สรุปรีวิวหนังสือ Inventing Bitcoin ไขกลไกนวัตกรรมเงินเปลี่ยนโลก

หนังสือ Inventing Bitcoin ไขกลไกนวัตกรรมเงินเปลี่ยนโลก
หนังสือ Inventing Bitcoin ไขกลไกนวัตกรรมเงินเปลี่ยนโลก

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อหนังสือ : Inventing Bitcoin: ไขกลไกนวัตกรรมเงินเปลี่ยนโลก

ชื่อผู้แต่ง : Yan Pritzker (ยาน พริตซ์เกอร์)

ผู้แปล : พิริยะ สัมพันธารักษ์

สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ด (SE-ED)

ปีที่พิมพ์ : 2565 (2022)

จำนวนหน้า : 176 หน้า

หมวดหนังสือ : การเงินและการลงทุน, เทคโนโลยี

สารบัญ

  • บทนำ
  • บิตคอยน์คืออะไร
  • การกำจัดตัวกลาง
  • พรูฟออฟเวิร์ก
  • การขุดเหมือง
  • การคุ้มกันบัญชี
  • ฟอร์กและการโจมตี 51%
  • บัญชีที่ไร้ตัวตน
  • ใครเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์
  • ก้าวต่อไปจะเป็นอย่างไร
  • กิตติกรรมประกาศ
  • เกี่ยวกับผู้เขียน

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

หนังสือเล่มนี้นำเสนอภาพรวมของเทคโนโลยีบิตคอยน์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางเทคนิค ผู้เขียนพาผู้อ่านเดินทางผ่านกระบวนการคิดค้นและพัฒนาบิตคอยน์ทีละขั้นตอน เพื่อให้เข้าใจกลไกการทำงานพื้นฐานและความสำคัญของเทคโนโลยีนี้ ที่มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงระบบการเงินโลก

1. บิตคอยน์คืออะไร

บิตคอยน์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกกล่าวว่าอาจเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเรา แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรหรือทำงานอย่างไร โดยพื้นฐานแล้ว บิตคอยน์เป็นระบบการเงินดิจิทัลที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง เช่น ธนาคารหรือรัฐบาล

หนังสือเล่มนี้อธิบายว่าบิตคอยน์เป็นมากกว่าสกุลเงินดิจิทัล แต่เป็นเทคโนโลยีที่สร้างระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบกระจายศูนย์ ที่ทำให้ผู้คนสามารถส่งมูลค่าถึงกันได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านสถาบันการเงินหรือรัฐบาล

2. การกำจัดตัวกลาง

หนึ่งในแนวคิดหลักของบิตคอยน์คือการกำจัดตัวกลาง ซึ่งหมายถึงการไม่ต้องพึ่งพาองค์กรหรือสถาบันใดในการดำเนินธุรกรรม หนังสืออธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบการเงินแบบรวมศูนย์ เช่น ความเสี่ยงจากการที่ตัวกลางล้มเหลว การเซ็นเซอร์ธุรกรรม หรือการควบคุมจากรัฐบาล

บิตคอยน์แก้ปัญหานี้ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นสมุดบัญชีแบบกระจายศูนย์ที่บันทึกธุรกรรมทั้งหมดและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ระบบนี้ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีองค์กรกลางมาตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม เพราะการตรวจสอบถูกทำโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก

3. พรูฟออฟเวิร์ก

พรูฟออฟเวิร์ก (Proof of Work) เป็นกลไกฉันทามติ (consensus mechanism) หลักของบิตคอยน์ ที่ทำให้เครือข่ายสามารถตกลงร่วมกันได้ว่าธุรกรรมใดถูกต้องและควรถูกบันทึกลงในบล็อกเชน หนังสืออธิบายว่าระบบนี้ทำงานโดยให้ “นักขุด” (miners) แข่งขันกันแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ผู้ที่แก้ได้ก่อนจะมีสิทธิ์เพิ่มบล็อกใหม่เข้าไปในเชน และได้รับรางวัลเป็นบิตคอยน์

กระบวนการนี้เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้บิตคอยน์ปลอดภัยจากการปลอมแปลง เพราะการจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลในบล็อกเชนจำเป็นต้องใช้พลังการประมวลผลมหาศาล ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะทำ

4. การขุดเหมือง

การขุดเหมือง (Mining) เป็นกระบวนการที่คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายบิตคอยน์แข่งขันกันเพื่อตรวจสอบและบันทึกธุรกรรมลงในบล็อกเชน หนังสืออธิบายว่านักขุดทำหน้าที่รวบรวมธุรกรรมที่รอดำเนินการอยู่ในพูล (mempool) และพยายามสร้างบล็อกใหม่

นักขุดใช้พลังงานคอมพิวเตอร์เพื่อคำนวณค่าแฮช (hash) ที่ตรงตามเงื่อนไขที่เครือข่ายกำหนด เมื่อพบคำตอบ พวกเขาจะประกาศบล็อกใหม่ให้เครือข่ายทราบ และถ้าเครือข่ายยอมรับ บล็อกนั้นจะถูกเพิ่มเข้าไปในบล็อกเชน และนักขุดจะได้รับรางวัลเป็นบิตคอยน์ใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นและค่าธรรมเนียมธุรกรรม

5. การคุ้มกันบัญชี

การรักษาความปลอดภัยของบัญชีบิตคอยน์เป็นอีกประเด็นสำคัญที่หนังสือกล่าวถึง ระบบบิตคอยน์ใช้การเข้ารหัสแบบคีย์สาธารณะ (public key cryptography) ซึ่งประกอบด้วยคีย์สาธารณะ (public key) และคีย์ส่วนตัว (private key)

คีย์สาธารณะเปรียบเสมือนเลขที่บัญชีที่ผู้อื่นสามารถรู้ได้ ในขณะที่คีย์ส่วนตัวเป็นรหัสลับที่ใช้ในการเข้าถึงและทำธุรกรรมจากบัญชีนั้น ๆ หนังสืออธิบายความสำคัญของการเก็บรักษาคีย์ส่วนตัวให้ปลอดภัย เพราะหากสูญหายหรือถูกขโมย จะไม่สามารถกู้คืนบิตคอยน์ได้

6. ฟอร์กและการโจมตี 51%

หนังสืออธิบายถึงความเสี่ยงและการป้องกันในระบบบิตคอยน์ โดยเฉพาะเรื่องฟอร์ก (fork) และการโจมตี 51%

ฟอร์กเกิดขึ้นเมื่อบล็อกเชนแยกออกเป็นสองเส้นทาง ซึ่งอาจเกิดจากการอัปเดตโปรโตคอลที่ไม่สอดคล้องกัน หรือความพยายามในการโจมตีระบบ ส่วนการโจมตี 51% คือสถานการณ์ที่ผู้โจมตีควบคุมกำลังการประมวลผลมากกว่า 51% ของเครือข่าย ทำให้สามารถสร้างบล็อกเชนทางเลือกที่ยาวกว่าและอาจทำธุรกรรมซ้ำซ้อนได้

อย่างไรก็ตาม หนังสืออธิบายว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นไปได้ยากมากในปัจจุบัน เนื่องจากขนาดของเครือข่ายบิตคอยน์ที่ใหญ่มาก ทำให้ต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลในการโจมตี

7. บัญชีที่ไร้ตัวตน

บิตคอยน์เป็นระบบที่ให้ความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง แม้ว่าทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกอย่างเปิดเผยในบล็อกเชน หนังสืออธิบายว่าบัญชีบิตคอยน์ไม่จำเป็นต้องผูกกับตัวตนจริง ผู้ใช้สามารถสร้างที่อยู่บิตคอยน์ใหม่ได้โดยไม่ต้องให้ข้อมูลส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม หนังสือกล่าวถึงข้อจำกัดของความเป็นส่วนตัวในบิตคอยน์ เนื่องจากการวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมอาจเชื่อมโยงที่อยู่บิตคอยน์กับตัวตนจริงได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการแลกเปลี่ยนผ่านแพลตฟอร์มที่ต้องการข้อมูลส่วนตัว

8. ใครเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์

บิตคอยน์เป็นระบบที่ไม่มีผู้นำหรือองค์กรควบคุม หนังสืออธิบายว่ากฎเกณฑ์ของบิตคอยน์ถูกกำหนดโดยฉันทามติของผู้มีส่วนร่วมในเครือข่าย ซึ่งประกอบด้วยนักพัฒนา นักขุด และผู้ใช้งาน

การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในโปรโตคอลบิตคอยน์ต้องได้รับการยอมรับจากส่วนใหญ่ของเครือข่าย ซึ่งทำให้ระบบมีความคงทนต่อการเปลี่ยนแปลงและการควบคุมจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ความท้าทายในการบรรลุฉันทามติเป็นสิ่งที่ทำให้บิตคอยน์มีเสถียรภาพและน่าเชื่อถือ

9. ก้าวต่อไปจะเป็นอย่างไร

ในบทสุดท้าย หนังสือมองไปยังอนาคตของบิตคอยน์และผลกระทบที่อาจมีต่อระบบการเงินโลก ผู้เขียนแสดงมุมมองว่าบิตคอยน์มีศักยภาพที่จะเติบโตและกลายเป็นระบบการเงินหลักได้ในอนาคต เนื่องจากคุณสมบัติที่เหนือกว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิม

บิตคอยน์แก้ไขปัญหาหลายอย่างในระบบการเงินปัจจุบัน เช่น การเข้าถึงบริการทางการเงินสำหรับผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร การควบคุมจากรัฐบาล และความเสี่ยงจากการพิมพ์เงินเฟ้อ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ บิตคอยน์จึงมีโอกาสที่จะครองตลาดและยากที่จะมีคู่แข่งมาแทนที่ได้

10. ทำความเข้าใจเทคโนโลยีอย่างง่าย

หนึ่งในจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือความสามารถในการอธิบายแนวคิดทางเทคนิคที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย ผู้เขียนใช้การเปรียบเทียบและตัวอย่างที่คุ้นเคยเพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจกลไกการทำงานของบิตคอยน์

ไม่ว่าจะเป็นการอธิบายระบบการเข้ารหัส การสร้างและตรวจสอบบล็อก หรือกลไกฉันทามติ หนังสือนำเสนอในรูปแบบที่เข้าถึงได้แม้ไม่มีพื้นฐานทางเทคนิค ทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจหลักการพื้นฐานและเห็นคุณค่าของนวัตกรรมนี้

11. การเข้ารหัส Hashing

หนังสืออธิบายถึงเทคโนโลยีการเข้ารหัสแบบแฮชชิ่ง (hashing) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบบิตคอยน์ แฮชเป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ที่แปลงข้อมูลขนาดใดก็ได้ให้เป็นชุดตัวอักษรและตัวเลขที่มีความยาวคงที่

คุณสมบัติสำคัญของฟังก์ชันแฮชคือ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลนำเข้าเพียงเล็กน้อยจะส่งผลให้ผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงอย่างมาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนกลับจากผลลัพธ์ไปหาข้อมูลนำเข้า คุณสมบัตินี้ทำให้บล็อกเชนของบิตคอยน์มีความปลอดภัยและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

12. ความสำคัญของการไม่มีศูนย์กลาง

หนังสือเน้นย้ำถึงความสำคัญของการไม่มีศูนย์กลาง (decentralization) ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักของบิตคอยน์ การไม่มีศูนย์กลางหมายถึงไม่มีองค์กรหรือบุคคลใดสามารถควบคุมระบบได้ทั้งหมด แต่ระบบถูกดูแลโดยเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ทั่วโลก

การไม่มีศูนย์กลางทำให้บิตคอยน์มีความทนทานต่อการเซ็นเซอร์ การปิดกั้น หรือการแทรกแซงจากรัฐบาลหรือองค์กรใด ๆ นอกจากนี้ ยังช่วยให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้บางส่วนของเครือข่ายจะล้มเหลว

13. ข้อจำกัดและความท้าทาย

แม้จะนำเสนอบิตคอยน์ในแง่บวกเป็นส่วนใหญ่ แต่หนังสือก็กล่าวถึงข้อจำกัดและความท้าทายที่บิตคอยน์กำลังเผชิญ เช่น:

  • ความสามารถในการรองรับธุรกรรม (scalability) ที่ยังไม่สามารถทำได้มากเท่าระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิม
  • การใช้พลังงานในปริมาณมากสำหรับการขุด
  • ความผันผวนของราคา
  • ความท้าทายในการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน

อย่างไรก็ตาม หนังสือชี้ให้เห็นว่ามีความพยายามในการพัฒนาโซลูชันเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เช่น Lightning Network ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับธุรกรรม

14. บิตคอยน์กับอนาคตของการเงิน

หนังสือมองว่าบิตคอยน์มีศักยภาพที่จะปฏิวัติระบบการเงินโลก ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง ไม่สามารถปลอมแปลงได้ และมีปริมาณจำกัด (สูงสุด 21 ล้านเหรียญ) ทำให้บิตคอยน์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเก็บรักษามูลค่าและการทำธุรกรรม

หนังสือเปรียบเทียบบิตคอยน์กับทองคำ โดยเรียกบิตคอยน์ว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” เนื่องจากมีคุณสมบัติหลายอย่างที่คล้ายคลึงกัน เช่น ความหายาก (scarcity) และความเป็นสากล อย่างไรก็ตาม บิตคอยน์มีข้อได้เปรียบคือสามารถส่งผ่านอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า

15. การลงทุนในบิตคอยน์

แม้ว่าหนังสือจะเน้นไปที่การอธิบายกลไกการทำงานของบิตคอยน์มากกว่าการให้คำแนะนำในการลงทุน แต่ก็มีการกล่าวถึงประเด็นนี้ในบางส่วน ผู้เขียนแนะนำว่าการเข้าใจเทคโนโลยีพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

การลงทุนในบิตคอยน์มีความเสี่ยงเนื่องจากความผันผวนของราคา แต่ในระยะยาว บิตคอยน์อาจมีศักยภาพในการเติบโตหากได้รับการยอมรับมากขึ้นในฐานะระบบการเงินทางเลือก ผู้เขียนเสนอว่าการศึกษาและความเข้าใจในเทคโนโลยีจะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ดีขึ้น

สรุป

“Inventing Bitcoin: ไขกลไกนวัตกรรมเงินเปลี่ยนโลก” เป็นหนังสือที่นำเสนอภาพรวมของบิตคอยน์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย แม้ผู้อ่านจะไม่มีพื้นฐานทางเทคนิคก็สามารถเข้าใจได้ หนังสือพาผู้อ่านเดินทางผ่านกระบวนการคิดค้นและพัฒนาบิตคอยน์ทีละขั้นตอน เพื่อให้เข้าใจกลไกการทำงานพื้นฐานและความสำคัญของเทคโนโลยีนี้

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความสนใจในบิตคอยน์แต่ยังไม่มีความรู้มากนัก อยากเข้าใจว่าเทคโนโลยีนี้ทำงานอย่างไรและมีความสำคัญอย่างไร รวมถึงผู้ที่กำลังพิจารณาลงทุนในบิตคอยน์และต้องการความเข้าใจที่มากขึ้นก่อนตัดสินใจ

ผู้เขียนนำเสนอมุมมองที่ค่อนข้างเป็นบวกต่อบิตคอยน์ โดยมองว่าเทคโนโลยีนี้มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงระบบการเงินโลกและยากที่จะมีคู่แข่งมาแทนที่ได้ เนื่องจากคุณสมบัติที่เหนือกว่าและความเป็นผู้บุกเบิก ผู้อ่านจึงควรพิจารณาด้วยวิจารณญาณและหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นประกอบการตัดสินใจ