Bill Gates มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Microsoft ที่ผันตัวมาเป็นนักการกุศล เป็นที่รู้จักในฐานะนักอ่านตัวยงและมักจะแนะนำหนังสือดีๆ อยู่เสมอ ในการตอบคำถามบน Reddit AMA (Ask Me Anything) ครั้งล่าสุด Gates ได้แบ่งปันรายชื่อหนังสือ 8 เล่มที่เขาคิดว่าเป็นหนังสือที่ดีที่สุดตลอดกาล หนังสือเหล่านี้มีความหลากหลายทั้งประเภทและหัวข้อ สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่กว้างขวางและความอยากรู้อยากเห็นทางปัญญาของ Gates

1. Grand Transitions โดย Vaclav Smil
Gates อธิบายหนังสือเล่มนี้ว่าเป็น “ผลงานชิ้นเอก” จาก “หนึ่งในนักคิดที่ผมชื่นชอบที่สุด” Vaclav Smil เป็นนักวิทยาศาสตร์และนักเขียนชาวแคนาดาเชื้อสายเช็กที่มีชื่อเสียงในการวิเคราะห์ระบบพลังงาน เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และประชากร ใน “Grand Transitions” Smil ได้สำรวจการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
แม้ว่า Gates จะยอมรับว่าหนังสือเล่มนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคนเนื่องจากเนื้อหาที่ค่อนข้างเทคนิค แต่เขาชื่นชมการศึกษาของ Smil เกี่ยวกับการเติบโตในหลากหลายด้าน ตั้งแต่ไดโนเสาร์ไปจนถึงชิปคอมพิวเตอร์ Gates กล่าวว่า “ไม่มีใครมองภาพรวมได้กว้างขวางเท่า Vaclav Smil” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของ Smil ในการเชื่อมโยงแนวคิดจากหลากหลายสาขาวิชาเข้าด้วยกัน

หนังสือเล่มนี้ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ มากมาย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางประชากร การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม โดย Smil ใช้ข้อมูลทางสถิติและการวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างไรและส่งผลกระทบต่อโลกของเราอย่างไร
2. How the World Really Works โดย Vaclav Smil
อีกหนึ่งผลงานจากนักเขียนคนโปรดของ Gates หนังสือเล่มนี้ถูกอธิบายว่าเป็นการสรุปองค์ความรู้ตลอดชีวิตของ Smil ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น มันให้ภาพรวมแก่ผู้อ่านว่าโลกวัตถุของเรา ตั้งแต่คอนกรีตไปจนถึงปุ๋ย ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร
ใน “How the World Really Works” Smil พยายามที่จะอธิบายระบบพื้นฐานที่ขับเคลื่อนโลกสมัยใหม่ของเรา เขาเจาะลึกลงไปในเรื่องต่างๆ เช่น การผลิตอาหาร การขนส่ง พลังงาน และเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อท้าทายความเข้าใจผิดๆ ที่มักพบเห็นได้ทั่วไป

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ Smil นำเสนอคือการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลของสังคมสมัยใหม่ เขาชี้ให้เห็นว่าแม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่ดูเหมือนจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น กังหันลม ก็ยังต้องใช้วัสดุและกระบวนการผลิตที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างมาก นอกจากนี้ Smil ยังอธิบายถึงความสำคัญของสิ่งที่เขาเรียกว่า “สี่เสาหลักของอารยธรรม” ได้แก่ ซีเมนต์ เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติก และแอมโมเนีย ซึ่งเป็นพื้นฐานของโครงสร้างพื้นฐานและการผลิตอาหารของโลกสมัยใหม่
Gates ชื่นชมความสามารถของ Smil ในการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้อ่านเข้าใจถึงความท้าทายที่เราต้องเผชิญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น
3. The Better Angels of Our Nature โดย Steven Pinker
Gates ยกย่องหนังสือเล่มนี้มาโดยตลอดตั้งแต่มันถูกตีพิมพ์ โดยเรียกมันว่าเป็น “หนึ่งในหนังสือที่สำคัญที่สุดที่ผมเคยอ่าน – ไม่ใช่แค่ปีนี้ แต่ตลอดกาล” หนังสือเล่มนี้โต้แย้งว่า ตรงกันข้ามกับความเชื่อทั่วไป ความรุนแรงในประวัติศาสตร์มนุษย์นั้นลดลงเรื่อยๆ
Steven Pinker นักจิตวิทยาและนักภาษาศาสตร์ชาวแคนาดา-อเมริกัน ได้นำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์และสถิติจำนวนมากเพื่อสนับสนุนข้อโต้แย้งของเขา เขาชี้ให้เห็นว่าอัตราการฆาตกรรม การทรมาน การสงคราม และรูปแบบความรุนแรงอื่นๆ ได้ลดลงอย่างมากตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา

Pinker อธิบายการลดลงของความรุนแรงนี้ด้วยปัจจัยหลายประการ รวมถึงการเติบโตของรัฐชาติที่มีเสถียรภาพ การขยายตัวของการค้า การเพิ่มขึ้นของการรู้หนังสือและการศึกษา และการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่ให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์มากขึ้น เขาเรียกกระบวนการนี้ว่า “กระบวนการอารยธรรม” ซึ่งทำให้มนุษย์มีแนวโน้มที่จะใช้เหตุผลและความเห็นอกเห็นใจมากกว่าความรุนแรงในการแก้ปัญหา
Gates เห็นว่าข้อความหลักของหนังสือเล่มนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะมันให้มุมมองเชิงบวกต่อความก้าวหน้าของมนุษยชาติ และแสดงให้เห็นว่าเราสามารถใช้เหตุผลและความเข้าใจเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าได้
4. The Coddling of the American Mind โดย Greg Lukianoff และ Jonathan Haidt
Gates อธิบายหนังสือเล่มนี้ว่า “ดี” มันสำรวจการไม่เต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับแนวคิดที่ยากลำบากในมหาวิทยาลัยที่เพิ่มมากขึ้น และได้รับคำชมเชยจากนักวิจารณ์สำหรับการตรวจสอบ “วัฒนธรรมแห่งความปลอดภัย” ในสภาพแวดล้อมทางวิชาการ
Greg Lukianoff นักกฎหมายด้านเสรีภาพในการพูด และ Jonathan Haidt นักจิตวิทยาสังคม ได้ร่วมกันเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มที่พวกเขาเห็นในมหาวิทยาลัยอเมริกัน พวกเขาโต้แย้งว่าความพยายามที่จะปกป้องนักศึกษาจากความคิดที่อาจทำให้ไม่สบายใจหรือ “เป็นอันตราย” นั้นกำลังส่งผลเสียต่อการพัฒนาทางปัญญาและอารมณ์ของพวกเขา

ผู้เขียนระบุ “สามความเชื่อที่ยิ่งใหญ่” ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นอันตราย:
- สิ่งที่ไม่ฆ่าคุณทำให้คุณอ่อนแอลง
- ไว้ใจความรู้สึกของคุณเสมอ
- ชีวิตเป็นการต่อสู้ระหว่างคนดีกับคนเลว
พวกเขาโต้แย้งว่าความเชื่อเหล่านี้ทำให้เกิด “วัฒนธรรมแห่งความปลอดภัย” ที่ส่งเสริมให้นักศึกษาหลีกเลี่ยงความไม่สบายใจและมองว่าตัวเองเป็นเหยื่อ แทนที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายและเติบโตจากประสบการณ์นั้น
Gates เห็นว่าการวิเคราะห์นี้มีความสำคัญ เพราะมันชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการเผชิญหน้ากับความคิดที่ท้าทายและการพัฒนาความยืดหยุ่นทางจิตใจ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จในโลกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับบทบาทของการศึกษาระดับอุดมศึกษาในการเตรียมนักศึกษาสำหรับโลกแห่งความเป็นจริง
5. Why We’re Polarized โดย Ezra Klein
อีกหนึ่งหนังสือที่ Gates เรียกว่า “ดี” ผลงานนี้โดยนักข่าวและนักวิเคราะห์การเมือง Ezra Klein ลงลึกถึงปัจจัยที่ขับเคลื่อนการแบ่งขั้วทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในอเมริกา มันได้รับคำชมเชยสำหรับการวิจัยที่ครอบคลุมและการนำเสนอแนวคิดที่ซับซ้อนในรูปแบบที่เข้าถึงได้
Klein นำเสนอมุมมองที่น่าสนใจว่าการแบ่งขั้วทางการเมืองไม่ใช่ความผิดปกติของระบบ แต่เป็นผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้จากสถาบันทางการเมืองและระบบสื่อสารมวลชนของอเมริกา เขาอธิบายว่าอัตลักษณ์ทางการเมืองได้กลายเป็นส่วนสำคัญของอัตลักษณ์ส่วนบุคคลมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะตีความข้อมูลใหม่ๆ ในลักษณะที่สอดคล้องกับความเชื่อที่มีอยู่แล้ว

Klein ยังวิเคราะห์บทบาทของสื่อสังคมออนไลน์และอัลกอริทึมในการเสริมสร้างการแบ่งขั้ว โดยสร้าง “ห้องสะท้อนเสียง” ที่ผู้คนได้ยินแต่ความคิดเห็นที่พวกเขาเห็นด้วยอยู่แล้ว นอกจากนี้ เขายังอภิปรายถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางประชากรและความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นต่อภูมิทัศน์ทางการเมือง
Gates เห็นคุณค่าของหนังสือเล่มนี้เนื่องจากมันให้ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาที่ซับซ้อนซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาธิปไตยสมัยใหม่ การเข้าใจต้นตอของการแบ่งขั้วเป็นขั้นตอนแรกในการหาวิธีแก้ไขปัญหานี้และสร้างสังคมที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น
6. A Gentleman in Moscow โดย Amor Towles
หนึ่งในหนังสือนวนิยายไม่กี่เล่มในรายการของ Gates นวนิยายเรื่องนี้ทำให้เขาถึงกับน้ำตาไหล มันเล่าเรื่องราวของเคานต์ชาวรัสเซียที่ถูกตัดสินให้ถูกกักบริเวณในโรงแรมโดยพวกบอลเชวิค Gates ชื่นชมการผสมผสานระหว่าง “โรแมนติกแฟนตาซี การเมือง การสอดแนม การเป็นพ่อแม่ และบทกวี”
เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1922 เมื่อเคานต์อเล็กซานเดอร์ รอสตอฟ ถูกคณะกรรมการบอลเชวิคตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตในโรงแรมเมโทรโพล อันหรูหราในมอสโก แทนที่จะยอมแพ้ต่อชะตากรรม เคานต์รอสตอฟกลับใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและความหมาย โดยสร้างมิตรภาพกับพนักงานโรงแรมและแขกผู้มาเยือน ผ่านตัวละครเอกและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโรงแรม ผู้อ่านได้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองของรัสเซียในช่วงหลายทศวรรษ

Towles ใช้ภาษาที่สละสลวยและอารมณ์ขันอันแหลมคมในการเล่าเรื่อง ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นทั้งความบันเทิงและการไตร่ตรองเชิงปรัชญาเกี่ยวกับชีวิต เสรีภาพ และความหมายของบ้าน นอกจากนี้ ยังมีการสอดแทรกข้อมูลทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมรัสเซียอย่างแนบเนียน ทำให้ผู้อ่านได้เรียนรู้ไปพร้อมกับเพลิดเพลิน
Gates ประทับใจกับความสามารถของ Towles ในการสร้างเรื่องราวที่น่าติดตามและตัวละครที่มีมิติ แม้จะจำกัดฉากส่วนใหญ่อยู่ในโรงแรมเพียงแห่งเดียว นวนิยายเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของจิตวิญญาณมนุษย์ในการเอาชนะอุปสรรคและค้นพบความงามในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
7. The Heart โดย Maylis de Kerangal
นวนิยายเล่มนี้ ซึ่ง Gates อธิบายว่าเป็น “บทกวีที่แฝงตัวมาในรูปแบบนวนิยาย” สำรวจการเดินทางทางอารมณ์ของครอบครัวที่ตัดสินใจบริจาคหัวใจของลูกชายหลังจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร Gates ประทับใจเป็นพิเศษกับภาษาที่สวยงามและความสามารถของหนังสือในการถ่ายทอดความเศร้าโศกอันลึกซึ้งของพ่อแม่
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้ไซมอน โบลีนห์ วัยยี่สิบปีเสียชีวิต จากนั้นผู้เขียนพาผู้อ่านไปตามกระบวนการที่ซับซ้อนและเร่งรีบของการปลูกถ่ายอวัยวะ โดยเล่าถึงชีวิตของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ตั้งแต่พยาบาลและแพทย์ไปจนถึงครอบครัวของผู้บริจาคและผู้รับ

de Kerangal ใช้ภาษาที่เต็มไปด้วยบทกวีและจังหวะที่เร่งเร้าในการถ่ายทอดทั้งความเศร้าโศกของครอบครัวโบลีนห์และความหวังของผู้ที่รอรับการปลูกถ่ายหัวใจ เธอสำรวจคำถามเชิงปรัชญาเกี่ยวกับความตาย อัตลักษณ์ และความหมายของการให้ ในขณะเดียวกันก็ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการทางการแพทย์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปลูกถ่ายอวัยวะ
Gates รู้สึกประทับใจกับความสามารถของ de Kerangal ในการทำให้หัวข้อที่หนักหน่วงและซับซ้อนกลายเป็นเรื่องราวที่สวยงามและทรงพลัง หนังสือเล่มนี้ทำให้เขาตระหนักถึงความสำคัญของการบริจาคอวัยวะและผลกระทบที่มีต่อชีวิตของผู้คนมากมาย
8. All the Light We Cannot See โดย Anthony Doerr
นวนิยายที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์เล่มนี้ มีฉากหลังเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เล่าเรื่องราวที่ตัดกันระหว่างเด็กสาวชาวฝรั่งเศสที่ตาบอดและทหารเยอรมัน แม้ว่า Gates จะไม่ได้ให้ความเห็นเฉพาะเจาะจง แต่การที่มันถูกรวมอยู่ในรายชื่อหนังสือที่ดีที่สุดตลอดกาลของเขาก็บ่งบอกถึงผลกระทบที่มันมีต่อเขา
เรื่องราวหลักติดตามชีวิตของมารี-โลร์ เด็กสาวตาบอดชาวฝรั่งเศส และเวอร์เนอร์ เด็กชายชาวเยอรมันที่มีพรสวรรค์ด้านวิทยุ ในขณะที่พวกเขาเติบโตขึ้นท่ามกลางความโกลาหลของสงคราม Doerr ใช้บทที่สั้นและกระชับในการสลับไปมาระหว่างมุมมองของตัวละครทั้งสอง แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของสงครามที่มีต่อชีวิตของพลเรือนและทหารเช่นเดียวกัน
หนึ่งในจุดเด่นของนวนิยายเรื่องนี้คือการพรรณนาที่สวยงามและละเอียดอ่อนของ Doerr โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการถ่ายทอดโลกผ่านประสาทสัมผัสของมารี-โลร์ ผู้อ่านจะได้สัมผัสถึงเสียง กลิ่น และสัมผัสที่เธอใช้ในการรับรู้สิ่งแวดล้อม การบรรยายที่เต็มไปด้วยรายละเอียดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ตัวละครมีชีวิตชีวา แต่ยังทำให้ผู้อ่านเข้าใจโลกในมุมมองที่แตกต่างออกไป

นอกจากนี้ Doerr ยังสอดแทรกประเด็นทางจริยธรรมและศีลธรรมที่ซับซ้อนลงในเรื่องราว โดยเฉพาะผ่านตัวละครของเวอร์เนอร์ ซึ่งต้องเผชิญกับความขัดแย้งระหว่างความปรารถนาที่จะใช้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์ของเขาและการถูกบังคับให้ทำงานให้กับนาซี หนังสือเล่มนี้ตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของปัจเจกบุคคลในช่วงเวลาแห่งสงครามและการกดขี่ และแสดงให้เห็นว่าแม้ในช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุด ความเมตตาและมนุษยธรรมก็ยังคงมีอยู่
แม้ว่า Gates จะไม่ได้ให้ความเห็นโดยตรงเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ แต่การที่เขารวมมันไว้ในรายการหนังสือที่ดีที่สุดตลอดกาลแสดงให้เห็นว่าเขาชื่นชมความสามารถของ Doerr ในการนำเสนอเรื่องราวที่ซับซ้อนและลึกซึ้งเกี่ยวกับประสบการณ์ของมนุษย์ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก นวนิยายเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ แต่ยังกระตุ้นให้ผู้อ่านคิดเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ ความกล้าหาญ และพลังของความหวังในยามวิกฤต
รายการหนังสือที่ Bill Gates แนะนำว่าเป็นหนังสือที่ดีที่สุดตลอดกาลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่หลากหลายและความอยากรู้อยากเห็นทางปัญญาของเขา จากงานวิชาการที่ลึกซึ้งอย่าง “Grand Transitions” และ “How the World Really Works” ไปจนถึงนวนิยายที่กินใจอย่าง “A Gentleman in Moscow” และ “All the Light We Cannot See” Gates แสดงให้เห็นว่าเขาเห็นคุณค่าของทั้งความรู้เชิงวิเคราะห์และพลังของเรื่องเล่าในการทำความเข้าใจโลกและประสบการณ์ของมนุษย์
หนังสือเหล่านี้ครอบคลุมหัวข้อที่หลากหลาย ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสังคม ไปจนถึงจิตวิทยา การเมือง และประวัติศาสตร์ แต่ทั้งหมดมีจุดร่วมกันคือการนำเสนอมุมมองที่ลึกซึ้งและท้าทายเกี่ยวกับโลกที่เราอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวของความรุนแรงในสังคมมนุษย์ การสำรวจรากเหง้าของการแบ่งขั้วทางการเมืองในยุคปัจจุบัน หรือการไตร่ตรองเกี่ยวกับความหมายของชีวิตและความตายผ่านวรรณกรรม
การเลือกหนังสือของ Gates ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของเขาในพลังของความรู้และการศึกษาในการแก้ปัญหาที่ท้าทายของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับระบบที่ซับซ้อนและปัญหาที่ยากต่อการแก้ไข เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความไม่เท่าเทียมทางสังคม และการพัฒนาเทคโนโลยี
สำหรับผู้ที่ต้องการขยายขอบเขตความรู้และความเข้าใจของตนเอง รายการหนังสือนี้ของ Gates เป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าหนังสือบางเล่มอาจมีเนื้อหาที่ท้าทายหรือซับซ้อน แต่ทั้งหมดล้วนมีคุณค่าในการกระตุ้นความคิดและเปิดมุมมองใหม่ๆ ต่อโลกรอบตัวเรา การอ่านหนังสือเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้ แต่ยังอาจช่วยพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และความเข้าใจในประเด็นสำคัญที่กำลังหล่อหลอมโลกของเราในปัจจุบันและอนาคต