Flip Zone (SRF) คืออะไร
Flip Zone หรือ Support Resistance Flip (SRF) คือโซนราคาที่เคยทำหน้าที่เป็นแนวต้าน (Resistance) แต่เมื่อราคาสามารถเบรคขึ้นไปได้แล้ว มันจะกลายเป็นแนวรับ (Support) ใหม่ในอนาคต หรือในทางกลับกัน คือแนวรับเดิมที่เมื่อถูกเบรคลงมา ก็จะกลายเป็นแนวต้านแทน
การกลับตัวของแนวรับ/แนวต้านนี้ เป็นผลมาจากหลักการทางจิตวิทยาของตลาด กล่าวคือ:
- เมื่อราคาสามารถผ่านแนวต้านไปได้ นักเทรดที่เคยขายที่แนวนั้นจะเกิดความกังวล และอาจปิดออเดอร์ขาดทุน ขณะที่คนที่รอซื้อเมื่อราคาย่อลงมาก็จะเปลี่ยนมุมมองว่าตอนนี้แนวต้านเดิมน่าจะกลายเป็นแนวรับแล้ว จึงเข้าซื้อที่แนวนั้นแทน ส่งผลให้ราคาไม่ค่อยร่วงหลุดแนวนั้นได้ง่ายๆ อีก
- ในทางตรงข้าม เมื่อราคาร่วงหลุดแนวรับ นักเทรดที่เคยซื้อตรงนั้นก็อาจจะเกิดแรงกดดันและทยอยปิดออเดอร์ขาดทุนออกมา ทำให้กลายเป็นแรงขายที่ฉุดรั้งไม่ให้ราคากลับขึ้นไปยืนเหนือแนวรับเดิมได้ ส่งผลให้แนวรับเดิมมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นแนวต้านในอนาคต
ลักษณะของ Flip Zone ที่มักเกิดขึ้นในตลาด Forex
- เกิดขึ้นได้ในทุกกรอบเวลา แต่ยิ่งกรอบเวลาใหญ่ เช่น รายวัน รายสัปดาห์ จะยิ่งมีผลมากขึ้น
- มักเกิดหลังจากมีการเคลื่อนไหวแรงๆ ในทิศทางตรงข้ามกับเทรนด์เดิมครั้งใหญ่ เช่น การย้อนตัวหลังจากขาขึ้นหรือขาลงที่ยาวนาน
- ต้องมีปริมาณการซื้อขายรองรับสูง เพราะถ้าเบรคโดยที่มีโวลุ่มต่ำ ก็อาจจะเป็นการเบรคหลอก
- ควรมีแท่งเทียนยืนยันการกลับตัวของแนวรับ/แนวต้าน เช่น Bullish/Bearish Engulfing, Pin Bar เป็นต้น
- มักจะใช้เวลาสักพักกว่าจะย้อนตัวกลับมาทดสอบซ้ำอีกครั้ง แต่เมื่อกลับมาแล้วมักจะเกิดการตอบสนองที่รุนแรง
วิธีการวิเคราะห์ Flip Zone (SRF) บนกราฟ

- หาระดับราคาที่เคยเป็นแนวต้าน/แนวรับสำคัญในอดีต
- สามารถใช้ Pivot Point, Fibonacci, EMA หรือดูจากสายตาเปล่าก็ได้
- ยิ่งเป็นแนวที่เคยมีการตอบสนองหลายครั้ง ก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น
- สังเกตเมื่อราคาเกิดการเบรคผ่านแนวนั้นไปอย่างชัดเจน
- ต้องมีแท่งเทียนปิดเหนือ/ต่ำกว่าแนวนั้น ไม่ใช่แค่ราคาแกว่งเข้าไปแล้วกลับออกมา
- ยิ่งเบรคได้ไกลและมีโวลุ่มหนุนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงถึงการกลับตัวที่ยั่งยืน
- หาสัญญาณยืนยันด้วย Price Action
- ใช้แท่งเทียนรูปแบบต่างๆ เช่น Bullish/Bearish Engulfing, Pin Bar, Inside Bar เป็นต้น
- หากมีแท่งเทียนพวกนี้เกิดขึ้นที่แนวสำคัญหลังการเบรค มักสะท้อนถึงแรงซื้อขายในทิศทางเดียวกัน
- วาด Flip Zone ตามระดับแนวรับ/แนวต้านที่ถูกเบรคไป
- ใช้เครื่องมือ Drawing บนกราฟ เช่น Rectangle หรือ Trendline ก็ได้
- ปรับแต่งความกว้างของโซนตามความผันผวนของราคา อย่าให้แคบหรือกว้างจนเกินไป
- รอให้ราคาย้อนกลับมาทดสอบ Flip Zone อีกครั้ง
- หากราคามาถึงโซนแล้วเกิดการชะลอตัว แกว่งตัว หรือมี Price Action ในทิศทางเดียวกับครั้งก่อน ก็ถือเป็นการคอนเฟิร์มว่าโซนนั้นทำงานจริง
- ทั้งนี้ หากราคาทะลุผ่านแนวเดิมไปได้อีก ก็ต้องเตรียมตัวปรับแนวนั้นเป็นตรงข้ามกับเดิม เช่น จากแนวรับกลายเป็นแนวต้าน เป็นต้น
กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ Flip Zone
- Buy/Sell เมื่อราคาย้อนกลับมาทดสอบ Flip Zone โดยให้สัญญาณกลับตัวชัดเจน เช่น มีแท่งเทียนสวนทางปรากฏที่ขอบโซน
- วาง Stop Loss หลังแนวที่กลายเป็นแนวรับ/แนวต้านใหม่ ประมาณ 10-20 Pips เพื่อป้องกันการเบรคเทียม
- ตั้ง Take Profit ตามแนวต้าน/แนวรับเดิมถัดไป หรือแนวตามแนวโน้มหลัก
- ควรใช้ประกอบกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น EMA, RSI, Stochastic เพื่อยืนยันสัญญาณให้แม่นยำยิ่งขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้ Flip Zone
- มีความล่าช้าในการส่งสัญญาณบ้าง เพราะต้องรอให้การกลับตัวเกิดขึ้นและได้รับการยืนยันก่อน
- ไม่ใช่ทุกแนวรับ/แนวต้านเดิมที่ถูกเบรคจะกลายเป็น Flip Zone เสมอไป บางครั้งราคาก็เบรคไปแล้วก็แล่นต่อเลย
- การย้อนกลับมาทดสอบอีกครั้งอาจจะใช้เวลานาน และต้องพิจารณาตามสภาวะตลาดด้วย
- เทรดเดอร์มักมีมุมมองต่อการกลับตัวของแนวแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และกรอบเวลาที่ใช้
- อย่าคาดหวังว่าแนวรับ/แนวต้านจะต้องทำงานตามที่คิดไว้เสมอ ตลาดมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ
สรุป
Flip Zone (Support Resistance Flip) คือโซนราคาที่แนวต้านกลายเป็นแนวรับ หรือแนวรับกลายเป็นแนวต้าน เมื่อถูกเบรคผ่านไปแล้ว ซึ่งมักเกิดจากหลักจิตวิทยาการตลาดที่เมื่อต้านไม่ไหวก็กลายเป็นพวก แต่ถ้ารับไม่อยู่ก็เปลี่ยนไปขัดขวางกันแทน
การเข้าใจหลักการทำงานของ Flip Zone จะช่วยให้นักเทรดหาจุดเข้าออกออเดอร์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยอาศัยการสังเกตแนวรับ/แนวต้านที่เคยมีความสำคัญ แล้วติดตามการย้อนกลับมาทดสอบซ้ำ ถ้ามี Price Action ยืนยันการกลับตัวจริงก็ถือเป็นโอกาสในการเปิดออเดอร์ตามแนวโน้มใหม่ได้