
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อหนังสือ : ศาสตร์แห่งบัฟเฟตต์ 2
ชื่อผู้แต่ง : แมรี่ บัฟเฟตต์ (Mary Buffett) , เดวิด คลาร์ก (David Clark)
ชื่อผู้แปล : สมสกุล เผ่าจินดามุข
สำนักพิมพ์ : Nation Books
ปีที่พิมพ์ : 2021
จำนวนหน้า : 367 หน้า
หมวดหนังสือ : การเงินการลงทุน
สารบัญ
- 1. วอร์เรน บัฟเฟต์ไม่เล่นหุ้น แต่เป็นนักลงทุนอันดับ 1 ของอเมริกาได้อย่างไร
- 2. วอร์เรนทำกำไรงามเมื่อธุรกิจเจอข่าวร้ายอย่างไร
- 3. วอร์เรนตักตวงจากตลาดหุ้นที่มองแค่ระยะสั้นอย่างไร
- 4. ธุรกิจทำให้นักลงทุนเป็นเศรษฐีได้อย่างไร
- 5. ภัยแฝง ประเภทธุรกิจที่วอร์เรนกลัวและหลีกเลี่ยง
- 6. วอร์เรนชอบธุรกิจประเภทไหน
- 7. นำวิธีการลงทุนของวอร์เรนมาใช้เพื่อเลี่ยงการตายหมู่ครั้งใหม่กับธุรกิจไฮเทค
- 8. อัตราดอกเบี้ยและราคาหุ้น
- 9. ไขปริศนาวัฏจักรตลาดหมี ตลาดกระทิง และวิธีที่วอร์เรนหาโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าว
- 10. วอร์เรนรู้ได้อย่างไรว่าโอกาสซื้อมาถึงแล้วแต่คนอื่นกลับมองไม่เห็น
ฯลฯ
สรุปข้อคิดจากหนังสือ
หนังสือ “ศาสตร์แห่งบัฟเฟตต์ 2” เป็นการต่อยอดจากเล่มแรก โดยอธิบายเชิงลึกถึงกลยุทธ์การลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้เขียนได้เจาะลึกถึงวิธีการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนของบัฟเฟตต์ รวมถึงเทคนิคการหาโอกาสลงทุนในช่วงตลาดผันผวน หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจแนวคิดและสามารถประยุกต์ใช้กลยุทธ์ของบัฟเฟตต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1. การลงทุนแบบบัฟเฟตต์
บัฟเฟตต์ไม่ได้ “เล่นหุ้น” แต่เขาลงทุนในธุรกิจที่ดี โดยมองหาบริษัทที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน มีผลประกอบการดี และมีราคาที่น่าสนใจ เขาเน้นการถือครองระยะยาวและไม่สนใจความผันผวนระยะสั้นของตลาด แนวคิดนี้ช่วยให้บัฟเฟตต์สามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นได้อย่างต่อเนื่อง
2. การทำกำไรในช่วงข่าวร้าย
บัฟเฟตต์มองว่าช่วงที่ตลาดตื่นตระหนกเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นดีๆ ในราคาถูก เขาจะวิเคราะห์ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงชั่วคราวหรือถาวร และเลือกลงทุนในบริษัทที่แข็งแกร่งพอจะฝ่าฟันวิกฤตได้ วิธีนี้ทำให้เขาได้กำไรมหาศาลเมื่อตลาดฟื้นตัว นักลงทุนควรฝึกมองหาโอกาสในวิกฤต แทนที่จะตื่นตระหนกไปกับกระแส
3. การใช้ประโยชน์จากมุมมองระยะสั้นของตลาด
ตลาดหุ้นมักมีมุมมองระยะสั้นและตอบสนองต่อข่าวสารรายวันอย่างรวดเร็ว บัฟเฟตต์ใช้ประโยชน์จากจุดนี้โดยมองการณ์ไกลและประเมินมูลค่าธุรกิจในระยะยาว เมื่อราคาหุ้นตกเพราะปัจจัยระยะสั้น แต่ธุรกิจยังแข็งแกร่ง เขาจะเข้าซื้อและถือครองจนกว่าตลาดจะตีมูลค่าอย่างสมเหตุสมผล นักลงทุนควรฝึกมองภาพใหญ่และไม่หวั่นไหวไปกับความผันผวนระยะสั้น
4. การสร้างความมั่งคั่งผ่านการลงทุนในธุรกิจ
บัฟเฟตต์เชื่อว่าการลงทุนในธุรกิจที่ดีเป็นวิธีสร้างความมั่งคั่งที่ดีที่สุด เขามองหาบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจแข็งแกร่ง มีกำไรสม่ำเสมอ และสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง การถือครองหุ้นของธุรกิจเหล่านี้ในระยะยาวจะช่วยให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่งดงาม ทั้งจากการเติบโตของกำไรและเงินปันผล นักลงทุนควรมองหุ้นเสมือนเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาน
5. ธุรกิจที่ควรหลีกเลี่ยง
บัฟเฟตต์หลีกเลี่ยงการลงทุนในธุรกิจที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสูง มีการแข่งขันรุนแรง หรือต้องลงทุนสูงอย่างต่อเนื่อง เขามองว่าธุรกิจเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงและยากที่จะคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคต นักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนธุรกิจประเภทนี้ และควรศึกษาให้ถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุน
6. ลักษณะของธุรกิจที่น่าลงทุน
บัฟเฟตต์ชอบธุรกิจที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง มีกำไรสม่ำเสมอ ใช้เงินลงทุนน้อย และมีอำนาจในการกำหนดราคา ธุรกิจเหล่านี้มักมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนสูงได้อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนควรมองหาธุรกิจที่มีลักษณะเหล่านี้ เพราะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
7. การประยุกต์ใช้กลยุทธ์บัฟเฟตต์กับธุรกิจเทคโนโลยี
แม้บัฟเฟตต์จะไม่ชอบลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี แต่หลักการของเขาสามารถประยุกต์ใช้ได้ นักลงทุนควรมองหาบริษัทเทคโนโลยีที่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง และไม่ต้องลงทุนสูงเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน การวิเคราะห์อย่างรอบคอบจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนธุรกิจเทคโนโลยีได้
8. ผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยต่อราคาหุ้น
บัฟเฟตต์เข้าใจดีว่าอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อมูลค่าของธุรกิจและราคาหุ้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ มูลค่าของธุรกิจจะสูงขึ้น และในทางกลับกัน นักลงทุนควรตระหนักถึงความสัมพันธ์นี้ และพิจารณาแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะในการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น
9. การทำความเข้าใจวัฏจักรตลาด
บัฟเฟตต์เข้าใจวัฏจักรของตลาดหมีและตลาดกระทิงเป็นอย่างดี เขาใช้ความรู้นี้ในการหาโอกาสลงทุน โดยมักจะซื้อในช่วงตลาดหมีเมื่อราคาถูก และขายหรือชะลอการลงทุนในช่วงตลาดกระทิงเมื่อราคาแพง นักลงทุนควรศึกษาวัฏจักรตลาดและใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดในการสร้างผลตอบแทน
10. การมองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองข้าม
บัฟเฟตต์มีความสามารถในการมองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองข้าม เขามักจะเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดมีความกลัวสูง และหุ้นดีๆ ถูกขายทิ้งอย่างไม่มีเหตุผล นักลงทุนควรฝึกมองตลาดอย่างมีวิจารณญาณ ไม่ตามกระแสโดยไม่คิด และกล้าที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างเมื่อมีเหตุผลสนับสนุนที่ดี
11. การวิเคราะห์งบการเงินแบบบัฟเฟตต์
บัฟเฟตต์ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์งบการเงินอย่างละเอียด โดยเฉพาะอัตราส่วนทางการเงินที่สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจ เช่น อัตรากำไร ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน นักลงทุนควรฝึกฝนการอ่านและวิเคราะห์งบการเงิน เพื่อให้สามารถประเมินสุขภาพทางการเงินของบริษัทได้อย่างแม่นยำ
12. การคำนวณมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ
บัฟเฟตต์ใช้วิธีคิดลดกระแสเงินสดในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ โดยพิจารณาจากความสามารถในการสร้างกำไรในอนาคต หนังสือได้อธิบายวิธีการคำนวณอย่างละเอียด นักลงทุนควรเรียนรู้และฝึกฝนการประเมินมูลค่าธุรกิจ เพื่อให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีหลักการ
13. การสร้างส่วนเผื่อความปลอดภัย
บัฟเฟตต์เน้นการลงทุนโดยมีส่วนเผื่อความปลอดภัย (Margin of Safety) คือการซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมาก ๆ วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไร นักลงทุนควรยึดหลักการนี้และอดทนรอโอกาสที่เหมาะสม ไม่รีบร้อนลงทุนเมื่อราคาไม่น่าสนใจ
14. การบริหารพอร์ตการลงทุน
บัฟเฟตต์เน้นการกระจุกตัวในหุ้นที่เขามั่นใจจริงๆ แทนที่จะกระจายการลงทุนมากเกินไป เขาเชื่อว่าการรู้จักธุรกิจอย่างลึกซึ้งและการลงทุนอย่างมีวินัยจะช่วยลดความเสี่ยงได้ดีกว่า นักลงทุนควรพิจารณาแนวทางนี้และหาจุดสมดุลที่เหมาะสมสำหรับตนเอง โดยคำนึงถึงความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถในการรับความเสี่ยงของตน
15. การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
บัฟเฟตต์เป็นนักอ่านตัวยงและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เขาศึกษาทั้งเรื่องธุรกิจ การลงทุน และความรู้ทั่วไป การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องช่วยให้เขาตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาด นักลงทุนควรพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ทั้งด้านความรู้และทักษะการลงทุน เพื่อปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจและตลาดการเงิน
สรุป
“ศาสตร์แห่งบัฟเฟตต์ 2” เป็นหนังสือที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งของโลก หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่อธิบายแนวคิดและวิธีการของบัฟเฟตต์เท่านั้น แต่ยังให้เครื่องมือและแนวทางที่นักลงทุนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
การเข้าใจหลักการลงทุนของบัฟเฟตต์ เช่น การมองหาธุรกิจที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน การลงทุนด้วยมุมมองระยะยาว และการซื้อหุ้นดีในราคาที่เหมาะสม จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการปรับใช้หลักการเหล่านี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความสามารถของแต่ละคน
ท้ายที่สุด หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่สอนเรื่องการลงทุนเท่านั้น แต่ยังสอดแทรกแนวคิดเรื่องการดำเนินชีวิตอย่างมีวินัย การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และการมีความอดทน ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จทั้งในการลงทุนและในชีวิต