PDL และ PDH คืออะไร
PDL ย่อมาจาก Previous Day Low หมายถึงจุดต่ำสุดของราคาในวันก่อนหน้า PDH ย่อมาจาก Previous Day High หมายถึงจุดสูงสุดของราคาในวันก่อนหน้า
แม้จะเป็นแนวคิดที่เข้าใจง่าย แต่ PDL และ PDH มีความสำคัญอย่างมากต่อการเทรดระยะสั้นแบบ Day Trade เนื่องจาก:
- เป็นระดับราคาสำคัญที่สะท้อนถึงแนวโน้มและความรู้สึกของตลาดในวันก่อนหน้า
- มักจะกลายเป็นแนวรับ/แนวต้านชั่วคราว ที่นักเทรดจำนวนมากจับตามองและวางคำสั่งซื้อขายเอาไว้
- ราคามักจะมีปฏิกิริยาที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับระดับ PDL / PDH เช่น อาจมีการรีบาวน์ หรือเบรคผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว
ประโยชน์ของการดู PDL / PDH สำหรับ Day Trader
- ใช้วัดความแข็งแกร่ง/อ่อนแอของราคา
- หากราคาเปิดมาอยู่เหนือ PDH และสามารถรักษาระดับไว้ได้ตลอดช่วงแรก แสดงถึงแรงซื้อที่มากกว่า บ่งบอกถึงโอกาสในการเทรดตามเทรนด์ขาขึ้น
- หากราคาร่วงหลุด PDL ตั้งแต่ช่วงแรก และไม่สามารถกลับขึ้นมาได้ แสดงถึงแรงขายที่มีมากกว่า บ่งบอกถึงโอกาสในการชอร์ตตามเทรนด์ขาลง
- ใช้หาจุดกลับตัวของราคา
- เมื่อราคาวิ่งขึ้นมาชนแนวต้านที่ PDH อาจเกิดแรงขายทำกำไรออกมา ส่งผลให้ราคาเกิดการอ่อนตัวหรือพลิกกลับลงมา
- เมื่อราคาร่วงมาชนแนวรับที่ PDL อาจมีแรงซื้อเข้ามาอีกครั้ง ทำให้ราคาดีดตัวขึ้นหรือเกิดการ Bounce
- ใช้เป็นจุดอ้างอิงในการวางแผนเทรด
- วาง Stop Loss เหนือ PDH สำหรับออเดอร์ขาย และใต้ PDL สำหรับออเดอร์ซื้อ
- ถือออเดอร์ไปจนกว่าราคาจะเบรคผ่าน PDH หรือ PDL ไปอย่างชัดเจน แล้วค่อยตัดสินใจปิดออเดอร์ตามแนวโน้มใหม่
ตัวอย่างการใช้ PDL / PDH ในการอ่านกราฟ

จากตัวอย่างกราฟ เราจะเห็นว่าในช่วงแรกราคาเปิดมาต่ำกว่า PDH (เส้นสีเขียว) เล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมาจนผ่าน PDH ไปได้ในที่สุด และสามารถรักษาระดับเหนือ PDH ไว้ได้
นี่เป็นสัญญาณของ Bullish Bias หรือมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาด ซึ่ง Day Trader สามารถใช้เป็นโอกาสในการเปิดออเดอร์ Buy เพื่อเทรดตามเทรนด์ขาขึ้นได้ โดยอาจรอให้ราคาย่อตัวมาที่แนวรับ PDH ก่อน ค่อยเข้าซื้อและวาง Stop Loss ไว้ใต้แนวรับนี้
ในทางกลับกัน หากราคาเปิดต่ำกว่า PDL (เส้นสีแดง) และไม่สามารถกลับขึ้นมาได้ ก็จะเป็นสัญญาณของมุมมองด้านลบ ซึ่งเราสามารถใช้เป็นโอกาสในการเปิดออเดอร์ Sell เพื่อเทรดในทิศทางของเทรนด์ขาลงแทน
วิธีการหาระดับ PDL / PDH บนกราฟ

- เปิดกราฟราคาในกรอบเวลาที่ต้องการเทรด เช่น 5 นาที 15 นาที 1 ชั่วโมง เป็นต้น
- ย้อนกลับไปดูแท่งเทียนของวันก่อนหน้า 1 วัน เช่น 16.30 น. ของเมื่อวาน ถึง 16:30 น. ของวันนี้
- ดูราคาสูงสุดและต่ำสุดของแท่งเทียนในวันนั้น ซึ่งก็คือระดับ PDH และ PDL ตามลำดับ
- ลากเส้นแนวนอนเพื่อทำเครื่องหมายระดับ PDH และ PDL ไว้บนกราฟ
- ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาในวันปัจจุบัน โดยดูว่าราคาจะตอบสนองอย่างไรเมื่อมาถึงระดับ PDL / PDH
- ปรับกลยุทธ์การเทรดให้สอดคล้องกับทิศทางและโมเมนตัมของราคา โดยใช้ PDL / PDH เป็นแนวรับแนวต้านอ้างอิง
นอกจากจะลากเส้นด้วยตัวเองแล้ว ในแพลตฟอร์มเทรดยอดนิยมอย่าง TradingView ก็มีอินดิเคเตอร์สำเร็จรูปให้เราใช้งานได้ง่ายๆ เพียงพิมพ์คำว่า ‘Previous Day High Low’ เข้าไปในช่องค้นหา ก็จะมีสคริปต์ให้เลือกใช้งานได้เลย
ข้อควรระวังในการใช้ PDL / PDH

- ควรใช้ควบคู่กับปัจจัยอื่นๆ ในการวิเคราะห์ด้วย เช่น เทรนด์หลัก, รูปแบบแท่งเทียน, Indicators และ Volume เป็นต้น
- ระวังกรณีที่ราคามีการแกว่งตัวผิดปกติ เช่น Gap ข้ามผ่าน PDL / PDH ไปโดยไม่แตะระดับเลย ซึ่งมักจะเกิดจากข่าวหรือเหตุการณ์สำคัญ
- ไม่ควรใช้ PDL / PDH เป็นเป้าหมายราคาตายตัว แต่ต้องคอยปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์และทิศทางของตลาดอยู่เสมอ
- เทรดเดอร์แต่ละคนอาจมีวิธีการหา PDL / PDH ที่ต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและกรอบเวลาที่ใช้ดู ควรปรับให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของตัวเอง
สรุป
PDL (Previous Day Low) และ PDH (Previous Day High) คือระดับจุดต่ำสุดและสูงสุดของราคาในวันก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นเครื่องมือพื้นฐานแต่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับ Day Trader
การติดตามว่าราคาเปิดเทียบกับระดับ PDL / PDH อย่างไร และมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเคลื่อนเข้าใกล้ระดับเหล่านี้ จะช่วยให้เราประเมินมุมมองและแนวโน้มของตลาดได้อย่างรวดเร็ว