Rejection Block คืออะไร
- Rejection Block หรือบล็อกการปฏิเสธ เป็นรูปแบบของแท่งเทียน (Candlestick Pattern) ที่สะท้อนถึงการต่อต้านหรือการไม่ยอมรับของราคา ณ บริเวณระดับใดระดับหนึ่ง
- มักเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนเข้าใกล้หรือทดสอบแนวรับ/แนวต้าน, ระดับ Fibonacci, หรือโซนสำคัญอื่นๆ แล้วเกิดการชะลอตัวหรือปฏิเสธที่จะเคลื่อนไปต่อ
- Rejection Block บ่งบอกถึงการเข้ามาของแรงซื้อ/แรงขายที่คอยต้านทานการเปลี่ยนแปลงราคาเอาไว้ ณ จุดนั้นๆ ซึ่งมักมาจากคำสั่งรอซื้อขายของนักลงทุนรายใหญ่
- หากมีการปรากฏของ Rejection Block ซ้ำๆ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง จุดนั้นอาจกลายเป็น Support หรือ Resistance ที่แข็งแกร่งในอนาคต
- Rejection Block มีความสำคัญในการช่วยยืนยันการกลับตัวของราคา และมักเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเข้าออเดอร์ในทิศทางตรงข้ามกับแรงปฏิเสธที่เกิดขึ้น
ลักษณะของ Rejection Block บนกราฟ

- โดยปกติ Rejection Block จะมีไส้เทียน (Candle Body) ขนาดเล็ก แต่มีเงาบน/เงาล่าง (Upper/Lower Shadow) ที่ยาวมาก
- ในกรณีของการปฏิเสธขาลง (Bearish Rejection) แท่งเทียนจะมีเงาล่างยาว แต่ไส้เทียนอยู่ค่อนไปทางด้านบนของแท่ง
- ในทางกลับกัน กรณีการปฏิเสธขาขึ้น (Bullish Rejection) แท่งเทียนจะมีเงาบนยาว แต่ไส้เทียนจะอยู่ด้านล่างของแท่ง
- Rejection Block อาจเกิดขึ้นเพียงแท่งเดียว หรือเป็นกลุ่มของแท่งเทียนที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน เรียงต่อเนื่องกันหลายๆ แท่ง
- ยิ่งแท่งเทียน Rejection มีขนาดใหญ่ และมีเงายื่นยาวมากเท่าไร แสดงว่ามีแรงซื้อ/ขายเข้ามาปฏิเสธที่ระดับราคานั้นๆ อย่างรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
วิธีการหา Rejection Block บนกราฟ

- ลากเส้น Support/Resistance หรือ Trendline ตามจุดสูงสุด/ต่ำสุดของราคาในอดีต เพื่อหาระดับสำคัญที่ราคาอาจมีปฏิกิริยาด้วย
- คำนวณระดับ Fibonacci Retracement จากการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของราคา โดยเฉพาะในช่วง Impulse Move ที่ชัดเจน
- สังเกตหาแท่งเทียนที่มีลักษณะเด่น คือมีไส้เทียนเล็ก แต่เงายื่นยาวมาก หากเกิดขึ้นหลายๆ ครั้งใกล้ๆ กันยิ่งแสดงถึงความสำคัญของโซนนั้น
- ใช้ Indicator ประเภท Volatility เช่น Bollinger Bands หรือ ATR เพื่อวัดความผันผวนและความแข็งแกร่งของการปฏิเสธราคาที่เกิดขึ้น
- ติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลกระทบต่อสกุลเงิน เพื่อคาดเดาบริเวณที่อาจเกิดแรงซื้อ/ขายเข้ามาประคองราคาเอาไว้
การประยุกต์ใช้ Rejection Block เพื่อวางกลยุทธ์เทรด
- เมื่อราคาเข้ามาทดสอบบริเวณ Rejection Block แล้วเกิดการปฏิเสธอย่างชัดเจน ให้รอจังหวะเปิดออเดอร์ไปในทิศทางตรงข้ามกับแรงปฏิเสธนั้น
- ใช้บริเวณเหนือสุดของ Rejection Block เป็นแนวต้านในกรณีขาลง และบริเวณต่ำสุดเป็นแนวรับในกรณีขาขึ้น
- หากราคาสามารถผ่านและปิดเหนือ/ต่ำกว่าบล็อกได้ นั่นแสดงว่าแนวโน้มระยะสั้นอาจเปลี่ยนไป ควรพิจารณาถึงการปิดออเดอร์เดิมและอาจกลับไปเปิดรับทิศทางใหม่แทน
- เลือกวางจุด Stop Loss หลัง Rejection Block ในระยะที่เหมาะสม เผื่อความผันผวนและความเสี่ยงจากการพุ่งทะลุผ่านแนวต้านไปได้
- พิจารณาจุด Take Profit ตามโซนเป้าหมายถัดไป เช่น ระดับ Fibonacci ถัดไป หรือแนวรับ/แนวต้านอื่นๆ ที่อยู่ในเทรนด์เดียวกัน
ข้อจำกัดและข้อควรระวังในการใช้ Rejection Block
- เป็นเครื่องมือที่เน้นการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ ดังนั้นการตีความของแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันไปบ้างตามประสบการณ์และมุมมอง
- ไม่ใช่ทุกแท่งเทียนที่มีเงายาวๆ จะถือเป็น Rejection Block เสมอไป บางครั้งอาจเป็นเพียงการแกว่งตัวของราคาแบบสุ่มตามปกติ
- Rejection Block มีน้ำหนักมากน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละกรอบเวลา การวิเคราะห์แนะนำให้ใช้ข้อมูลจากหลายๆ Timeframe ประกอบกัน
- ไม่ควรตัดสินใจเทรดโดยใช้ Rejection Block เพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เทรนด์หลัก, ข่าวสาร, ปริมาณการซื้อขาย เป็นต้น
- การวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของ Rejection Block ต้องคำนึงถึงสภาพคล่องและความผันผวนของสกุลเงินคู่นั้นๆ ด้วย
สรุป
Rejection Block คือรูปแบบของแท่งเทียนที่สะท้อนถึงการปฏิเสธหรือต่อต้านของราคา ณ บริเวณแนวรับ/แนวต้านสำคัญ ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากการกระจุกตัวของคำสั่งซื้อขายจากกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่
การระบุตำแหน่งและความน่าเชื่อถือของ Rejection Block จะช่วยให้นักเทรดวางแผนกลยุทธ์ในการเข้าออเดอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้มันเป็น “สัญญาณเตือน” ว่าราคากำลังมีแนวโน้มที่จะกลับตัวไปในทิศทางตรงข้าม
อย่างไรก็ตาม การใช้ Rejection Block เพื่อการเทรดยังมีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่ต้องคำนึงถึง การวิเคราะห์ที่ดีควรพิจารณาในหลายๆ Timeframe พร้อมทั้งใช้ปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เพื่อยืนยันสัญญาณและลดความผิดพลาดให้น้อยที่สุด
ที่มา: https://innercircletrader.net/tutorials/to-ict-rejection-block/