
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อหนังสือ : กองทุนรวม 101
ชื่อผู้แต่ง : ธนัฐ ศิริวรางกูร
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ดยูเคชั่น
ปีพิมพ์ : 1 / 2563
จำนวนหน้า : 240 หน้า
หมวดหนังสือ : การเงินการลงทุน
สารบัญ
- บทที่ 1 เตรียมพร้อมก่อนลงทุนกับกองทุนรวม
- บทที่ 2 รู้จัก รู้จริง อะไรคือ “กองทุนรวม”
- บทที่ 3 อะไรบ้างที่คุณต้องรู้จักถ้ารักจะลงทุนในกองทุนรวม
- บทที่ 4 วิธีเลือกกองทุนรวมด้วยตนเอง แนวคิดที่ควรรู้และคำถามที่ถูกถามบ่อย
- บทที่ 5 กองทุนลดหย่อนภาษีไม่มีวันตาย และเรื่องภาษีกับกองทุนรวมที่ควรรู้
- บทที่ 6 เทคนิคการซื้อกองทุนรวมให้ได้ประโยชน์และไม่เครียด
สรุปข้อคิดจากหนังสือ
หนังสือ “กองทุนรวม 101” เป็นคู่มือลงทุนกองทุนรวมด้วยตนเองที่ครบครัน เหมาะสำหรับมือใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นลงทุน หรือแม้แต่มืออาชีพที่ต้องการปรับปรุงความรู้ ผู้เขียนได้แบ่งเนื้อหาออกเป็น 6 บท ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมความพร้อมก่อนลงทุน ประเภทของกองทุนรวม วิธีการเลือกกองทุนที่เหมาะสม รวมถึงเทคนิคการลงทุนที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังให้ความรู้เกี่ยวกับภาษีและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่นักลงทุนควรทราบ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่ครบถ้วนและเข้าใจง่ายสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมทุกคน
1. ทำไมเราจึงควรลงทุนในกองทุนรวม
การลงทุนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว เพียงแค่การออมเงินอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะชนะเงินเฟ้อได้ กองทุนรวมจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินธรรมดา แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อหุ้นเอง นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการลงทุน เหมาะกับนักลงทุนหลากหลายจุดประสงค์ ไม่ว่าจะเพื่อเก็บเงินใช้ยามเกษียณ เพื่อการศึกษาของลูก หรือเพื่อซื้อบ้านในอนาคต
2. เตรียมความพร้อมก่อนลงทุนด้วยการวางแผนการเงิน
ก่อนจะลงทุนในกองทุนรวม สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าเรามีเป้าหมายทางการเงินอะไร ต้องการใช้เงินลงทุนเมื่อไหร่ และยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้เราเลือกกองทุนได้อย่างเหมาะสม เช่น ถ้าต้องการเงินลงทุนในระยะสั้น ก็ควรเลือกกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ถ้าลงทุนระยะยาว เราก็สามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อโอกาสในการได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
3. รู้จักประเภทของกองทุนรวม เพื่อเลือกลงทุนให้เหมาะสม
กองทุนรวมมีหลากหลายประเภทตามนโยบายการลงทุน เช่น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนตราสารทุน กองทุนผสม กองทุนรวมอสังหาฯ ฯลฯ แต่ละประเภทมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน นักลงทุนจึงต้องทำความเข้าใจลักษณะของแต่ละกองทุน และเลือกให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตัวเอง ไม่ควรลงทุนตามกระแส แต่ต้องเลือกจากปัจจัยส่วนตัวเป็นหลัก
4. คำนวณอัตราผลตอบแทนที่ต้องการ เพื่อวางแผนลงทุน
เราสามารถตั้งเป้าผลตอบแทนที่ต้องการต่อปีได้ จากนั้นค่อยไปหากองทุนที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับเป้าหมาย โดยอาจต้องยอมแลกกับความเสี่ยงที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงระยะเวลาและวงเงินลงทุนด้วยว่าเหมาะสมกับเป้าหมายที่ต้องการหรือไม่ การคำนวณตัวเลขให้แม่นยำจะช่วยทำให้เราเห็นเป้าหมายชัดเจน และมีแรงจูงใจในการลงทุนอย่างมีวินัยในระยะยาว
5. ทยอยลงทุนสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงในภาวะตลาดผันผวน
อีกเทคนิคที่ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนคือ การแบ่งเงินลงทุนเป็นก้อนย่อยๆ แล้วทยอยซื้อกองทุนอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุกเดือน จะช่วยให้ได้ราคาเฉลี่ยที่ดีกว่าการลงทุนทีเดียวทั้งก้อน โดยเฉพาะในยามที่ตลาดมีความผันผวน การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับความผันผวนระยะสั้นได้ และยังช่วยสร้างวินัยในการลงทุนให้เป็นนิสัยอีกด้วย
6. กระจายความเสี่ยง โดยแบ่งเงินลงทุนในกองทุนต่างๆ
หัวใจสำคัญของการลงทุนที่ดีคือ การกระจายความเสี่ยง เพื่อเวลากองทุนอันใดอันหนึ่งขาดทุน จะได้ไม่กระทบพอร์ตโดยรวมมากนัก เราสามารถกระจายความเสี่ยงได้ด้วยการลงทุนในกองทุนหลายประเภททั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งแบ่งสัดส่วนการลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อสร้างพอร์ตที่สมดุล โดยคำนึงถึงเป้าหมาย ระยะเวลา และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของเราเป็นสำคัญ
7. รู้จักเครื่องมือ เช่น Fund Fact Sheet เพื่อประเมินความเหมาะสมของกองทุน
ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนใด ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นให้ละเอียดจากเอกสารข้อมูลสำคัญ (Fund Fact Sheet) ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ จัดทำขึ้น โดยระบุนโยบายการลงทุน ประเภทของกองทุน ความเสี่ยง ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมถึงค่าใช้จ่ายในการซื้อขายกองทุน ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญ เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจว่ากองทุนดังกล่าวเหมาะกับเราหรือไม่
8. วัดผลการลงทุนของกองทุนอย่างถูกต้องจากหลายปัจจัย
การเลือกกองทุนต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่ดูผลตอบแทนย้อนหลังเพียงอย่างเดียว แต่ต้องวิเคราะห์วิธีการบริหารของผู้จัดการกองทุนด้วยว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด โดยเปรียบเทียบผลตอบแทนกับดัชนีมาตรฐานหรือคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน พิจารณาความสม่ำเสมอในการสร้างผลตอบแทนของผู้จัดการกองทุน รวมถึงระดับความเสี่ยงที่กองทุนต้องแบกรับด้วย จึงจะสามารถบอกได้ว่ากองทุนนั้นมีคุณภาพดีจริงหรือไม่
9. ทำความเข้าใจค่าธรรมเนียมกองทุนประเภทต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบอย่างถูกต้อง
ค่าธรรมเนียมเป็นต้นทุนที่สำคัญในการลงทุน ดังนั้นต้องเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมของกองทุนแต่ละประเภท เช่น กองทุนรวมตราสารทุนมักมีค่าธรรมเนียมสูงกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ เพราะมีความยุ่งยากในการบริหารมากกว่า ส่วนกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ จะมีค่าธรรมเนียมสูงกว่ากองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศ เพราะมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่เพิ่มขึ้น การเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมจะช่วยให้เราสามารถเปรียบเทียบต้นทุนของแต่ละกองทุนอย่างยุติธรรม และเลือกลงทุนได้อย่างคุ้มค่า
10. ลงทุนในกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษีและเพิ่มเงินออมหลังเกษียณ
กองทุนเพื่อการออม SSF (Super Savings Fund) เป็นกองทุนรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้คนไทยออมเงินเพิ่มขึ้น โดยมีสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 200,000 บาทต่อปี เงื่อนไขคือต้องลงทุนอย่างน้อย 10 ปี และถือหน่วยลงทุนจนอายุ 55 ปีเป็นอย่างน้อย จึงจะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ กองทุน SSF เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาวเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณนั่นเอง
11. ควรติดตามกองทุนอย่างสม่ำเสมอ และปรับพอร์ตเป็นระยะ
การลงทุนที่ดีไม่ใช่การซื้อกองทุนแล้วทิ้งทิ้งไว้ตลอด แต่จำเป็นต้องมีการติดตามพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่าผลตอบแทนไม่เป็นไปตามที่คาด ควรวิเคราะห์หาสาเหตุและพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนใหม่ เช่น ถ้ากองทุนตราสารทุนให้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่คาดไว้มาก อาจขายบางส่วนและเพิ่มน้ำหนักไปยังกองทุนตราสารหนี้แทน เพื่อให้ภาพรวมของพอร์ตสอดคล้องกับเป้าหมาย ระยะเวลา และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของเราอยู่เสมอ
12. อย่าตื่นตระหนกเมื่อกองทุนขาดทุน ให้มองการลงทุนในระยะยาว
ความผันผวนเป็นเรื่องปกติของการลงทุน โดยเฉพาะกองทุนตราสารทุนที่มักมีความผันผวนสูง บางช่วงอาจมีผลขาดทุนติดต่อกันหลายเดือน แต่นั่นไม่ได้แปลว่ากองทุนมีปัญหาเสมอไป สิ่งสำคัญคือต้องมองภาพระยะยาว ถ้ากลยุทธ์ของกองทุนยังดูสมเหตุสมผล และเราสามารถยอมรับความผันผวนระยะสั้นได้ ก็ควรอดทนถือต่อไป เพราะการขายตอนขาลงมักทำให้เสียโอกาสได้กำไรจากการฟื้นตัว จงจำไว้ว่าการลงทุนคือการแข่งขันกับตัวเอง ไม่ใช่แข่งกับใคร
13. ลงทุนอย่างมีวินัย ด้วยความเข้าใจและยอมรับความเสี่ยง
การสร้างวินัยในการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่เป้าหมายทางการเงินที่วางไว้ในระยะยาว แม้บางครั้งผลตอบแทนอาจไม่เป็นอย่างหวัง แต่หากเรามั่นใจในกองทุนที่เลือก เข้าใจความเสี่ยงที่มาพร้อมกับผลตอบแทน และลงทุนอย่างสม่ำเสมอตามแผนที่วางไว้ ท้ายที่สุด compound interest ก็จะสร้างเงินก้อนงามให้เราได้อย่างแน่นอน อย่าหวังรวยชั่วข้ามคืน แต่จงอดทนและมีวินัย แล้วความมั่งคั่งจะตามมาเอง
14. เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
แม้จะมีผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญคอยบริหารเงินให้ แต่เราในฐานะเจ้าของเงินก็ควรมีความรู้พื้นฐานในการลงทุนด้วย โดยอ่านหนังสือ บทวิเคราะห์ ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจการลงทุน และแลกเปลี่ยนความรู้กับนักลงทุนคนอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งเราเข้าใจการลงทุนมากเท่าไร เราก็จะสามารถเลือกกองทุนและบริหารเงินของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น อย่าหยุดเรียนรู้ เพราะความรู้คือพลังของนักลงทุน
15. มีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน และวางแผนไปให้ถึง
เคล็ดลับสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการลงทุนคือ การมีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินเพื่อซื้อบ้าน ส่งลูกเรียน หรือวางแผนเกษียณ การมีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจและวินัยในการลงทุน แม้อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะไปถึงเป้าหมาย แต่หากเรามี blueprint ที่ดี ทุ่มเททำตามแผนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเป้าหมายไหนก็ไม่ไกลเกินเอื้อม การลงทุนเป็นการวางอนาคตทางการเงินของเรา จึงต้องทำอย่างจริงจังและมีเป้าหมาย เพื่ออนาคตที่สดใสรออยู่เบื้องหน้า
สรุป
หนังสือ “กองทุนรวม 101” ได้ให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวมอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การวางแผนก่อนลงทุน การเลือกประเภทกองทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง เทคนิคการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ สิทธิประโยชน์ทางภาษี ไปจนถึงการมีวินัยในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้
สิ่งสำคัญคือ ผู้ลงทุนต้องเข้าใจตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งในแง่เป้าหมาย ระยะเวลา และความเสี่ยงที่พร้อมจะรับได้ จากนั้นจึงเลือกกองทุนให้สอดคล้องกับปัจจัยเหล่านั้น และลงทุนอย่างมีวินัย โดยกระจายความเสี่ยง ทยอยซื้อสม่ำเสมอ และไม่ตื่นตกใจเมื่อมีความผันผวนในระยะสั้น นอกจากนี้ ต้องติดตามผลงานกองทุนอย่างสม่ำเสมอ ปรับพอร์ตให้สมดุลเป็นระยะ พร้อมกับพัฒนาความรู้ความเข้าใจในการลงทุนอยู่เสมอ
หากมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง มีเป้าหมายที่ชัดเจน และมีวินัยในการลงทุนแล้ว การลงทุนในกองทุนรวมก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ใครก็สามารถใช้กองทุนรวมเป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยตัวเอง หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านที่สนใจการลงทุน ให้มีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นที่จำเป็น ก่อนเริ่มต้นลงทุนจริงในโลกของกองทุนรวมอย่างมั่นใจต่อไป