สรุปหนังสือ เจาะเทคนิคเทรด Forex ด้วยกราฟเปล่า

เจาะเทคนิคเทรด Forex ด้วยกราฟเปล่า
เจาะเทคนิคเทรด Forex ด้วยกราฟเปล่า

Table of Contents

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อหนังสือ : เจาะเทคนิคเทรด Forex ด้วยกราฟเปล่า

ชื่อผู้แต่ง : FXBll

สำนักพิมพ์ : FXBll

ปีที่พิมพ์ : 2566

จำนวนหน้า : 108 หน้า

หมวดหนังสือ : การเงินการลงทุน

สารบัญ

  • บทที่ 1 Candle Stick
  • บทที่ 2 Trend
  • บทที่ 3 Support & Resistance
  • บทที่ 4 Zone
  • บทที่ 5 Multiple Timeframe
  • บทที่ 6 Breakout & Freakout
  • บทที่ 7 การบริหารความเสี่ยง
  • บทที่ 8 การวิเคราะห์เทรด
  • บทที่ 9 Mindset

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมเทคนิคการเทรด Forex ด้วยการอ่านกราฟแบบเปล่าๆ โดยไม่ต้องพึ่งอินดิเคเตอร์มากนัก ผู้เขียนได้ตระหนักถึงความสำคัญของความรู้ที่จะนำไปใช้ในการเทรด จึงเรียบเรียงเนื้อหาในลักษณะเน้นๆ เพื่อให้ผู้อ่านได้ประโยชน์สูงสุด มีการใช้ภาพประกอบคำบรรยายและตัวอย่างการวิเคราะห์ เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง นอกจากนี้ยังแทรก Mindset ในการเทรดที่ดี เพื่อปรับมุมมองความคิดของผู้อ่านด้วย

1. ทำความเข้าใจเรื่องแท่งเทียนให้ลึกซึ้ง

การศึกษาพฤติกรรมของแท่งเทียน ทั้งการเปิดและปิด จะทำให้เข้าใจทิศทางราคาในช่วงเวลานั้นๆ ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการอ่านกราฟ

สิ่งสำคัญคือต้องศึกษาพฤติกรรมของแท่งเทียนอย่างจริงจัง เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ การเปิดและปิดในแต่ละแท่งบ่งบอกสิ่งที่ต่างกัน ทำให้รู้ว่าแรงซื้อขายเป็นอย่างไร และน่าจะไปได้ไกลเพียงใด เมื่อเข้าใจความหมายในเชิงลึกจะสามารถวิเคราะห์ได้แม่นยำกว่าแค่ดูทิศทางราคาผิวเผิน

2. ทำความเข้าใจรูปแบบกราฟที่สำคัญ

รูปแบบของกราฟจะทำซ้ำๆ กันอยู่บ่อยครั้ง การจดจำและตีความรูปแบบเหล่านั้นได้จะช่วยให้รู้ว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

เช่น รูปแบบ Double Top, Double Bottom, Head and Shoulder หรือ Flag Pattern เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ในกราฟอยู่เสมอ หากเรามองเห็นและเข้าใจความหมาย ก็จะสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวได้ล่วงหน้า ซึ่งช่วยในการตัดสินใจเข้าเทรดได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที

3. ฝึกสังเกตและจดจำรูปแบบราคาให้แม่นยำ

นอกจากรูปแบบมาตรฐานแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องฝึกสังเกตและจดจำรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นในช่วงต่างๆ แล้วจดบันทึกเอาไว้ เพื่อใช้เทียบเคียงในอนาคต

เช่น หากเห็นราคาย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว แล้วมีแท่งเทียนแข็งแรงต้านการย่อตัวกลับผิดปกติ ก็อาจบ่งชี้ว่าราคากำลังจะกลับตัว หรือหากมีช่วงที่ราคาขึ้นลงในกรอบแคบๆ นานหลายแท่ง ก็มักจะเกิดการระเบิดออกจากกรอบในไม่ช้า การสะสมสถานการณ์แบบนี้ไว้มากๆ จะทำให้เราอ่านเกมได้แม่นยำขึ้น

4. ใช้กรอบแนวรับแนวต้านเป็นจุดอ้างอิง

การวาดเส้นแนวรับแนวต้านเอาไว้ จะทำให้วิเคราะห์ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อจับคู่กับรูปแบบที่เรารู้จักดีแล้วอย่าง Double Top

โดยราคามักจะมีพฤติกรรมที่เคารพเส้นแนวรับแนวต้าน คือจะไม่ผ่านขึ้นหรือลงมาได้โดยง่าย ดังนั้นหากเรามั่นใจว่าวาดเส้นได้แม่นยำ ก็จะใช้เป็นจุดอ้างอิงได้ดีในการวางแผนเทรด เช่น หากราคามีท่าทีจะทะลุแนวต้าน ก็อาจคิดเปิด Buy ได้

5. ให้ความสำคัญกับโวลุ่ม

โวลุ่มการซื้อขายเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยืนยันทิศทางของราคา หากราคาขึ้นพร้อมกับโวลุ่มที่สูง แสดงว่ามีแรงซื้อหนุนจริง น่าเชื่อถือ

ในทางตรงกันข้าม หากราคาขึ้นแต่โวลุ่มไม่มา ก็ต้องระวังว่าอาจจะเป็นการขึ้นหลอกๆ ไม่มีแรงซื้อจริงจัง หากเห็นสัญญาณโวลุ่มแบบนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจสูง อาจรออีกสักพัก ให้โวลุ่มตามมายืนยันก่อนค่อยเปิดออเดอร์

6. ระวังการเทรดในช่วง Sideways

ตลาดมักจะมีช่วง Sideways ที่ราคาขึ้นๆ ลงๆ ในกรอบแคบไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ค่อนข้างอันตรายที่จะเทรด เพราะทิศทางไม่ชัดเจน

วิธีรับมือคือ ให้ใจเย็นๆ สังเกตให้ดีว่าเมื่อไหร่ตลาดน่าจะออกจาก Sideway เช่น หากราคาทำ Higher High และ Higher Low ในกรอบหลายครั้ง บ่งชี้ว่ากำลังจะออกจากช่วง Sideway ไปในทางขาขึ้น หรือหาก Lower High และ Lower Low หลายครั้ง ก็อาจจะออกไปทางขาลง ดังนั้นให้อดทนรอจังหวะที่มั่นใจจริงๆ ค่อยเข้าออเดอร์

7. สร้างวินัยและอารมณ์ที่มั่นคง

เรื่องสำคัญยิ่งของการเทรดที่ไม่ได้ใช้อินดิเคเตอร์ คือต้องมีวินัยและอารมณ์ที่มั่นคง ไม่ใจร้อนในการเข้าเทรด มีสติควบคุมอารมณ์ได้ดี

เมื่อเราวิเคราะห์กราฟด้วยการใช้สายตาเป็นหลัก เราอาจเผลอใจโลเลเมื่อเห็นราคาขยับไปมา แต่ต้องไม่ใจอ่อน ต้องรักษาวินัยการเทรดตามแผนที่วางไว้ ไม่ใจร้อนจนเอนเตอร์ผิดจังหวะ และต้องควบคุมอารมณ์ได้ดี ไม่ตื่นเต้นมากเกินไป ถ้าเทรดแล้วขาดทุนก็ต้องยอมรับและปล่อยวาง แล้วย้อนมาวิเคราะห์หาข้อผิดพลาด ไม่ใช่รีบเปิดออเดอร์ใหม่เพื่อแก้มือ ถ้าเราควบคุมอารมณ์ได้ เส้นทางการเทรดจะราบรื่นขึ้นอย่างแน่นอน

8. ให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ต

เทรดเดอร์ต้องบริหารพอร์ตตัวเองให้ดี ไม่ควรใช้เงินลงทุนเกิน 10% ของพอร์ตในการเปิดออเดอร์แต่ละครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยง

หากเรามีวินัยในการบริหารพอร์ต มันจะเป็นหัวใจที่ทำให้เราอยู่รอดได้ในระยะยาว แม้จะมีความผิดพลาดบ้าง ขาดทุนบ้าง พอร์ตโดยรวมก็ยังไม่ได้รับผลกระทบมาก เราจะมีทุนสำรองไว้รับมือกับความท้าทายต่อไป แต่ถ้าใช้เงินเปิดออเดอร์มากๆ เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ความเสี่ยงที่พอร์ตจะพังทลายก็มีสูงไปด้วย

9. เรียนรู้จากความผิดพลาด

ความผิดพลาดและการขาดทุนเป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญคือต้องกล้ายอมรับมัน แล้วนำมาทบทวนสาเหตุ ปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนาฝีมือต่อไป

เมื่อตัดสินใจผิดพลาดจนขาดทุน อย่าโทษคนอื่น หรือหาข้ออ้างให้ตัวเอง ต้องมีความกล้าหาญพอที่จะยอมรับความผิดพลาด เพราะนั่นคือโอกาสทองที่จะได้ทบทวนและพัฒนาตัวเอง ลองวิเคราะห์ว่าทำไมถึงผิดพลาด ต้องแก้ไขอย่างไร คิดให้ลึกซึ้งและครอบคลุมทุกแง่มุม การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างจริงจังแบบนี้ จะทำให้เราเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด

10. ทำสถิติผลการเทรดของตัวเองเสมอ

การทำสถิติผลกำไรขาดทุนในการเทรดแต่ละครั้ง จะช่วยให้ประเมินฝีมือตัวเองได้ดีขึ้น เห็นภาพรวมชัดเจนขึ้น

สถิติจะทำให้เห็นว่า เราทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหน อัตราชนะเป็นอย่างไร มีเดือนไหนขาดทุนบ้าง จากนั้นลองนำตัวเลขมาวิเคราะห์ จะเห็นข้อผิดพลาดที่ควรแก้ไข หรือช่วงไหนที่เทรดได้ดีเป็นพิเศษ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เรามองเห็นจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง นำไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์ได้ตรงจุด

11. ฝึกควบคุมอารมณ์อย่างสม่ำเสมอ

การรู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นในการเทรด ต้องฝึกฝนอยู่เสมอทั้งในยามที่ได้กำไรหรือเสียกำไร

ยิ่งเราเทรดไปนานเท่าไร อารมณ์ก็จะค่อยๆ เข้มแข็งขึ้น จนรู้จักระงับความโลภ ความกลัว ความตื่นเต้น ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ไม่ควรดีใจหรือเสียใจจนเกินไป จนอารมณ์ส่งผลต่อการคิดวิเคราะห์ ต้องพยายามรักษาสติให้นิ่งที่สุดอยู่เสมอ ทั้งขณะเทรดและหลังจบการเทรด ถ้าเราควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีจริงๆ ไม่ว่าจะเจออะไร ก็จะสามารถตัดสินใจได้อย่างสุขุม รอบคอบ แม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดที่สุด

12. หมั่นพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเทรดเดอร์คนอื่น

การพูดคุย แบ่งปันประสบการณ์กับเทรดเดอร์คนอื่นๆ จะช่วยขยายมุมมองของเรา ได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ ที่น่าสนใจ

ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์รุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือในกลุ่มเพื่อน การได้คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ฟังเขาวิเคราะห์ตลาด หรือเล่าประสบการณ์ดีๆ ของเขา จะช่วยเติมเต็มองค์ความรู้ให้กับเรา ทำให้เปิดกว้างขึ้น คิดได้ลึกซึ้งขึ้น และอาจได้พบกับไอเดียดีๆ แปลกใหม่ ที่สามารถนำมาปรับใช้กับวิธีเทรดของตัวเองได้ การแบ่งปันข้อมูลแบบนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน และยิ่งขยายเครือข่ายไว้ให้มากเท่าไร การเทรดของเราก็จะมีมุมมองที่กว้างไกลมากขึ้นเท่านั้น

13. ศึกษาทั้งเทคนิคและฟันดาเมนทัลไปพร้อมกัน

การเทรดด้วยเทคนิค เราควรศึกษาเทคนิคและข้อมูลฟันดาเมนทัลควบคู่กันไป เพราะข่าวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ล้วนส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา

ถ้าเราเข้าใจภาพรวมทางฟันดาเมนทัลดี จับทิศทางข่าวได้แม่น ก็จะช่วยให้การวิเคราะห์กราฟด้วยเทคนิคแม่นยำขึ้นไปอีก เพราะเราจะสามารถคาดการณ์ได้ว่า ข่าวดี-ร้าย ควรจะส่งผลให้ราคาไปในทิศทางไหน ดังนั้นเราจึงไม่ควรแยกสองอย่างนี้ออกจากกัน แต่ต้องดูให้ครอบคลุมทั้งเทคนิคและฟันดา แล้วนำปัจจัยทั้ง 2 ส่วนมาประกอบการตัดสินใจ เชื่อว่าผลลัพธ์จะออกมาดีกว่าการดูแค่ด้านใดด้านหนึ่ง

14. มีความพอใจและภูมิใจกับผลกำไรที่ได้

ไม่ว่าคุณจะทำกำไรได้มากหรือน้อย สิ่งสำคัญคือต้องรู้สึกพอใจและภูมิใจกับสิ่งที่ได้มา อย่ามัวแต่เปรียบเทียบกับคนอื่น

คุณควรรู้สึกดีใจทุกครั้งที่มีกำไรเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม เพราะมันหมายถึงคุณสามารถใช้ความรู้ วิเคราะห์เทรดจนประสบความสำเร็จได้ อย่าคิดว่ากำไรน้อยแล้วไม่น่าพอใจ คิดเสมอว่ากำไรคือกำไร มีเท่าไรก็ถือว่าดีทั้งนั้น ยิ่งเทรดไปเรื่อยๆ มีกำไรสะสมเข้ามาเรื่อยๆ คุณก็จะยิ่งมีความสุขจากการเทรดมากขึ้น และมีแรงผลักดันที่จะพัฒนาฝีมือต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้การเทรดประสบความสำเร็จไปได้ไกลในระยะยาวอย่างแน่นอน

15. การเทรดเป็นการพัฒนาตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ให้มองว่าการเทรด Forex เป็นการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้เราเติบโตขึ้นทั้งในแง่แนวคิด ทักษะ และบุคลิกภาพ

ยิ่งเราศึกษาลึกลงไปในโลกของ Forex มากเท่าไร เราก็ยิ่งรู้ว่าจริงๆ แล้วยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่ากังวล กลับเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น เพราะเราจะได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ ได้พัฒนาทักษะของตัวเองไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด การเทรดจะขัดเกลาให้เรามีวินัยมากขึ้น คิดเป็นระบบมากขึ้น กล้าตัดสินใจมากขึ้น รู้จักควบคุมอารมณ์มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลดีต่อเราในระยะยาว ทั้งในเรื่องการเทรด การทำงาน และการใช้ชีวิตโดยรวม

สรุป

หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมเทคนิคที่ใช้ในการเทรด Forex โดยการวิเคราะห์กราฟแบบเปล่าไว้อย่างครบถ้วน ทั้งในแง่การวิเคราะห์รูปแบบกราฟ การใช้แนวรับแนวต้าน การอ่านแท่งเทียน การดูโวลุ่ม รวมไปถึงการตั้งใจฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง การบริหารพอร์ต และการควบคุมอารมณ์ นอกจากนี้ยังแนะนำให้ศึกษาทั้งเทคนิคและฟันดาเมนทัลควบคู่กัน แลกเปลี่ยนความรู้กับเทรดเดอร์คนอื่นๆ และมองการเทรดเป็นการพัฒนาตัวเองไปตลอดชีวิต เชื่อว่าถ้านำแนวทางเหล่านี้ไปฝึกฝนจริงจัง ก็จะสามารถเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลกำไรที่สม่ำเสมอ และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาวอย่างแน่นอน