
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อหนังสือ : ปีศาจตัวนั้นคือฉันเอง (A Guide to Fight the Demons in My Heart)
ชื่อผู้แต่ง : บริษัท โอเพ่นดูเรียน จำกัด
สำนักพิมพ์ : โอเพ่นดูเรียน
จำนวนหน้า : 250 หน้า
หมวดหนังสือ : พัฒนาตนเอง, จิตวิทยา
สารบัญ
- No.1 ความรัก
- No.2 ครอบครัว
- No.3 มิตรภาพ
- No.4 การเรียน
- No.5 การทำงาน
- No.6 ไม่พัฒนา
- No.7 ไม่รักตัวเอง
- No.8 ธุรกิจ
- No.9 การเงิน
- No.10 สังคม
สรุปข้อคิดจากหนังสือ
หนังสือ “ปีศาจตัวนั้นคือฉันเอง” นำเสนอแนวคิดหลักที่ว่า ปัญหาและอุปสรรคในชีวิตมักถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นจากความคิดและทัศนคติเชิงลบที่เรามีต่อตัวเอง ซึ่งก็คือ “ปีศาจภายใน” นั่นเอง หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและรับมือกับพลังลบ ความกลัว ความคิดทำร้ายตัวเอง และความรู้สึกหมดหวังที่มักแฝงมาในคราบของปีศาจที่โลกภายนอกส่งเข้ามาทดสอบใจเรา
1. การเผชิญหน้ากับปีศาจในเรื่องความรัก
หนังสือเริ่มต้นด้วยการพูดถึงปีศาจในเรื่องความรัก บางครั้งเราอยากจะ “มูฟออน” จากความรักที่ผิดหวัง แต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างคอยฉุดรั้งให้เราจมอยู่กับเรื่องเดิมๆ ซ้ำซาก ความผิดหวังหรือความเสียใจในเรื่องความรักไม่ควรเป็นเงื่อนไขที่ปิดกั้นไม่ให้เราก้าวต่อไป แท้จริงแล้วประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นและเรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้น
ปีศาจในเรื่องความรักมักทำให้เรายึดติดกับคนที่ไม่ใส่ใจเรา หรือทำให้เรายอมลดคุณค่าของตัวเองเพื่อให้ได้อยู่กับใครบางคน หนังสือแนะนำให้เราตระหนักว่า การที่ใครบางคนหยุดรักเราไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การที่เราหยุดรักตัวเองต่างหากที่เป็นเรื่องร้ายแรง เราควรเลือกคนที่มองเราเป็น “ตัวจริง” ไม่ใช่แค่ “ตัวเลือก” เพราะเรามีค่ามากกว่าจะมารอเศษเวลาเหลือๆ จากใคร
2. การรับมือกับปีศาจในครอบครัว
บางครั้งครอบครัวอาจไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยที่ดีเสมอไป คำพูดที่เหมือนจะเป็นห่วงแต่กลับทำร้ายจิตใจก็มีอยู่ไม่น้อย หนังสือชี้ให้เห็นว่า ตัวเราเองต่างหากที่ต้องพยายามดูแลตัวเองให้ดีและต้องตีความคำพูดของคนในครอบครัวให้ชัดเจน
การมองในอีกมุมหนึ่งอาจช่วยให้เราเข้าใจครอบครัวมากขึ้น เช่น พ่อแม่ที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหนักก็หวังแค่ให้ลูกๆ มีอนาคตที่ดีกว่า หนังสือสอนให้เราเข้าใจว่าหัวใจของครอบครัวคือความเอาใจใส่ ไม่ใช่แค่การใช้ DNA ร่วมกัน และแม้ว่าบางครั้งคำพูดของคนในครอบครัวอาจทำให้เราเจ็บปวด แต่เราต้องพยายามเข้าใจเจตนาที่อยู่เบื้องหลัง
3. เผชิญหน้ากับปีศาจในเรื่องมิตรภาพ
ในหัวข้อเกี่ยวกับมิตรภาพ หนังสือพูดถึงการเสพติดดราม่าและการนินทาในที่ทำงานหรือระหว่างเพื่อน หากเราเผลอเข้าไปมีส่วนร่วม อาจทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจเวลาต้องเผชิญหน้ากับคนที่ถูกนินทา หนังสือแนะนำให้เราเลือกตัดสิ่งแย่ๆ ออกไปจากชีวิต
เพื่อนแท้จะพูดความจริงต่อหน้า ในขณะที่เพื่อนไม่มีค่าชอบพูดลับหลัง เมื่อเราเสียเพื่อนที่ไม่จริงใจไป เราควรทำความเข้าใจว่าเราไม่ได้เสียเพื่อนคนไหนไปเลย เพราะถ้าเขาไม่จริงใจ เขาก็ไม่ใช่เพื่อนเราตั้งแต่แรก การตัดคนที่ไม่จริงใจออกไปจากชีวิตเป็นสิ่งจำเป็น เพราะถ้าเรายอมให้เขาทำร้ายเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็จะมีแต่เราเท่านั้นที่จะเสียสุขภาพจิต
4. ปีศาจในเรื่องการเรียน
อุปสรรคสำคัญของการเรียนคือ “การด้อยคุณค่าของตัวเอง” เราอาจคิดว่าเรียนไม่เก่ง จบมาก็ตกงาน หรือได้งานที่ไม่ได้เลือก หนังสือชี้ให้เห็นว่าการทำงานเป็นเรื่องใหม่สำหรับเด็กจบใหม่ทุกคน และความสำเร็จในการทำงานขึ้นอยู่กับการปรับตัวและความพร้อมในการเรียนรู้มากกว่า “ความเก่ง” เพียงอย่างเดียว
ปีศาจในการเรียนมักทำให้เราด้อยค่าตัวเอง คิดว่าตัวเองโง่ ไม่มีความสามารถ หนังสือเน้นย้ำว่าสมองคือเครื่องประดับที่สวยที่สุด เราควรฝึกให้สมองเฉียบแหลมอยู่เสมอ และเข้าใจว่าความดูดีไม่ได้ทำให้เราฉลาด แต่ความฉลาดต่างหากที่ทำให้เราดูดี
5. จัดการกับปีศาจในการทำงาน
หลังจากทำงานไปสักระยะ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการติดอยู่กับ comfort zone เบื่องาน อยากย้าย แต่ไม่กล้าพอเพราะกลัวว่าไปแล้วจะแย่กว่าเดิม หนังสือเตือนว่าชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง แม้ไม่เปลี่ยนที่ทำงาน หน้าที่หรือภาระงานก็เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
เด็กรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำงานและเรียนรู้ได้เร็วกว่าอาจแซงหน้าเราได้ comfort zone ที่เราคิดว่าปลอดภัยอาจกลายเป็นกับดักที่ทำให้เราไม่พัฒนา หนังสือแนะนำให้เราทำตัวเหมือนผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและไม่กลัวที่จะออกจาก comfort zone เพื่อเติบโต
6. ต่อสู้กับปีศาจแห่งการไม่พัฒนา
สิ่งที่ฉุดรั้งไม่ให้เราพัฒนาคือ “ความขี้เกียจ” หากอยากเก่งขึ้น ต้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ความขี้เกียจหรือความคิดว่า “พัฒนาไปก็ไม่ได้ดีขึ้น” มักเกิดขึ้นกับทุกคน หนังสือชี้ให้เห็นว่าเราไม่ได้เดินถอยหลัง แค่คนอื่นเดินแซงเราไปเอง
การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องช่วยให้เราค้นพบว่าเราชอบงานประเภทไหน และทำให้เราตัดสินใจมุ่งหน้าหรือก้าวไปในทิศทางที่เหมาะกับเรามากขึ้น ความสำเร็จไม่มาเคาะประตูหน้าบ้านใคร เราต้องออกไปคว้ามันมาด้วยตัวเอง
7. เอาชนะปีศาจแห่งการไม่รักตัวเอง
ส่วนที่โดดเด่นที่สุดในหนังสือเล่มนี้คือการพูดถึงปีศาจแห่งการไม่รักตัวเอง ซึ่งเป็นปีศาจที่อันตรายที่สุด การไม่รักตัวเองอาจเกิดจากความเหนื่อยล้า ความขี้เกียจ และการขาดวินัย หนังสือเน้นย้ำความสำคัญของการดูแลสุขภาพ เพราะสุขภาพที่ดีจะทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย
มนุษย์เราชอบควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในอำนาจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราควบคุมอะไรได้น้อยมาก วิธีจัดการกับปีศาจประเภทนี้คือการแยกสิ่งต่างๆ ออกเป็น “สิ่งที่สำคัญต่อชีวิต” และ “สิ่งที่ไม่สำคัญต่อชีวิต” แล้วเวลาเกิดอะไรผิดพลาด ก็ให้พิจารณาว่ามันอยู่ในกลุ่มไหน หากอยู่ในกลุ่มที่ไม่สำคัญ เราก็สามารถปล่อยวางได้
8. รับมือกับปีศาจในการทำธุรกิจ
หลายคนคิดว่าการลงทุนหรือทำธุรกิจเป็นเรื่องง่าย แค่มีเงินทุนเยอะๆ ไม่ต้องเก่งก็ทำได้ แต่ความคิดแบบนี้อาจนำไปสู่ความล้มเหลวอย่างรวดเร็ว แม้จะมีเงินทุน แต่หากขาดความรู้ที่ถูกต้อง ก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ
หนังสือแนะนำให้เราเตรียมคู่มือวิธีแก้ไขปัญหาให้พร้อม เพราะทุกทางออกย่อมมีปัญหารออยู่เสมอ ความสำเร็จในธุรกิจต้องอาศัยการเรียนรู้ การวางแผน และการเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
9. ต่อกรกับปีศาจในเรื่องการเงิน
การมีเงินแล้วใช้หมดก็เท่ากับไม่มี หนังสือแนะนำให้ระงับความอยากด้วยการคิดเพิ่มอีกชั้น การวางแผนทางการเงินที่ดีไม่ใช่แค่การออม แต่รวมถึงการลงทุนในความรู้ด้วย
เราควรอดทนกับช่วงแรกให้มากที่สุด เพื่อสร้างฐานทางการเงินที่มั่นคง ความมั่งคั่งไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการวางแผน การมีวินัย และการตัดสินใจทางการเงินที่ชาญฉลาดอย่างต่อเนื่อง
10. เอาชนะปีศาจในเรื่องสังคม
หนังสือตั้งคำถามว่าเราแคร์คนอื่นมากเกินไปหรือไม่ เราละทิ้งตัวตนของเราหรือเปล่า เราควรคิดให้ดีว่าเราใช้ชีวิตเพื่อใคร ยิ่งเราออกห่างจากตัวตนของเรา ก็เท่ากับเราใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น
ในท้ายที่สุด เราทุกคนต่างมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง เราควรเริ่มต้นใช้ชีวิตในแบบของเราบ้าง เลิกกังวลว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไร และเลิกใส่ใจสิ่งที่ไม่สำคัญต่อชีวิต เพราะจิตใจของเราสำคัญที่สุด
11. การแยกแยะระหว่างสิ่งที่สำคัญและไม่สำคัญ
หนังสือเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแยกแยะระหว่างสิ่งที่สำคัญและไม่สำคัญในชีวิต สิ่งที่ไม่สำคัญต่อชีวิต เช่น คนอื่นจะมองเราไม่ดี เพื่อนร่วมงานจะนินทา หรือคนรอบข้างจะคิดว่าเราทำงานไม่มั่นคง เราควรปล่อยวางความกังวลเหล่านี้ เพราะมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสุขและคุณค่าที่แท้จริงของเรา
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจของเรา เมื่อจิตใจดี ทุกอย่างในชีวิตจะดูสดใสและมีความหวัง แต่เมื่อจิตใจย่ำแย่ เราจะมองหาแต่เรื่องหม่นเศร้า จิตใจจึงมีผลต่อมุมมองที่เรามีต่อโลกและตัวเองอย่างมาก การดูแลจิตใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรละเลย
12. อย่าให้สิ่งเลวร้ายจากภายนอกมาตีกรอบคุณค่าภายในของเรา
แก่นสำคัญของหนังสือเล่มนี้คือการไม่ให้สิ่งเลวร้ายจากภายนอกมาตีกรอบคุณค่าภายในของเรา มนุษย์เราวิวัฒนาการมาให้แสวงหาการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม เราจึงใส่ใจต่อคำพูดและการกระทำของคนอื่นมาก หากคนอื่นพูดจาลดทอนคุณค่าเรา เราก็มักเอาคำพูดเหล่านั้นมาตีกรอบคุณค่าในตัวเองให้เล็กลง
ตัวอย่างเช่น การถูกรังแกที่โรงเรียน อาจทำให้เราคิดว่า “ฉันไม่มีคุณค่า เลยสมควรโดนแบบนี้” หรือการอยู่ในครอบครัวที่พ่อชอบด่าว่าเราโง่ อาจทำให้เราเชื่อว่า “ฉันมันโง่ ทำอะไรดีๆ ไม่ได้หรอก” ความคิดเหล่านี้คือปีศาจในใจเราที่คอยบั่นทอนความเชื่อมั่นและคุณค่าในตัวเรา
13. เข้าใจและยอมรับความผิดพลาด
หนังสือชี้ให้เห็นว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่มีใครที่จะไม่เคยทำผิด แต่สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น ความผิดพลาดไม่ใช่การตัดสินคุณค่าของเรา แต่เป็นโอกาสให้เราได้เรียนรู้และเติบโต
ความผิดพลาดบอกแค่ว่าอะไรไม่ได้ผล ไม่ได้บอกว่าเราไม่ดีพอหรือไม่มีวันดีไปกว่านี้ได้ อย่างไรก็ตาม การทำผิดซ้ำๆ โดยไม่เรียนรู้หรือปรับตัวเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง หนังสือเตือนว่าไม่มีใครจากไปเพราะเราทำผิดหลายครั้ง แต่เป็นเพราะเราทำผิดเรื่องเดิมซ้ำๆ บ่อยเกินไป
14. การสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง
การสร้างคุณค่าให้กับตัวเองเป็นกระบวนการสำคัญในการต่อสู้กับปีศาจในใจ หนังสือแนะนำให้เราฝึกชื่นชมตัวเองบ้าง อย่าคิดว่าเราเดินช้ากว่าคนอื่น เพราะทุกก้าวคือการที่เราพาตัวเองไปข้างหน้า
คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วในการประสบความสำเร็จเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่อยู่ที่การเติบโตและพัฒนาตามจังหวะของเราเอง เราไม่ควรเปรียบเทียบจุดเริ่มต้นของเรากับกลางทางของคนอื่น เพราะทุกคนมีเส้นทางและจังหวะชีวิตที่แตกต่างกัน
15. การจัดการกับความกลัว
ความกลัวเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการพัฒนาและความสุขในชีวิต หนังสือชี้ให้เห็นว่าความกลัวมีอยู่จริงแค่ในหัวของเราเท่านั้น แต่ไม่มีตัวตน มันเกิดจากความคิดของเราที่มีกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงอาจทำให้เรารู้สึกกลัว แต่ความเสียดายที่เกิดจากการไม่กล้าลองนั้นน่ากลัวกว่า การเอาชนะความกลัวไม่ใช่การไม่รู้สึกกลัวเลย แต่เป็นการรับรู้ความกลัวนั้นและก้าวผ่านมันไป
สรุป
“ปีศาจตัวนั้นคือฉันเอง” เป็นหนังสือพัฒนาตนเองที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าอุปสรรคใหญ่ที่สุดในชีวิตมักไม่ใช่สิ่งที่อยู่ภายนอก แต่เป็นความคิดเชิงลบและความกลัวที่อยู่ภายในใจเราเอง หนังสือนำเสนอมุมมองและแนวทางในการจัดการกับ “ปีศาจ” เหล่านี้ในด้านต่างๆ ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความรัก ครอบครัว มิตรภาพ การเรียน การทำงาน การพัฒนาตนเอง การรักตัวเอง ธุรกิจ การเงิน และสังคม
หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำความสำคัญของการรักและให้คุณค่ากับตัวเอง การแยกแยะระหว่างสิ่งที่สำคัญและไม่สำคัญในชีวิต และการไม่ให้สิ่งเลวร้ายจากภายนอกมาตีกรอบคุณค่าภายในของเรา อีกทั้งยังสอนให้เราเข้าใจและยอมรับความผิดพลาด มองว่ามันเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต มากกว่าจะเป็นการตัดสินคุณค่าของเรา
“ปีศาจตัวนั้นคือฉันเอง” เป็นเหมือนคู่มือที่ช่วยให้เราเข้าใจและรับมือกับความคิดเชิงลบและความกลัวที่อยู่ภายในใจเรา เพื่อให้เราสามารถเปลี่ยนจาก “ปีศาจ” เป็น “นักสู้” ที่มีใจเข้มแข็งและพร้อมรับมือกับความท้าทายในชีวิต