
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อหนังสือ : 66 วิธีลับคมสมอง ชื่อต้นฉบับ : これだけは知っておきたい脳の強化書 (หนังสือขายดีในญี่ปุ่น)
ชื่อผู้แต่ง : นพ.โทะชิโนะริ คะโตะ (Toshinori Kato)
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
หมวดหนังสือ : พัฒนาตนเอง/วิทยาศาสตร์/สุขภาพ
เกี่ยวกับผู้เขียน
นพ.โทะชิโนะริ คะโตะ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองจากประเทศญี่ปุ่น ผู้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของสมองและการพัฒนาศักยภาพสมองเป็นอย่างดี ท่านได้นำความรู้ทางการแพทย์ผสมผสานกับประสบการณ์การทำงานเพื่อถ่ายทอดวิธีการกระตุ้นและพัฒนาสมองที่ทุกคนสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน
สาระสำคัญของหนังสือ
หนังสือ “66 วิธีลับคมสมอง” นำเสนอแนวคิดเรื่อง “รหัสสมอง” ซึ่งเป็นการอธิบายการทำงานของสมองแต่ละส่วนที่รับผิดชอบหน้าที่แตกต่างกัน โดยเปรียบเสมือนสมองมี “บ้านเลขที่” หรือ “รหัสไปรษณีย์” ที่กำหนดให้แต่ละส่วนทำงานเฉพาะด้าน ซึ่งต้องทำงานร่วมกัน ผู้เขียนแบ่งรหัสสมองออกเป็น 8 กลุ่ม และนำเสนอวิธีการฝึกฝนสมองทั้ง 66 วิธีที่สามารถทำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน
แนวคิดสำคัญเกี่ยวกับสมอง
- สมองมีการเจริญเติบโตมากที่สุดในช่วงอายุ 20-49 ปี
- แม้เมื่ออายุมากขึ้น จำนวนเซลล์สมองจะลดลง แต่เซลล์สมองไม่หยุดการเจริญเติบโต
- หากความสามารถด้านความจำลดลง สามารถเพิ่มความสามารถด้านความคิดและวิธีคิดเพื่อชดเชยได้
- สมองสามารถได้รับการพัฒนาได้ตลอดชีวิต ไม่มีวันสายเกินไปที่จะเริ่มฝึกฝน
สามสิ่งสำคัญในการกระตุ้นรหัสสมอง
1. ปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน
- แม้เพียงการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ก็สามารถกระตุ้นรหัสสมองได้
- ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นำไปสู่ประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งกระตุ้นการทำงานของสมอง
2. รู้จักนิสัยของสมอง มีจุดเด่น 4 ข้อ:
- สมองรู้สึกดีใจเมื่อได้รับคำชม (เช่น “พูดจาดี” “ตาแหลม” เป็นคำชมที่กระตุ้นการทำงานของสมอง)
- การใช้ตัวเลขทำให้สมองเข้าใจได้ง่าย (เช่น การระบุว่ามี “4 ข้อ”)
- การกำหนดเส้นตายช่วยให้สมองทำงานอย่างมีเป้าหมาย และเมื่อเสร็จสิ้นจะรู้สึกผ่อนคลาย
- การพักผ่อนที่เพียงพอ (7 ชั่วโมงต่อวัน หรือการงีบช่วงกลางวัน) ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น
3. แสดงสิ่งที่คิดและอยากทำออกมา
- คนเราจะทำงานได้ดีเมื่ออยากทำมากกว่าถูกบังคับ
- การถูกสั่งทำจะทำให้รหัสสมองอยู่ในสถานะ “ผู้ถูกกระทำ” ซึ่งไม่เอื้อต่อการพัฒนา
8 กลุ่มของรหัสสมองและวิธีการฝึกฝน
1. รหัสสมองด้านความคิด
รหัสสมองด้านความคิดอยู่บริเวณสมองกลีบหน้าทั้งซีกซ้ายและขวา ซีกซ้ายใช้ในการตอบคำถามอย่างถูกต้อง ส่วนซีกขวาใช้สำหรับจินตนาการ อาชีพที่ช่วยพัฒนารหัสสมองด้านนี้ ได้แก่ นักธุรกิจและนักวิชาการ
วิธีฝึกฝน:
- สร้างเป้าหมายในหนึ่งวันด้วยคำไม่เกิน 10 คำ
- มองหาข้อดีของคนรอบข้างให้ได้ 3 ข้อ
- กำหนดวันที่จะไม่ทำงานล่วงเวลา เพื่อเปิดโอกาสให้สมองได้ปรับเปลี่ยนความคิด
- เล่นเกมให้แพ้บ้าง เพื่อฝึกการมองสถานการณ์จากมุมมองที่ต่างออกไป
- หาข้อโต้แย้งกับความคิดของตนเอง เพื่อขยายวิสัยทัศน์
- ทบทวนเหตุการณ์ 3 อย่างก่อนนอน (สิ่งที่สนุกที่สุด/ยากที่สุด/ทำแล้วไม่สำเร็จ)
- ให้ผู้อื่นวางแผนกิจกรรมวันหยุดให้บ้าง เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
- นอนพักกลางวัน 10 นาที เพื่อปรับสวิตช์สมอง
2. รหัสสมองด้านอารมณ์
รหัสสมองด้านอารมณ์อยู่ด้านในลึกๆ ของสมองส่วนหน้า ส่วนนี้เจริญเติบโตได้ตลอดชีวิตและแก่ช้า สัมพันธ์กับความคิด โดยรหัสสมองด้านอารมณ์เปรียบเสมือนเตาไฟ ส่วนรหัสสมองด้านความคิดเปรียบเสมือนกาน้ำร้อน
วิธีฝึกฝน:
- บอกตัวเองก่อนออกจากบ้านว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่โกรธ”
- จัดลำดับ 10 เรื่องดีๆ สนุกๆ ในอดีตที่น่าจดจำ
- งดสิ่งที่ชอบให้ได้ 10 วัน เพื่อฝึกการควบคุมอารมณ์
- สร้างบันทึกการชมเชยตัวเอง
- ไปร้านเสริมสวยหรือร้านตัดผมร้านใหม่ๆ เพื่อสร้างความตื่นเต้น
- พูดคุยกับต้นไม้ เพื่อฝึกจิตใจให้เยือกเย็น
- เล่าเรื่องหรือสิ่งประทับใจในวันนั้นให้คนอื่นฟัง
3. รหัสสมองด้านการสื่อสาร
รหัสสมองด้านการสื่อสารเกี่ยวข้องกับการได้ยิน การฟังเสียง และการแสดงท่าทาง อยู่ที่สมองส่วนถัดจากสมองส่วนหน้า (รหัส 48)
วิธีฝึกฝน:
- คิดและทำอาหารเมนูใหม่ๆ ให้คนอื่น
- ร่วมแข่งขันกีฬาประเภททีม เพื่อฝึกการสื่อสารและภาวะผู้นำ
- ฟังคู่สนทนาพูดแล้วเว้นระยะเวลา 3 วินาที ก่อนตอบ
- ขณะสนทนา ให้คิดหาตัวเลือก 3 ข้อไปด้วย
- เขียนเป้าหมายของตนเองให้พ่อแม่อ่าน
- ฟังแล้วหาคำพูดติดปากของคู่สนทนา
- พูดคุยกับพนักงานร้านกาแฟหรือผู้ให้บริการ
4. รหัสสมองด้านความเข้าใจ
รหัสสมองด้านความเข้าใจอยู่ในรหัส 40, 21, 29 อาชีพที่ใช้รหัสสมองส่วนนี้มาก ได้แก่ ทนายความ นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ และบรรณาธิการ
วิธีฝึกฝน:
- อ่านหนังสือที่เคยอ่านเมื่อ 10 ปีก่อนอีกครั้ง
- จัดระเบียบห้องใหม่ เพื่อสร้างเงื่อนไขในการปรับปรุงตนเอง
- สร้างโพรไฟล์ส่วนตัวแบบเจาะลึก โดยไม่เน้นประวัติการศึกษาหรือการทำงาน
- เดาสภาพจิตใจของผู้คนบนรถสาธารณะ
- แต่งตัวเลียนแบบคนที่แต่งตัวเก่ง
- อ่านหนังสือที่ปกติไม่อ่านแบบผ่านๆ แล้วตีความ
- จัดกระเป๋าให้เสร็จภายใน 10 นาทีก่อนออกจากบ้าน
- แต่งกลอนสั้นๆ ทันทีที่กลับบ้าน
- ร่วมเป็นอาสาสมัครประจำเขต
- เลียนแบบบุคลิกของคนที่ชื่นชม
5. รหัสสมองด้านการเคลื่อนไหว
รหัสสมองด้านการเคลื่อนไหวเชื่อมต่อกับรหัสสมองส่วนอื่นทั้ง 8 ด้าน อาชีพที่พัฒนารหัสสมองส่วนนี้ได้ดี คือ นักกีฬา นักดนตรี และเกษตรกร
วิธีฝึกฝน:
- แปรงฟันด้วยมือที่ไม่ถนัด และขยับปากออกเสียงสระให้เร็ว
- ร้องคาราโอเกะพร้อมทำท่าทางประกอบ
- ทำอาหารไปร้องเพลงไป เพื่อฝึกสติ
- เขียนบันทึกลงสมุด (การเขียนมือดีกว่าการพิมพ์)
- วาดภาพเลียนแบบภาพต้นแบบ
- ขึ้นลงบันไดแบบเว้น 1 ขั้น
- เวลาคิดอะไรไม่ออก ให้ลุกขึ้นเดิน 10-15 นาที
6. รหัสสมองด้านการได้ยิน
รหัสสมองที่ใช้ในการฟังภาษาอยู่ที่สมองซีกซ้าย ส่วนรหัสสมองที่ใช้ในการฟังเสียงรอบข้างอยู่ที่สมองซีกขวา อาชีพที่ใช้รหัสสมองด้านนี้มาก ได้แก่ นักร้อง นักดนตรี พนักงานรับโทรศัพท์ อาจารย์ และนักแสดงตลก
วิธีฝึกฝน:
- หลับไปฟังวิทยุไป โดยตั้งเวลาให้วิทยุปิดหลังจากนั้น 2-3 ชั่วโมง
- ฟังเสียงตามสายที่ร้านเปิดและเก็บข้อความที่น่าสนใจ
- จดบันทึกขณะประชุมด้วยการจดชวเลข (ย่อความแทนการจดคำต่อคำ)
- พูดตามผู้ประกาศข่าวขณะนั่งดูข่าว
- สังเกตและตั้งใจฟังเสียงธรรมชาติ
- ฟังสนทนาของโต๊ะที่อยู่ไกลออกไปและเดาลักษณะของผู้พูด
- ฟังเสียงใดเสียงหนึ่งขณะฟังเพลง
7. รหัสสมองด้านการมองเห็น
รหัสสมองด้านการมองเห็นอยู่ด้านหลังศีรษะและเชื่อมดวงตาทั้งสองข้าง แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ รหัสสมองที่บอกว่ามองเห็นอะไร รหัสสมองที่จับความเคลื่อนไหว และรหัสสมองที่ทำหน้าที่ตัดสิน อาชีพที่พัฒนารหัสสมองด้านนี้ได้ดี คือ นักแข่งรถ จิตรกร และนักออกแบบ
วิธีฝึกฝน:
- เวลาเดินผ่านทางที่รกๆ ให้มองหาพื้นที่ว่างและเดินไปข้างหน้า
- มองหาป้ายที่มีเลข 5 ตามข้างทาง
- แลกเปลี่ยนหมากขาวกับดำระหว่างการเล่นหมากกระดาน
- ตัดภาพจากนิตยสารแฟชั่นมาปรับปรุงการแต่งกาย
- วาดภาพใบหน้าตนเอง
- แสดงสีหน้าให้สื่ออารมณ์ 10 แบบเป็นประจำทุกวันหน้ากระจก
- เลียนแบบตัวละครในภาพยนตร์หรือละคร
- เดาที่มาที่ไปของผู้คนตามท้องถนน
- สอดส่องความสกปรกตามพื้นที่สาธารณะ
8. รหัสสมองด้านการจดจำ
รหัสสมองด้านการจดจำอยู่ตรงจุดกลางสมอง เรียกว่าฮิปโปแคมปัส โดยสมองซีกซ้ายจดจำด้านภาษา ส่วนซีกขวาจดจำสิ่งที่ไม่ใช่ภาษา เช่น รูปภาพ การจดจำแบ่งเป็นสองประเภท คือ จดจำเกี่ยวกับความรู้ และจดจำเกี่ยวกับอารมณ์ อาชีพที่ต้องใช้การจดจำมาก ได้แก่ ล่าม และนักประวัติศาสตร์
วิธีฝึกฝน:
- พยายามหาจุดร่วมของคนรู้จักซึ่งทั้งคู่ไม่เกี่ยวข้องกัน
- ฝึกทำสมาธิวันละ 20 นาที
- คิดศัพท์หรือจินตนาการใหม่ๆ
- จดจำคำสอน หลักธรรม หรือหลักปฏิบัติที่ชอบให้ได้ขึ้นใจ
- ฟังเพลงภาษาอังกฤษแล้วร้องตาม
- จดจำสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ได้ 3 เรื่อง
- ลงมือทำตามแผนของสัปดาห์หน้าในวันอาทิตย์
- เลือกคำพูดที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดในวันนั้น
- ท่องเที่ยวแบบไม่พึ่งพาไกด์บุ๊ก
สรุป
หนังสือ “66 วิธีลับคมสมอง” นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจว่า สมองของเราสามารถพัฒนาได้ตลอดชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม แม้จำนวนเซลล์สมองจะลดลงตามอายุ แต่คุณภาพของเซลล์สมองสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ผ่านการฝึกฝนที่เหมาะสม
จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือการนำเสนอวิธีการฝึกสมองที่เรียบง่าย สามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษหรือเทคนิคซับซ้อน เพียงแค่ปรับเปลี่ยนกิจวัตรเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถกระตุ้นสมองให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
แนวคิดเรื่อง “รหัสสมอง” ช่วยให้เข้าใจการทำงานของสมองแต่ละส่วนได้ง่ายขึ้น และวิธีการฝึกฝนทั้ง 66 วิธีก็ครอบคลุมการพัฒนาสมองทั้ง 8 ด้าน ทำให้สมองแข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินชีวิตในทุกด้าน ทั้งการทำงาน การเรียนรู้ และการใช้ชีวิตประจำวัน
หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการพัฒนาศักยภาพสมองของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนวัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ เพราะไม่มีวันใดที่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นฝึกสมอง และการฝึกสมองอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อมในอนาคตได้อีกด้วย