม่เป็นไปตามคาด ดังนั้น การบริหารความเสี่ยงด้วยการกำหนดระดับ stop loss หรือจุดตัดขาดทุนเอาไว้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อจำกัดความเสียหายหากราคาเคลื่อนไหวสวนทาง พร้อมทั้งต้องพิจารณาถึงสัดส่วนเงินลงทุนแต่ละครั้งอย่างเหมาะสม ไม่กระจุกตัวในหุ้นใดหุ้นหนึ่งมากเกินไป ต้องกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในหลายๆหุ้นหรือหลายกลุ่มอุตสาหกรรม
10. แท่งเทียนเดี่ยวเชื่อถือน้อยกว่าแบบผสม
การพิจารณากราฟแท่งเทียนแบบแท่งเดี่ยวๆ อาจให้สัญญาณที่ไม่น่าเชื่อถือเท่ากับแบบที่พิจารณารูปแบบของแท่งเทียนหลายๆแท่งรวมกัน เพราะการใช้แท่งเทียนเดี่ยว อาจเกิดจากความผันผวนระยะสั้นหรือข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้น การอ่านกราฟควรดูทั้งแท่งเทียนและบริเวณโดยรอบประกอบกัน โดยแท่งเทียนที่มีการยืนยันซึ่งกันและกันถึง 2-3 แท่ง มักจะให้สัญญาณที่น่าเชื่อถือมากกว่านั่นเอง โดยเฉพาะรูปแบบที่มีความซับซ้อน เช่น Three White Soldiers, Three Black Crows, Morning/Evening Star เป็นต้น
11. ระวังสัญญาณเตือนตอนราคาขึ้นมาก
เมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับสัญญาณเตือนจากรูปแบบแท่งเทียนบางแบบ เช่น Shooting Star, Bearish Engulfing, Dark Cloud Cover ฯลฯ ที่แสดงถึงแรงซื้อที่เริ่มหมดแรง และมีแรงขายสวนกลับเข้ามา ถ้าเห็นสัญญาณดังกล่าวควรพิจารณาขายทำกำไรบางส่วนหรือเลื่อนจุด stop loss ขึ้นมา เพื่อป้องกันในกรณีที่ราคาอาจจะกลับตัวลงอย่างรุนแรง ไม่ควรยึดติดกับกำไรที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง
12. กราฟรายสัปดาห์-รายเดือนแม่นกว่า
สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว การวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนบนกรอบเวลารายสัปดาห์หรือรายเดือน อาจให้สัญญาณและทิศทางที่น่าเชื่อถือมากกว่ากราฟรายวัน เนื่องจากสามารถขจัดสัญญาณรบกวนจากความผันผวนระยะสั้นได้มากกว่า และแสดงแนวโน้มหลักที่ชัดเจนกว่า ทำให้การอ่านและตัดสินใจทำได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับใช้วางแผนการลงทุนทั้งในแง่จังหวะการเข้าและออกจากตลาด นอกจากนี้ยังลดภาระในการติดตามความเคลื่อนไหวของราคาแบบวันต่อวันอีกด้วย
13. Harami สัญญาณกลับตัวแบบมีครรภ์
Harami เป็นรูปแบบของแท่งเทียน 2 แท่งที่มีนัยถึงการกลับตัว โดยแท่งแรกจะมีขนาดตัวเทียนใหญ่เต็มแท่ง แต่แท่งที่สองซึ่งอยู่ถัดมาจะมีตัวเทียนเล็ก และราคาเปิด-ปิดอยู่ภายในกรอบของแท่งก่อนหน้าทั้งหมด ลักษณะนี้เปรียบเหมือนการตั้งครรภ์ของมารดา หากพบ Bullish Harami หลังจากแนวโน้มขาลง หรือ Bearish Harami หลังจากขาขึ้น ก็มักจะเป็นสัญญาณของการฟอร์มตัวเพื่อกลับทิศทาง แต่ต้องรอการยืนยันจากแท่งถัดไปด้วยเช่นกัน
14. Dark Cloud Cover
Dark Cloud Cover เป็นสัญญาณกลับตัวลงมาจากขาขึ้นที่ค่อนข้างเชื่อถือได้ โดยจะเป็นแท่งเทียนสีขาวตามด้วยแท่งสีดำ ที่ราคาเปิดของแท่งดำจะสูงกว่าราคาปิดของแท่งขาวก่อนหน้า แต่ปิดตัวลงมาต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของตัวแท่งขาว แสดงถึงแรงขายที่เข้ามาอย่างหนักในช่วงท้ายของแท่งดำ และเป็นการคลุมแท่งขาวในลักษณะคล้ายเมฆดำ จึงเป็นสัญญาณเตือนให้ระวังการกลับตัวของขาลงที่จะมาถึง ควรเริ่มทยอยขายทำกำไร
15. Three Methods
รูปแบบ Rising Three Methods เป็นสัญญาณเตือนว่าการปรับขึ้นของราคานั้นกำลังจะสะดุด โดยจะเริ่มด้วยแท่งเทียนขาวตัวใหญ่ ตามด้วยแท่งเทียนเล็กๆอีก 3 แท่งที่ค่อยๆลดลงมาแต่ยังอยู่ในกรอบของแท่งใหญ่แรก และปิดท้ายด้วยแท่งขาวใหญ่อีกครั้งแต่ปิดต่ำกว่ายอดของแท่งแรก แสดงถึงแรงซื้อที่เริ่มอ่อนแรงลง สำหรับ Falling Three Methods ก็เป็นรูปแบบสัญญาณในทิศทางตรงกันข้าม บ่งบอกถึงขาลงที่กำลังจะหยุด
สรุป
หนังสือเล่มนี้ถือเป็นคัมภีร์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการศึกษากราฟแท่งเทียนได้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการวิเคราะห์หุ้น และคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ต้องอาศัยการฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ รวมถึงใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆอย่างผสมผสาน และไม่ละเลยปัจจัยพื้นฐานด้วย จึงจะทำให้การลงทุนประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ นอกจากนี้ ยังต้องมีระเบียบวินัยในการบริหารความเสี่ยง หลีกเลี่ยงความโลภ รวมถึงรู้จักกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม ไม่เสี่ยงเกินตัวเช่นกัน