สรุปรีวิวหนังสือเลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข

หนังสือเลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข
หนังสือเลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อหนังสือ : เลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข

ชื่อผู้แต่ง : โกะโด โทคิโอะ (Tokio Godo)

ผู้แปล : อาคิรา รัตนาภิรัต

สำนักพิมพ์ : อมรินทร์ How-to

ปีที่พิมพ์ : 2561

จำนวนหน้า : 172 หน้า

หมวดหนังสือ : จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง

สารบัญ

  • บทที่ 1 ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
  • บทที่ 2 ปฏิสัมพันธ์
  • บทที่ 3 ความเชื่อ
  • บทที่ 4 ทรัพย์สินเงินทอง
  • บทที่ 5 ความรัก
  • บทที่ 6 การสร้างผลผลิตใหม่

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

หนังสือเล่มนี้นำเสนอแนวคิดที่ว่า การเป็น “คนดี” ในความหมายของผู้เขียนนั้นหมายถึงคนที่พยายามทำให้ทุกคนพอใจเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกเกลียด จนลืมความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง ซึ่งทำให้เกิดความทุกข์และความเครียด ผู้เขียนแนะนำให้เลิกเป็น “คนดี” ในความหมายนี้ และหันมาใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เพื่อชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริง

1. เลิกเป็น “คนดี”

คนดีที่หนังสือกล่าวถึงคือคนที่ชอบทำให้ผู้อื่นพอใจ ทุ่มเทเวลาเพื่อคนอื่น และกังวลกับความรู้สึกของคนอื่นโดยไม่สนใจความต้องการของตัวเอง การเป็นคนดีมากเกินไปมักนำไปสู่การสวมหน้ากากและปิดบังตัวตนที่แท้จริง ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ผิวเผินไม่จริงใจ

คนที่กล้าแสดงตัวตนที่แท้จริงจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่า แม้อาจจะมีคนไม่ชอบบ้างก็ตาม ผู้เขียนเปรียบเทียบว่าทุกคนเหมือนดินสอสีที่มีสีเฉพาะตัว ไม่มีสีไหนดีกว่าสีไหน คนเราทุกคนล้วนมีคุณค่าในแบบที่ตัวเองเป็น ควรแสดงตัวตนนั้นออกมาอย่างเต็มที่

2. เลิกกลัวการถูกเกลียด

คนดีมักกลัวการถูกเกลียด จึงพยายามเอาใจทุกคนและไม่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่มีทางที่ทุกคนจะชอบเราได้ทั้งหมด การมีคนเกลียดจึงเป็นเรื่องธรรมดา และไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะลำบากขึ้น

เมื่อเลิกกลัวการถูกเกลียด เราจะกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่ากับคนที่ยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของเรา

3. เลิกคิดว่า “ฉันใช้ชีวิตเพียงลำพังไม่ได้”

สังคมปลูกฝังความคิดว่ามนุษย์ใช้ชีวิตคนเดียวไม่ได้ต้องพึ่งพาผู้อื่น ทำให้คนเกิดความกดดันต้องเข้าหาผู้อื่นและปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นอยู่เสมอ แต่ความจริงแล้ว ในยุคปัจจุบันเราสามารถอยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุข

การเชื่อว่า “เราอยู่ได้ด้วยตัวเอง” จะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความกดดันที่ต้องทำให้ตัวเองเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่น นำไปสู่ความเป็นอิสระในการใช้ชีวิตตามที่ต้องการอย่างแท้จริง

4. เลิกเอาใจทุกคน

การพยายามเอาใจทุกคนเป็นไปไม่ได้ และทำให้ตัวเราเหนื่อยล้า เพราะแต่ละคนมีความต้องการต่างกัน สิ่งที่คนหนึ่งชอบอาจเป็นสิ่งที่อีกคนเกลียด คนที่พยายามจะเอาใจทุกคนมักจะถูกมองข้ามและไม่มีตัวตนที่ชัดเจน

แทนที่จะพยายามเอาใจทุกคน ให้เป็นตัวเองและแสดงออกในแบบที่เราเป็น แม้จะไม่ถูกใจคนบางกลุ่ม แต่เราจะได้พบกับคนที่ชอบตัวเราในแบบที่เป็น และยินดีที่จะคบกับเราอย่างจริงใจ

5. เลิกเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริง

การเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงไว้ข้างในทำให้คนอื่นเข้าถึงตัวเราได้ยาก คนที่ไม่แสดงออกทำให้ผู้อื่นไม่ไว้ใจและไม่อยากมอบหมายงานสำคัญให้ การกลัวที่จะแสดงความรู้สึกทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างผิวเผิน

คนที่แสดงตัวตนออกมาชัดเจน แม้อาจจะสร้างศัตรูบ้าง แต่ก็จะได้พบกับคนที่คิดเหมือนกันและกลายเป็นพวกพ้องที่คอยสนับสนุนกัน สุดท้ายแล้วคนที่แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ จะมีเพื่อนแท้มากกว่าและมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากกว่า

6. เลิกเป็นแค่ “คนธรรมดา”

การทำตัวธรรมดาเหมือนคนทั่วไปอาจจะปลอดภัย แต่ก็ทำให้ชีวิตน่าเบื่อและไม่สร้างสรรค์ ผู้ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่กล้าแตกต่างและทำสิ่งที่คาดเดาไม่ได้

การทำตัวประหลาดหรือแตกต่างไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีเอกลักษณ์และน่าสนใจ ลองหาความคิดที่หักมุมและกล้าที่จะแสดงออก ความแตกต่างนี้อาจนำไปสู่โอกาสและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้

7. เลิกเป็นคนเถรตรงเกินไป

การยึดติดกับความถูกต้องหรือความจริงมากเกินไปอาจทำให้พลาดโอกาสดีๆ ในชีวิต ในบางสถานการณ์ การโกหกเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ หากไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น

การปรับตัวและยืดหยุ่นบ้างจะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ การพูดให้ถูกใจผู้อื่นโดยไม่ทำร้ายใครก็เป็นทักษะทางสังคมที่สำคัญ

8. เลิกผูกมัดกับกฎเกณฑ์ว่าต้องทำ

คนเรามักถูกปลูกฝังกฎเกณฑ์ทางความคิดจนยึดติด เช่น ถ้าเป็นผู้ชายต้องทำแบบนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงต้องทำแบบนั้น หรือ อย่าอยู่ตัวคนเดียวเพราะดูไม่ดี กฎเกณฑ์เหล่านี้อาจจำกัดความเป็นอิสระและความสุขในชีวิต

ลองตั้งคำถามกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ว่าจำเป็นต่อชีวิตเราจริงหรือไม่ หลายอย่างอาจเป็นเพียงความเชื่อที่สืบทอดกันมาโดยไม่มีเหตุผล การปลดปล่อยตัวเองจากกฎเกณฑ์ที่ไม่จำเป็นจะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและมีความสุขมากขึ้น

9. เลิกกลัวการปะทะกับผู้อื่น

คนดีมักกลัวการปะทะหรือความขัดแย้งกับผู้อื่น แม้ไม่พอใจก็จะเก็บไว้ไม่แสดงออก ซึ่งกลับยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดีได้ง่าย เพราะอีกฝ่ายไม่รู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร

บางครั้งการทะเลาะกันอย่างสร้างสรรค์ก็ช่วยซ่อมแซมความสัมพันธ์ให้ดีขึ้นได้ การแสดงความไม่พอใจหรือความต้องการออกไปตรงๆ จะช่วยให้อีกฝ่ายเข้าใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในระยะยาว

10. เลิกประเมินตัวเองต่ำเกินไป

คนดีมักประเมินคุณค่าของตัวเองต่ำและรู้สึกผิดเมื่อต้องรับค่าตอบแทนที่สูง พวกเขาไม่กล้าเรียกร้องผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเหนื่อยยากที่เสียไป และมักยอมทำงานโดยได้รับค่าตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า

การกำหนดราคาและรับค่าตอบแทนที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้ ต้องรู้จักประเมินคุณค่าของตัวเองให้ถูกต้องและไม่ลังเลที่จะเรียกร้องสิ่งที่ตัวเองควรได้รับ

11. เลิกทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในความรัก

คนที่ทุ่มเททุกอย่างในความสัมพันธ์มักถูกเอาเปรียบหรือถูกทิ้งได้ง่าย การเป็นฝ่ายที่รักมากกว่าและยอมทำทุกอย่างทำให้ตกเป็นผู้ตามและเกิดความสัมพันธ์ที่ไม่เสมอภาค

การรักษาความสัมพันธ์ให้เท่าเทียมกันทำได้โดยการควบคุมระดับอารมณ์ของตัวเองให้พอดีกับอีกฝ่าย แสดงความรู้สึกออกมาตามความเป็นจริง และไม่กลัวที่จะบอกว่าไม่ชอบในสิ่งที่ไม่ชอบ

12. เลิกเกรงใจจนเกินเหตุ

คนดีมักกังวลและคิดมากแม้กับเรื่องเล็กน้อย คอยระวังคำพูดและการกระทำตลอดเวลา ทำให้เกิดความเครียดสะสม ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจในระยะยาว

วิธีแก้ไขคือการเลิกเกรงใจจนเกินเหตุ หันมาใส่ใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือถนัด และสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวเองตัดสินใจได้อย่างอิสระ จะช่วยลดความเครียดสะสมและทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้น

13. เลิกหลบเลี่ยงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง

คนที่ไม่ยอมเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองจะไม่รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง ทำให้ถูกชักจูงไปตามความคิดของคนอื่นได้ง่ายและไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การหันมาเผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเอง ทำความเข้าใจตัวตนที่แท้จริง และกล้าที่จะแสดงความรู้สึกออกมา จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นและสามารถจัดการกับชีวิตได้ดีขึ้น

14. เลิกนิสัยปฏิเสธไม่เป็น

คนดีมักไม่กล้าปฏิเสธคำขอจากผู้อื่น ทำให้ต้องเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่อยากทำและไม่เกิดประโยชน์ การไม่กล้าปฏิเสธเป็นการแสดงว่าเราไม่เห็นคุณค่าของเวลาและความรู้สึกของตัวเอง

การกล้าปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ต้องการหรือไม่สามารถทำได้เป็นการให้ความสำคัญกับตัวเอง ทำให้มีเวลาไปทำในสิ่งที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิตมากกว่า

15. เลิกกังวลกับการมีเพื่อนน้อย

สังคมมักมองว่าคนที่มีเพื่อนน้อยเป็นคนแปลกแยกหรือไม่มีค่า ทำให้หลายคนพยายามสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนมากมายแม้จะไม่ได้รู้สึกสบายใจเวลาอยู่ด้วย

ความจริงแล้ว การมีเพื่อนน้อยไม่ใช่เรื่องน่าอาย ขอเพียงมีคนที่เข้าใจและเปิดใจคุยกันได้แค่ไม่กี่คนก็เพียงพอ ความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพสำคัญกว่าปริมาณของเพื่อน

สรุป

หนังสือ “เลิกเป็นคนดี แล้วจะมีความสุข” นำเสนอแนวคิดที่ท้าทายค่านิยมเดิมๆ ที่ว่าเราต้องเป็นคนดีในสายตาของทุกคน ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่าการพยายามเป็นคนดีในแบบที่สังคมคาดหวังมากเกินไป อาจทำให้เราไม่กล้าแสดงตัวตนที่แท้จริง นำไปสู่ความทุกข์และความเครียดสะสม

แก่นสำคัญของหนังสือคือการแนะนำให้เราใส่ใจความรู้สึกและความต้องการของตัวเองมากขึ้น กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง กล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง และไม่หวั่นไหวกับคำวิจารณ์จากผู้อื่น หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สนับสนุนให้เราเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือไร้มารยาท แต่สอนให้เรารู้จักสร้างสมดุลระหว่างการใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่นและการดูแลความต้องการของตัวเอง

การเลิกเป็นคนดีในความหมายของหนังสือเล่มนี้ จึงหมายถึงการใช้ชีวิตอย่างเป็นตัวของตัวเอง รู้จักปฏิเสธในสิ่งที่ไม่ต้องการ กล้าแสดงความคิดเห็นและความรู้สึกที่แท้จริง และใช้ชีวิตตามวิถีทางที่ตัวเองเลือก ซึ่งจะนำไปสู่ชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริงในที่สุด