สรุปหนังสือ เดินสุ่มในวอลสตรีท

เดินสุ่มในวอลสตรีท
เดินสุ่มในวอลสตรีท

Table of Contents

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อหนังสือ : เดินสุ่มในวอลสตรีท

ชื่อผู้แต่ง : Burton G.Malkiel

ชื่อผู้แปล : ดร.อนุกัลยณ์ จีระลักษณกุล

สำนักพิมพ์ : ฟิเดลลิตี้พับลิชชิ่ง

ปีที่พิมพ์ : 2014

จำนวนหน้า : 480 หน้า

หมวดหนังสือ : บริหาร ธุรกิจ , การเงินการลงทุน

สารบัญ

  • ส่วนที่ 1 หุ้นและมูลค่าของมัน
    บทที่ 1 การมีรากฐานที่มั่นคงกับการสร้างวิมานในอากาศ
    บทที่ 2 ความบ้าคลั่งของมวลชน
  • ส่วนที่ 2 พวกมืออาชีพเล่นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองกันอย่างไร
    บทที่ 5 การวิเคราะห์เชิงเทคนิคและเชิงพื้นฐาน
    บทที่ 6 การวิเคราะห์เชิงเทคนิคกับทฤษฎีการเดินสุ่ม
  • ส่วนที่ 3 เทคโนโลยีใหม่สำหรับการลงทุน
    บทที่ 8 รองเท้าเดินคู่ใหม่ : ทฤษฎีการบริหารการลงุนสมัยใหม่
    บทที่ 9 เก็บเกี่ยวรางวัลโดยการเพิ่มความเสี่ยง
  • ส่วนที่ 4 แนวปฏิบัติสำหรับนักเดินสุ่มและนักลงทุนอื่นๆ
    บทที่ 12 คู่มือความฟิตของนักเดินสุ่ม
    บทที่ 13 การกำเนิดแต้มต่อในการแข่งขันทางการเงิน : บทเรียนเบื้องต้นเพื่อความเข้าใจและการประมาณค่าเกี่ยวกับผลตอบแทนของหุ้นและพันธบัตร

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

“เดินสุ่มในวอลสตรีท” เป็นหนังสือที่เปิดเผยความจริงอันน่าตกใจเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น ผู้เขียน เบอร์ตัน มัลคีล นำเสนอแนวคิดที่ว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ เปรียบเสมือนการเดินแบบสุ่มที่ไม่มีรูปแบบ หนังสือเล่มนี้ท้าทายความเชื่อดั้งเดิมของนักลงทุนและเสนอมุมมองใหม่ที่อาจเปลี่ยนวิธีคิดของคุณเกี่ยวกับการลงทุนไปตลอดกาล

1. ตลาดมีประสิทธิภาพ

ทฤษฎีตลาดที่มีประสิทธิภาพเสนอว่าราคาหุ้นสะท้อนข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาด ณ เวลานั้น ๆ นั่นหมายความว่าการพยายามเอาชนะตลาดด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่แล้วนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะข้อมูลเหล่านั้นถูกรวมอยู่ในราคาหุ้นแล้ว แนวคิดนี้ท้าทายความเชื่อของนักลงทุนที่คิดว่าพวกเขาสามารถทำกำไรได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ ดังนั้น แทนที่จะพยายามเอาชนะตลาด นักลงทุนควรพิจารณาการลงทุนในกองทุนดัชนีที่สะท้อนผลตอบแทนของตลาดโดยรวม

2. การเดินสุ่มของราคาหุ้น

แนวคิดการเดินสุ่มอธิบายว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้นนั้นไม่สามารถคาดเดาได้ เหมือนกับการเดินแบบสุ่มที่ไม่มีรูปแบบ นี่หมายความว่าการพยายามทำนายการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้นนั้นเป็นไปได้ยาก และอาจไม่มีประโยชน์ แนวคิดนี้ท้าทายวิธีการลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้นที่หลายคนนิยมใช้ นักลงทุนควรเน้นการลงทุนระยะยาวและการกระจายความเสี่ยงมากกว่าการพยายามทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น

3. การวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่มีประสิทธิภาพ

หนังสือโต้แย้งว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งพยายามทำนายราคาหุ้นในอนาคตจากรูปแบบราคาในอดีต นั้นไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากราคาหุ้นเคลื่อนไหวแบบสุ่ม การศึกษารูปแบบกราฟในอดีตจึงไม่สามารถบอกอนาคตได้อย่างแม่นยำ แนวคิดนี้ท้าทายความเชื่อของนักลงทุนจำนวนมากที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรระมัดระวังในการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือหลักในการตัดสินใจลงทุน และควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย

4. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมีข้อจำกัด

แม้ว่าการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อจำกัด เนื่องจากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะมักจะถูกสะท้อนในราคาหุ้นแล้ว การหาหุ้นที่ “ราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น” จึงเป็นเรื่องยาก นักลงทุนควรตระหนักว่าการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอาจไม่ได้ให้ความได้เปรียบในการลงทุนเสมอไป อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานยังคงมีประโยชน์ในการประเมินคุณภาพของบริษัทและความเสี่ยงในระยะยาว

5. ความเสี่ยงและผลตอบแทนมีความสัมพันธ์กัน

หนังสือเน้นย้ำว่าความเสี่ยงและผลตอบแทนมีความสัมพันธ์กันโดยตรง การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ก็มีโอกาสขาดทุนมากกว่าเช่นกัน นักลงทุนควรเข้าใจความสัมพันธ์นี้และเลือกระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตนเอง การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของสินทรัพย์แต่ละประเภท

6. การกระจายการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ

การกระจายการลงทุนเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดความเสี่ยง โดยการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท หนังสือแนะนำให้นักลงทุนกระจายการลงทุนทั้งในแง่ของประเภทสินทรัพย์และภูมิภาค การกระจายการลงทุนช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ทำให้พอร์ตการลงทุนมีเสถียรภาพมากขึ้น นักลงทุนควรพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กันน้อย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการกระจายความเสี่ยง

7. การลงทุนระยะยาวมีประสิทธิภาพมากกว่า

หนังสือสนับสนุนแนวคิดการลงทุนระยะยาว โดยอธิบายว่าการซื้อขายบ่อยครั้งมักนำไปสู่ต้นทุนที่สูงขึ้นและผลตอบแทนที่ต่ำลง การลงทุนระยะยาวช่วยลดต้นทุนการซื้อขายและให้โอกาสแก่การลงทุนในการเติบโตตามเวลา นักลงทุนควรมุ่งเน้นการสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น การลงทุนระยะยาวยังช่วยให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการทบต้นของผลตอบแทน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

8. ความสำคัญของการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน

การลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging) เป็นกลยุทธ์ที่แนะนำในหนังสือ วิธีนี้ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดโดยการลงทุนเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่ว่าราคาตลาดจะเป็นอย่างไร การใช้วิธีนี้ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลกับการจับจังหวะตลาด และสามารถสร้างวินัยในการลงทุนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุนยังช่วยลดอิทธิพลของอารมณ์ในการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากนักลงทุนจะลงทุนอย่างสม่ำเสมอโดยไม่คำนึงถึงสภาวะตลาดในขณะนั้น

9. ความระมัดระวังต่อค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย

หนังสือเน้นย้ำความสำคัญของการตระหนักถึงค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการลงทุน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถลดทอนผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว นักลงทุนควรพิจารณาเลือกกองทุนที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ และระมัดระวังการซื้อขายบ่อยครั้งซึ่งอาจนำไปสู่ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนควรเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมระหว่างผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างๆ และพิจารณาผลกระทบของค่าธรรมเนียมต่อผลตอบแทนในระยะยาว

10. ความสำคัญของการจัดสรรสินทรัพย์

การจัดสรรสินทรัพย์ที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุน หนังสือแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาอายุ เป้าหมายทางการเงิน และความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง ในการกำหนดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ การจัดสรรสินทรัพย์ที่ดีช่วยให้นักลงทุนสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักลงทุนควรทบทวนและปรับการจัดสรรสินทรัพย์เป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ชีวิตและเป้าหมายทางการเงิน

11. ข้อจำกัดของการคาดการณ์ตลาด

หนังสือเตือนให้ระวังการเชื่อถือการคาดการณ์ตลาดจากผู้เชี่ยวชาญมากเกินไป เนื่องจากการคาดการณ์เหล่านี้มักไม่แม่นยำในระยะยาว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างสม่ำเสมอ นักลงทุนควรใช้วิจารณญาณของตนเองและไม่ตัดสินใจลงทุนบนพื้นฐานของการคาดการณ์เพียงอย่างเดียว แทนที่จะพยายามทำนายตลาด นักลงทุนควรมุ่งเน้นการสร้างพอร์ตการลงทุนที่สมดุลและสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของตน

12. ความสำคัญของการควบคุมอารมณ์

อารมณ์มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจลงทุน หนังสือเน้นย้ำถึงความสำคัญของการควบคุมอารมณ์ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน การตัดสินใจด้วยอารมณ์มักนำไปสู่การซื้อเมื่อราคาสูงและขายเมื่อราคาต่ำ นักลงทุนควรพัฒนาวินัยและยึดมั่นในแผนการลงทุนระยะยาว แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง การเข้าใจจิตวิทยาการลงทุนและการรู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองเป็นทักษะสำคัญที่นักลงทุนควรพัฒนา เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาดในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวน

13. การลงทุนในกองทุนดัชนี

หนังสือสนับสนุนการลงทุนในกองทุนดัชนี ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลงทุนตามตลาดโดยรวม กองทุนดัชนีมีค่าใช้จ่ายต่ำและให้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับตลาด ซึ่งมักจะดีกว่าการลงทุนในกองทุนที่มีการบริหารจัดการแบบเชิงรุกในระยะยาว การลงทุนในกองทุนดัชนีเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสำหรับนักลงทุนทั่วไป นอกจากนี้ การลงทุนในกองทุนดัชนียังช่วยให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ เนื่องจากกองทุนดัชนีลงทุนในหุ้นจำนวนมากที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี

14. ความระมัดระวังต่อฟองสบู่และกระแสการลงทุน

หนังสือเตือนให้ระวังฟองสบู่และกระแสการลงทุนที่ร้อนแรง โดยยกตัวอย่างจากประวัติศาสตร์ เช่น ฟองสบู่ดอทคอมในช่วงปลายทศวรรษ 1990 นักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุนตามกระแสโดยไม่มีเหตุผลรองรับ และควรตระหนักว่าฟองสบู่ทางการเงินมักจะแตกในที่สุด การรักษาความมีเหตุผลและไม่หลงไปกับกระแสความนิยมชั่วครู่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในการลงทุนระยะยาว นักลงทุนควรเรียนรู้จากประวัติศาสตร์และตระหนักถึงสัญญาณเตือนของฟองสบู่ทางการเงิน เช่น การประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริงและความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผล

15. การปรับพอร์ตการลงทุนตามวัย

หนังสือแนะนำให้ปรับพอร์ตการลงทุนตามอายุและระยะเวลาการลงทุนที่เหลืออยู่ โดยทั่วไป นักลงทุนอายุน้อยสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่า และควรมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่สูงกว่า ขณะที่นักลงทุนที่มีอายุมากขึ้นควรเน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำลง เช่น พันธบัตร การปรับพอร์ตอย่างเหมาะสมช่วยให้นักลงทุนสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพในแต่ละช่วงชีวิต นอกจากนี้ การปรับพอร์ตการลงทุนควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น สถานะทางการเงิน ภาระหนี้สิน และเป้าหมายทางการเงินระยะสั้นและระยะยาว

สรุป

“เดินสุ่มในวอลสตรีท” นำเสนอมุมมองที่ท้าทายต่อการลงทุนแบบดั้งเดิม โดยเน้นย้ำว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นนั้นไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำ หนังสือสนับสนุนแนวคิดการลงทุนแบบเน้นการกระจายความเสี่ยง การลงทุนระยะยาว และการใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน นอกจากนี้ยังเน้นความสำคัญของการควบคุมอารมณ์ การระมัดระวังต่อค่าใช้จ่าย และการเลือกลงทุนในกองทุนดัชนีที่มีค่าใช้จ่ายต่ำ

ข้อคิดสำคัญคือการตระหนักถึงข้อจำกัดของการวิเคราะห์ทั้งทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน และความสำคัญของการจัดสรรสินทรัพย์ที่เหมาะสมตามอายุและเป้าหมายทางการเงิน หนังสือยังเตือนให้ระวังฟองสบู่และกระแสการลงทุนที่อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล

โดยสรุป “เดินสุ่มในวอลสตรีท” ส่งเสริมให้นักลงทุนมีมุมมองที่สมเหตุสมผล มีวินัย และมุ่งเน้นการลงทุนระยะยาว แทนที่จะพยายามเอาชนะตลาดในระยะสั้น แนวคิดเหล่านี้สามารถช่วยให้นักลงทุนบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะยาว