กอร์น ฟรีคส์ (Gon Freecss) ข้อมูลและประวัติตัวละคร

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อภาษาญี่ปุ่น :  คานะ ゴン゠フリークス , โรมาจิ Gon Furīkusu

เพศ: ชาย

อายุ:

• 11 ปี (ตอนเริ่มเรื่อง)
• 12+ ปี (ปัจจุบัน แต่ขัดแย้งกับไทม์ไลน์)
• 13-14 ปี* (ตามไทม์ไลน์)

ส่วนสูง: 154 ซม. (5 ฟุต 0.7 นิ้ว)

น้ำหนัก: 49 กก. (108 ปอนด์)

วันเกิด: 5 พฤษภาคม 1987

สีตา: น้ำตาล

สีผม: ดำอมเขียว

หมู่เลือด: B

สถานะปัจจุบัน: มีชีวิต

สังกัด: สมาคมนักล่า

อาชีพ: นักล่ามือใหม่

อาชีพก่อนหน้า:

• ผู้เข้าสอบนักล่าครั้งที่ 287 หมายเลข 405
• นักสู้สนามเฮเว่นส์อารีน่า
• ผู้เล่นกรีดไอส์แลนด์
• สมาชิกกลุ่มพันธมิตรคาซูเลย์
• สมาชิกทีมกำจัดมดกายพิการ

ญาติ:

• ย่าที่ไม่ปรากฏนาม
• จิง ฟรีคส์ (พ่อ)
• มิโตะ ฟรีคส์ (แม่เลี้ยง/”ป้า”)
• แม่ของก๊อน (สถานะไม่ทราบ)

เน็น: ชนิดเสริมแรง

เทคนิค:

• จาจังเค็น ค้อน กระดาษ กรรไกร

ลักษณะภายนอก

Gon เป็นเด็กชายตัวเล็ก ผิวสีแทน มีผมสีดำปลายเขียวตั้งชี้ขึ้นเป็นแหลมยาว ดวงตากลมโตเป็นสีน้ำตาลอำพัน เขามักแต่งตัวด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวขอบแดง ด้านในเป็นเสื้อกล้ามสีขาวหรือสีดำ มาพร้อมกางเกงสีเขียวและรองเท้าบู๊ทหุ้มข้อสีเดียวกันที่ผูกเชือก ในบางสถานการณ์เขาจะถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกใส่แค่เสื้อกล้าม เช่นตอนที่อยู่บน Greed Island หรือช่วงแรกของ Chimera Ant arc เขายังมีสร้อยคอ Paladin’s Necklace พิเศษที่ได้มาจาก Greed Island ซึ่งมีพลังในการป้องกันผลกระทบจากภายนอกต่อไพ่ที่ถืออยู่ด้วย

บุคลิกนิสัย

Gon เป็นเด็กอารมณ์ดีที่ร่าเริงสดใส มองโลกในแง่ดี และมักจะตื่นเต้นกับการผจญภัย แต่ก็มีด้านซุ่มซ่ามและหัวรั้นอยู่ไม่น้อย เขาเป็นจำพวกที่อ่อนในวิชาการ โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ เรียนรู้ได้ช้า แต่ชอบเรียนรู้จากประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของธรรมชาติและสัตว์ป่านั้น เขากลับมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดี อาจเพราะได้ใช้ชีวิตในป่ามาตั้งแต่เด็ก

Gon มีพรสวรรค์ในการเป็น Enhancer ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วมักจะเป็นพวกตรงไปตรงมา มีความมุ่งมั่นสูง มีอุดมการณ์แน่วแน่ แต่ก็ชอบคิดและทำอะไรง่ายๆ ด้วยความฝักใฝ่กับความฝัน ซึ่งความมุ่งมั่นและพรสวรรค์เหล่านี้ ทำให้ทั้งมิตรและศัตรูต่างยอมรับในตัวเขา และยินดีจะเป็นพวกเดียวกันด้วย

นอกจากนี้ Gon ยังมีประสาทสัมผัสที่เฉียบไวผิดมนุษย์ เขาได้กลิ่นได้อย่างเจาะจงเหมือนสุนัข สายตาก็ดีเยี่ยม รวมถึงลิ้นที่ชิมรสเก่ง ซึ่งส่วนหนึ่งคงมาจากการเติบโตในป่าตั้งแต่เด็ก ทำให้ได้ฝึกฝนประสาทสัมผัสเหล่านี้มาโดยตลอด

สาเหตุที่ Gon ต้องการเป็น Hunter ก็เพื่อตามหาพ่อของตัวเอง เขาอยากรู้ว่าอาชีพ Hunter นั้นทรงเสน่ห์ขนาดไหนกัน พ่อถึงทิ้งเขาไว้แล้วออกตามหาความฝันได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าและความฝักใฝ่ในตัวพ่อของเขา

แม้โดยพื้นฐานจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่ Gon ก็มีจุดบกพร่องที่อารมณ์ร้อนและขี้หงุดหงิดอยู่ไม่น้อย บ่อยครั้งที่เขามักตัดสินใจวู่วามโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา ด้วยความใจร้อน จนทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัว และแม้จะมีพรสวรรค์สูงกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่เมื่อใดก็ตามที่มีใครมาท้าทายหรือดูถูกความสามารถ เขาจะรู้สึกเหมือนถูกตีตรา และจะต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเก่งพอ

วิธีที่ Gon แสดงออกเมื่อทุกอย่างไม่เป็นอย่างใจ กลับกลายเป็นการเอาแต่ใจตัวเองและบ้าคลั่ง จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องเลวร้ายหลายต่อหลายครั้ง เวลาที่จิตใจเขาเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรง เขาจะหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง หูตาไม่รับรู้อะไรอื่นอีก แต่ขณะเดียวกัน หากมีสติและใจเย็นพอ เขาก็สามารถคิดแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างสร้างสรรค์และยอดเยี่ยม อย่างเช่น การหาทางผ่านด่านประตูที่ล็อกและกำแพงในการสอบ Hunter ได้ทันเวลา ซึ่งแม้แต่อัจฉริยะอย่าง Kurapika หรือ Killua ก็ยังคิดไม่ถึง

คนทั่วไปมักจะไม่เข้าใจความคิดและพฤติกรรม ของ Gon เพราะมันแตกต่างและเหนือกว่าวิถีปกติของผู้คน บางคนถึงกับคิดว่าเขามีจิตหลุดโลกไปบ้างแล้ว เช่นตอนที่ Zepile ออกความเห็นว่า Gon ไม่สนใจเรื่องถูกผิดดีชั่วเวลาสนใจอะไร ความคิดเรื่องศีลธรรมของเขาค่อนข้างจะลึกซึ้ง ซับซ้อน แบบที่ชาวบ้านทั่วไปไม่ค่อยคุ้นชิน

กล่าวคือ ในด้านหนึ่ง Gon ให้ความสำคัญกับชีวิต ยึดมั่นในอุดมการณ์ และเคารพในกฎเกณฑ์กติกาทางสังคม แต่ในอีกด้านหนึ่ง เขากลับสามารถแยกความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออกจากสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเด็ดขาด เช่น การขอบคุณ Binolt ฆาตกรต่อเนื่อง ที่ช่วยทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น หรือการชื่นชมความแข็งแกร่งของ Hisoka ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายอันตรายมาก

แม้ว่าเขาจะปรารถนาให้ Phantom Troupe ยุติการกระทำ แต่ก็ไม่ได้เกลียดชังพวกนั้น จนกระทั่งรู้ว่าแท้จริงแล้วพวกนั้นก็มีความรู้สึกนึกคิดและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้เหมือนกัน หรืออย่างกรณีที่ไม่เคยตัดสิน Killua ที่เคยเป็นนักฆ่า แต่กลับตะคอกใส่ Illumi พี่ชายของ Killua เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายบังคับให้น้องฆ่าคนอย่างไร้ความรู้สึก

ครั้งหนึ่ง เขาเลือกที่จะไม่เตือน Agon ให้ระวังตัว ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าการเจอกับ Hisoka นั้นมีแต่ความตาย และทำได้เพียงนิ่งดูให้อีกฝ่ายถูกสังหารไป เพื่อที่จะเอาชนะเกมและได้แท็กของนักเวทย์สุดอันตรายมาครอบครอง

เมื่อได้เห็น Kite ถูก Neferpitou ฆ่าต่อหน้าต่อตา ความอ่อนแอที่ไม่สามารถปกป้องคนที่รักได้ ทำให้ Gon ตกอยู่ในห้วงอารมณ์แค้น รู้สึกผิดและเกลียดตัวเองจนแทบคลั่ง ความมุ่งมั่นถูกบิดเบือนไปเป็นความบ้าคลั่ง จนถึงขั้นเลือกที่จะยอมแลกชีวิตตัวเองเพื่อเอาชนะและฆ่า Neferpitou ให้ได้ ถ้าไม่มี Killua คอยห้ามปราม สติของเขาในตอนนั้นก็พร้อมจะทำในสิ่งที่เลวร้ายกว่านี้ได้อีก

Gon เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก บางครั้งก็มากเกินไปจนไม่รู้ตัว เช่นเวลาเจอศัตรูที่เหนือกว่า ก็ยังไม่ลดละความพยายาม หรือถึงแม้จะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งสุดๆ ก็ไม่คิดจะยอมแพ้ เขาเป็นคนยึดมั่นในความคิดตัวเองสูง ไม่ยอมรับความเห็นของผู้อื่นง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันสวนทางกับตัวเอง ต่อให้เป็นคนที่เก่งกาจแค่ไหน เขาก็พร้อมจะลุกขึ้นต่อกรเสมอ

อย่างไรก็ตาม นอกจากความฝันที่อยากเป็น Hunter และตามหาพ่อแล้ว สิ่งที่ Gon ปรารถนามากที่สุดคือพลัง พลังที่จะปกป้องคนที่รัก พลังที่จะไขความลับของโลกใบนี้ และพลังที่จะเอาชนะอุปสรรคทั้งปวง ซึ่งความปรารถนานี้เองที่ผลักดันให้เขาไม่หยุดที่จะทำตามความฝัน แม้บางครั้งมันจะเป็นด้วยอารมณ์ชั่ววูบที่ขาดการไตร่ตรอง หรือเพราะความดื้อรั้นที่ไม่ยอมฟังใคร จนอาจทำให้เกิดผลเสียหายโดยไม่จำเป็นก็ตาม

แต่เบื้องหลังนิสัยเอาแต่ใจและคึกคะนองนั้น แท้จริงแล้ว Gon ก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งที่มีความกลัว มีความไม่มั่นใจในตัวเอง กลัวว่าจะอ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องสิ่งสำคัญในชีวิตได้ เหตุนี้เองที่ทำให้เขาไม่กลัวที่จะเจ็บ ไม่กลัวที่จะเสี่ยง เพื่อพิสูจน์ตัวเองและก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองไปให้ได้

และแม้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะดูเป็นคนง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ชอบสิ่งตรงไปตรงมาตามประสาเด็ก แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ที่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ ในยามที่สถานการณ์บีบคั้น หากเขามีสติมากพอ เขาสามารถเป็นคนที่มีไหวพริบปฏิภาณเฉียบคม คิดหาวิธีสร้างสรรค์เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาได้อย่างน่าทึ่ง

แม้หลายสิ่งหลายอย่างในตัวของ Gon จะฟังดูขัดแย้งกันเอง และไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไหร่ แต่มันก็คือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นเขา ไม่เหมือนใคร และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความฝัน ความมุ่งมั่น พร้อมกับนิสัยเอาแต่ใจและความคึกคะนอง

และสุดท้าย สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับ Gon ก็คือความไม่ถนัดในการคำนวณตัวเลข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “คณิตศาสตร์” บ่อยครั้งที่เขามักจะอ่านเลขผิด คำนวณผิด Kurapika และ Killua ต้องคอยเตือนและแก้ไขให้อยู่เสมอ หรือบางครั้ง หากใครพยายามอธิบายเรื่องการคำนวณมากๆ เข้า สมองของเขาก็จะร้อนจนปล่อยควันออกมา

ประวัติ

เมื่ออายุ 22 ปี Ging Freecss กลับมาที่ Whale Island เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมกับอุ้ม Gon ลูกชายทารกของเขา เมื่อมีคนถามถึงแม่ของเด็ก Ging บอกเพียงว่าเขาแยกทางกับเธอแล้ว แม้ Ging จะพยายามฝาก Gon ไว้กับย่าแค่ช่วงสั้น ๆ แต่ Mito ลูกพี่ลูกน้องของ Ging กลับโกรธแค้นที่ Ging เป็นพ่อที่แย่ จึงได้รับสิทธิ์เลี้ยง Gon ผ่านทางศาล แล้ว Ging ก็จากไป ไม่เคยกลับมาที่ Whale Island อีกเลย

ตั้งแต่เด็ก เนื่องจาก Ging ไม่อยู่และ Mito ไม่ชอบ Ging เลยทำให้ Gon ถูกบอกว่าพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตอนที่เขายังเป็นทารก แต่เมื่ออายุ 9 ขวบ Gon ได้รับการช่วยเหลือจาก Foxbear แม่ลูกอ่อนโมโหโดยชายชื่อ Kite ซึ่งเป็น Hunter มืออาชีพและเป็นลูกศิษย์ของ Ging พ่อของ Gon ที่หายตัวไปนาน หลังจากที่ Kite ต่อย Gon ที่หน้า เขาก็พยายามฆ่าลูก Foxbear แต่ Gon ปกป้องมันไว้ Kite ยอมรับว่าเขาตามหา Ging เพื่อทดสอบครั้งสุดท้ายว่า Ging จะมองว่าเขาเป็น Hunter ตัวจริง ความชื่นชมที่ Kite มีต่อ Ging ปลุกเป้าหมายในตัว Gon ที่อยากเจอพ่อ เพื่อจะทำแบบนั้น Gon จึงมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะสอบใบอนุญาต Hunter นับจากนั้น โดยต้องการรู้ว่าอะไรทำให้ Ging เลือกอาชีพ Hunter มากกว่าการเป็นพ่อ ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้เขาอยากเป็น Hunter

เมื่อโตขึ้น Gon เรียนที่บ้านและมีเพื่อนวัยเดียวกันคือ Noko การใช้ชีวิตเรียบง่ายทำให้เขามีประสาทสัมผัสที่ไวและความสามารถทางกายภาพสูงกว่าคนทั่วไป เขาเล่าให้ Kite ฟังว่าเขาผูกพันกับลูก Foxbear ได้ ในช่วงที่เรือผู้หญิงล้วนจอดที่ Whale Island เป็นครั้งคราว Gon จะพาพวกเธอไปในเมืองและพวกเธอก็จะสอน “หลายอย่าง” ให้เขา

เนื้อเรื่องย่อ

สอบ Hunter ( Hunter Exam arc)

เริ่มแรกเราเห็น Gon ตกปลาที่บึงบน Whale Island เพื่อจับ The Master of the Swamp ปลายักษ์ที่แม้จะมีชาวประมง 5 คนช่วยกันลากก็ยังจับไม่ได้ แต่ Gon สามารถจับมันได้หลังจากพยายามอยู่หนึ่งสัปดาห์ เขาได้เดิมพันกับ Mito ป้าของเขาไว้ว่าถ้าจับปลาตัวนี้ได้ เธอจะอนุญาตให้เขาไปสอบ Hunter Exam

หลังจากได้รับความยินยอมจาก Mito แล้ว Gon ก็บอกลา Kon หมีจิ้งจอกที่เขาเลี้ยงไว้ โดยบอกว่าเขาจะไปเป็น Hunter และอาจต้องทำในสิ่งที่สัตว์ป่าไม่ชอบ ในฐานะราชาแห่งป่า Kon จึงไม่สามารถพูดคุยกับเขาได้อีกต่อไป Gon กลับบ้านไปหา Mito เธอถามว่า Gon รู้มาตลอดหรือเปล่าว่าพ่อของเขาทำอาชีพอะไร และยังบอกด้วยว่าพ่อทิ้งเขาไว้กับเธอตั้งแต่ยังเป็นทารก Gon ตอบว่าการเป็น Hunter คงเป็นงานสำคัญมาก ถึงขนาดต้องทิ้งครอบครัวไป และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาต้องไปพบกับพ่อแล้ว

Gon เตรียมตัวขึ้นเรือไปสอบ Hunter Exam ทุกคนในเมืองมาส่งและให้กำลังใจเขา Mito มาบอกว่าจริงๆแล้วพ่อของเขาไม่ได้ทิ้งเขา แต่เธอเป็นคนให้ศาลตัดสิทธิ์เลี้ยงดู Gon บอกว่าเขารู้อยู่แล้วเพราะเธอไม่เคยมองตาเขาเวลาโกหก เขาขึ้นเรือแล้วตะโกนกลับไปหาเธอว่าเขาจะกลับมาเป็น Hunter ที่ยิ่งใหญ่

Preliminary Phase

คืนแรกบนเรือเกิดพายุใหญ่พัดกระหน่ำผู้เข้าสอบเกือบทั้งหมด หลังจากนั้น กัปตันเรือที่เมาเดินสำรวจก็พบว่ามีผู้เข้าสอบเหลือเพียง 3 คนเท่านั้นที่ยังขยับตัวได้ (Gon เป็นหนึ่งในนั้น โดยวิ่งไปวิ่งมาดูแลคนเมาค้าง) ต่อมา Gon ยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเรือแล้วคาดการณ์ว่าจะเจอพายุอีกครั้ง และครั้งนี้จะรุนแรงกว่าคืนก่อนถึง 3 เท่า กัปตันรู้ว่าเขาพูดถูกไม่ใช่เดา เขาเห็นเงา Ging ใน Gon จึงถามว่าใครเป็นพ่อของเขา ซึ่งยืนยันความรู้สึกแรกของกัปตัน กัปตันสอน Gon วิธีขับเรือและประกาศว่ากำลังจะเจอพายุอีก ใครอยากลงเรือตอนนี้ก็ยังทัน

มีเพียง Gon, Kurapika, และ Leorio เท่านั้นที่ยังอยู่บนเรือ กัปตันถามว่าทำไมพวกเขาถึงอยากเป็น Hunter Gon ตอบทันที ส่วนอีกสองคนยังไม่ตอบ Leorio ถามกลับไปว่าทำไมต้องบอกในเมื่อแกแค่ขับเรือ กัปตันตอบว่าเขาคัดกรองผู้สมัครและจะเป็นคนตัดสินใจว่าใครจะผ่าน อีกสองคนจึงค่อยตอบไป ระหว่างที่ Kurapika กำลังอธิบาย Leorio ก็ถูกยั่วโมโหจนต้องออกไปสู้กันกลางพายุ เมื่อ Katzo ตกน้ำ Gon ก็กระโดดตามลงไป คว้าตัวเขาได้และหนีเอาชีวิตรอด เพราะ Kurapika กับ Leorio คว้าข้อเท้าเขาไว้ทันและช่วยกันดึงขึ้นเรือ

เมื่อถึงฝั่ง กัปตันให้คำใบ้ว่าให้ไปที่ต้น cedar โดดเดี่ยวนอกเมืองเพื่อหานำทาง Gon ตัดสินใจไปส่วน Kurapika ก็ตามไป Leorio แยกไปขึ้นรถเมล์ไป Zaban City แต่ก็กลับมาอีกเมื่อได้ยินว่ามันเป็นกลเพื่อกำจัดคนอ่อนแอ ต่อมาพวกเขามาถึงหมู่บ้านที่ดูเหมือนร้าง แต่ Gon กับ Kurapika ได้ยินเสียงคน แล้วชาวบ้านทั้งหมดก็ออกมาเริ่ม “The Mind-Boggling Two Choice Quiz” หัวหน้าหมู่บ้านถาม 2 คำถามและให้พวกเขาตอบเพียงแค่ 1 หรือ 2 เท่านั้น ชายที่ตามพวกเขามาเดินเข้ามาและบอกว่าจะเป็นคนตอบก่อน หัวหน้าถามเขาว่า “พวกโจรจับแม่และคนรักของคุณไป คุณจะช่วยใคร” เขาเลือก 1 คือแม่ และได้รับอนุญาตให้ผ่าน Leorio เริ่มตะโกนด่าเพราะคำถามไร้สาระ Kurapika สั่งให้เขาเงียบเพราะเขากับ Gon เข้าใจปริศนานี้แล้ว หัวหน้าถามคำถามที่ตอบยากอีกข้อ และเมื่อหมดเวลาโดยที่พวกเขาไม่ได้ตอบ Leorio ก็พยายามจะเข้าไปทำร้าย Kurapika ปัดป้องบอกว่าพวกเขาผ่านแล้วเพราะการเงียบคือคำตอบที่ถูกต้อง และบอกต่อว่าเขาได้ยินเสียงกรีดร้องของชายคนนั้น แสดงว่าเขาโดนทำร้าย ในขณะเดียวกัน Gon ก็ยังคงคิดหาคำตอบอยู่จนกระทั่งประกาศว่าหาคำตอบไม่ได้จริงๆ เขาตอบ Kurapika กับ Leorio ที่พอใจกับการผ่านรอบไปว่า วันหนึ่งเขาอาจต้องเลือกจริงๆก็ได้

หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ทั้งสามมาถึงบ้านหลังหนึ่งและเห็นคู่สามีภรรยากำลังโดน Kiriko สัตว์วิเศษโจมตีอยู่ เมื่อมันคว้าตัวภรรยาแล้วบินหนีไป Gon กับ Kurapika ก็ไล่ตามไป ส่วน Leorio อยู่ดูแลสามีที่บาดเจ็บ Gon แปลกใจที่ Kiriko พูดได้ เขาแซงหน้า Kurapika แล้วไล่ตาม Kiriko อย่างกระชั้นชิดจนสามารถฟาดหัวมันได้ ทำให้ Kiriko ทำภรรยาตกลงมา Kurapika รับเธอไว้ได้ Gon ยังคงไล่ตามไปจนกระทั่งถูก Kiriko เผชิญหน้าในพงหญ้า Gon ทักทายแล้วถามมันว่าตัวที่เขาตีไปไปไหน ซึ่งความจริงก็คือ Kiriko ทั้งสองตัวกับคู่สามีภรรยานั้นเป็นครอบครัวเดียวกันและเป็นผู้นำทาง โดย Gon เป็นมนุษย์คนแรกในรอบหลายปีที่สามารถแยกแยะภรรยาออกจากสามีได้ Kiriko บินพาทั้งสามไปยังสถานที่สอบ Hunter

เมื่อไปถึง Zaban City พวกเขาคิดว่าตึกสง่าคือห้องสอบ แต่กลับโดน Kiriko ที่ปลอมตัวพาไปที่ร้านอาหารธรรมดาแทนแล้วสั่งอาหารเมนูพิเศษ จากนั้นพ่อครัวก็พาพวกเขาเข้าไปในห้องแล้วเสิร์ฟอาหาร ที่จริงแล้วห้องนั้นคือลิฟต์ที่เริ่มลงไป ขณะที่ลงลิฟต์ไป Kurapika กับ Leorio พยายามเดาว่า Gon สอบเพื่อประโยชน์หรือความยุติธรรม แต่ยังไม่ทันได้คำตอบประตูลิฟต์ก็เปิดออก พวกเขาเจอกับ Tonpa ทันที ซึ่งแนะนำตัวในฐานะเพื่อนที่จะมาช่วยเหลือ Gon จากนั้นเขาก็แนะนำผู้เข้าแข่งขันตัวเต็งคนอื่นๆ ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้นก็มีเสียงกรีดร้องน่าสะพรึงกลัวดังขึ้น พวกเขาเห็นชายคนหนึ่งที่แขนหลุดออกมาเพราะไปสะกิด Hisoka นักมายากล Tonpa เสนอน้ำผลไม้ให้ Gon กับอีกสองคน Gon เป็นคนแรกที่ลิ้มรสแล้วรีบคายทิ้งเพราะมันมีรสแปลกๆ ทำให้ Kurapika กับ Leorio เทน้ำของตัวเองทิ้งบนพื้นไปด้วย จากนั้น Tonpa ก็รีบขอโทษเป็นการใหญ่

ช่วงแรก (First Phase)

Satotz ผู้คุมสอบรอบแรกเริ่มการสอบ Hunter ครั้งที่ 287 ด้วยการวิ่งมาราธอนในอุโมงค์ ใต้ดิน เด็กชายคนหนึ่งขี่สเก็ตบอร์ดสังเกตเห็น Gon แล้วแนะนำตัวว่าชื่อ Killua ทั้งสองใช้เวลาส่วนใหญ่ในการสอบรอบแรกไปรู้จักกัน Gon สังเกตเห็นว่า Leorio เริ่มอ่อนแรงลงตอนประมาณ 60 กม. เขาหยุดแล้วรอเงียบๆจนกระทั่ง Leorio ฮึดสู้อีกครั้ง โดยปล่อยกระเป๋าหนังของตัวเองตกลงไป Gon ใช้เบ็ดตกปลาคว้ากระเป๋าของ Leorio แล้วถือมันไว้ หลังจากวิ่งมาได้ 80 กม.พวกเขามาถึงบันไดและเริ่มปีนขึ้นไป ขณะที่ Satotz เริ่มเร่งความเร็ว Gon คุยกับ Killua เรื่องเหตุผลที่อยากเป็น Hunter มืออาชีพจนทั้งคู่มาถึงทางออกของอุโมงค์เป็นที่แรก

การสอบรอบแรกยังคงดำเนินต่อไปข้างนอก โดยผู้เข้าสอบต้องตาม Satotz ผ่าน Milsy Wetlands ที่ลึกลับท่ามกลางหมอกหนาทึบ Killua เตือน Gon ให้อยู่ใกล้ Satotz เพราะเขารู้สึกได้ว่า Hisoka จะใช้ม่านหมอกปกปิดความกระหายเลือดของเขา เด็กชายทั้งสองเดินหน้าต่อไป แต่ Gon หันกลับไปเมื่อได้ยินเสียง Leorio กรีดร้อง Gon ช่วย Leorio จาก Hisoka ที่กำลังสังหารผู้เข้าสอบเพื่อ “เล่นเป็นผู้คุม” Gon พยายามจะจับ Hisoka แต่ไม่สำเร็จ เขาโจมตีไปเงียบๆจนกระทั่งถูกจับคอและบีบจนแทบขาดใจ อย่างไรก็ตาม Hisoka สนใจ Gon และไว้ชีวิตเขาและเพื่อนๆ

ขณะที่ Hisoka อุ้ม Leorio ไปยังจุดหมายของรอบที่สอง Gon กับ Kurapika ก็ค่อยๆตามไปด้านหลัง Gon บอกว่าเขากลัว Hisoka และอยากหนี แต่ก็ทำไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้น การเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวถึงตายครั้งแรกในชีวิตทำให้ Gon ไม่สามารถควบคุมความอยากรู้อยากเห็นที่เพิ่มพูนขึ้นได้

Second Phase

การสอบรอบที่สองจัดขึ้นที่ Visca Forest Reserve โดยผู้เข้าสอบได้พบกับ Menchi และ Buhara นักล่าอาหารและผู้คุมสอบ ซึ่งแบ่งรอบนี้เป็นสองส่วน การทดสอบของ Buhara คือให้หาหมูที่อันตรายที่สุดในโลกมาย่าง Gon, Kurapika และ Leorio ค้นหาในป่าสงวนและพบฝูง Great Stamp เขาสังเกตเห็นอีกครั้งระหว่างต่อสู้กับหมูป่าว่าสถานการณ์ที่คุกคามชีวิตก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นด้วย อย่างไรก็ตาม เขายังตระหนักว่าต้องการความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ Gon กับเพื่อนๆผ่านด่านนี้ไปได้อย่างง่ายดายพร้อมกับผู้เข้าแข่งขันอีก 70 คน

การทดสอบของ Menchi ทำให้ผู้เข้าสอบแทบทุกคนงุนงง หลังจากที่เธอบอกให้พวกเขาทำซูชิ เนื่องจากเป็นอาหารดั้งเดิมของ Jappon (ชื่อดัดแปลงเล็กน้อยจากญี่ปุ่นสำหรับคนที่ไม่รู้ที่มาของซูชิ) มีเพียง Hanzo เท่านั้นที่รู้ว่ามันคืออะไร (แต่ Menchi ก็ยังให้เขาตก) Gon ไม่รู้วิธีแก้ปัญหาจนกระทั่งมันถูกเปิดเผยให้ผู้เข้าสอบทุกคนทราบ แต่ก็ไร้ผล Menchi โมโหกับคำพูดที่ดูถูกนักล่าอาหารของผู้เข้าสอบและเลยสอบตกทั้งกลุ่มซะงั้น ทำให้ Netero ประธานสมาคม Hunter ต้องเข้ามาแทรกแซง การทดสอบถูกย้ายไปที่ Split Mountain ซึ่งผู้เข้าสอบต้องล่าไข่นก Spider Eagle สี่สิบสองคนผ่านรอบที่สองนี้

A Game at Midnight

ผู้เข้ารอบ 42 คนขึ้นเรือของคณะกรรมการคัดเลือกในตอนท้ายของวัน ซึ่ง Beans อธิบายว่ารอบต่อไปจะเริ่มตอนแปดโมงเช้า ขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ Gon กับ Killua ก็ใช้เวลาทำความรู้จักกันมากขึ้น Killua เล่าให้ Gon ฟังว่าเขาหนีออกจากบ้านเพื่อหลีกหนีจากครอบครัวนักฆ่าที่เข้มงวดจนกระทั่งถูก Netero ขัดจังหวะ ซึ่งบอกว่าจะให้ใบอนุญาต Hunter กับเด็กชายทั้งสองทันทีถ้าพวกเขาแย่งบอลจากเขาได้ ทั้งสองพยายามอย่างดีที่สุดเป็นรายบุคคลแต่ไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่งตัดสินใจโจมตี Netero พร้อมกัน แม้จะดูเหมือนว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จ แต่ Netero กลับทำลายความหวังนั้นด้วยการพิสูจน์ว่าเกมนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ หลังจากเปิดเผยว่าเขาไม่ได้ใช้มือและขาอีกสองข้างเลย Killua หงุดหงิดและยอมแพ้แล้วไปฆ่าผู้เข้าสอบอีกสองคนเพราะความหงุดหงิดหลังจบเกม แต่ Gon ยังคงเล่นต่อไปจนกระทั่งบังคับให้ Netero ต้องใช้มือขวาผ่านกลยุทธ์เสี่ยงตาย เมื่อเขาทำสำเร็จ Gon ก็หมดแรงและสลบไป

Third Phase

เช้าวันรุ่งขึ้น เรือของสมาคม Hunter มาถึง Trick Tower ซึ่งเป็นคุกที่เต็มไปด้วยกับดัก เพื่อป้องกันไม่ให้นักโทษหลบหนี Beans บอกผู้เข้ารอบ 40 คนที่เหลือว่าจุดประสงค์ของรอบที่สามคือต้องไปให้ถึงด้านล่างของหอคอยภายใน 72 ชั่วโมงโดยมีชีวิตรอด Gon กับ Killua สำรวจพื้นที่และพบประตูซ่อนอยู่ใต้พื้น พวกเขารายงานให้ Kurapika กับ Leorio ทราบ และแต่ละคนก็ลงประตูนั้นไป บังเอิญพวกเขาไปโผล่ที่ห้องเดียวกันทั้งหมด ทั้งสี่รู้ว่าโดยไม่ตั้งใจได้เลือก “The Path of Majority Rules” Lippo หนึ่งในผู้คุมสอบทั้งสามของรอบที่สามอธิบายว่ากลุ่มของพวกเขาจะต้องเดินทางผ่านหอคอยไปโดยยึดหลักการตัดสินใจของเสียงส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาถูกบังคับให้จับคู่กับ Tonpa หลังจากที่เขาลอดเพดานเข้ามา

หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มของพวกเขาก็มาถึงสนามต่อสู้เหนือหลุมที่ดูเหมือนไม่มีก้นสุด ความท้าทายแรกคือต้องชนะการแข่งขัน 3 จาก 5 ครั้ง โดยใช้วิธีใดก็ได้กับนักโทษที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต Tonpa พลาดการแข่งขันครั้งแรกอย่างตั้งใจ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนไม่น่าไว้ใจ Gon เผชิญหน้ากับนักโทษคนต่อไปซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายชื่อ Sedokan ในการแข่งขันว่าใครจะจุดเทียนให้ติดนานที่สุด Sedokan เสนอทางเลือกเทียนให้ Gon เลือกหนึ่งเล่มระหว่างแท่งสั้นกับแท่งยาว Gon เลือกแท่งยาว แต่ต่อมากลับเปิดเผยว่า Sedokan ได้เตรียมกลไม่ให้เด็กชายคนนี้ชนะ แต่ด้วยไหวพริบของ Gon ทำให้เขาเป็นผู้ชนะและเป็นคนแรกที่คว้าชัยให้ทีม

Kurapika ก็สามารถเอาชนะการทดสอบของตัวเองได้ ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับผู้ปลอมตัวเป็น Phantom Troupe ในการต่อสู้ถึงตาย ส่วน Leorio ที่ต้องดวลกับนักโทษในเกมพนันนั้นแพ้ทั้งรอบและเสียเวลาไปถึงห้าสิบชั่วโมง แม้ Killua จะชนะในรอบที่ห้าแต่ทีมของพวกเขาก็ต้องรออยู่ในห้องเป็นเวลาห้าสิบชั่วโมง เนื่องจากการแพ้ของ Leorio ในขณะที่เหลือเวลาอีกเก้าชั่วโมงใน Trick Tower ทีมก็ช่วยกันจนไปถึงทางแยกซึ่งเป็นการทดสอบสุดท้ายบน The Path of Majority Rules หลังจากปะทะคารมกันอยู่สักพัก Gon ก็คิดวิธีแก้ปัญหาที่ชาญฉลาดซึ่งทำให้ทั้งห้าคนผ่านรอบ

Fourth Phase

รอบที่สี่เป็นการออกล่ากันเองบนเกาะ Zevil ซึ่งผู้แข่งขัน 25 คนที่เหลือต้องล่าเป้าหมายและแย่งชิงป้ายหมายเลขของพวกเขา Gon ได้เลือก Hisoka และตื่นเต้นมากกับการล่านี้ แต่เมื่อไปถึง เขากลับคิดไม่ออกว่าจะเอาป้ายของ Hisoka มาได้อย่างไร จนกระทั่งได้เห็นการล่าครั้งแรก (ตอนที่ Pokkle ทำต่อหน้าเขา) ดังนั้น Gon จึงใช้เวลาทั้งวันและเช้าวันรุ่งขึ้นในการเรียนรู้วิธีล่า โดยพยายามตกเบ็ด เขาตระหนักว่าการล่าต้องรอจังหวะเมื่อเหยื่อโจมตีเป้าหมายของมันเอง ซึ่งเป็นวิธีที่เขาเลือกใช้เพื่อขโมยป้ายของ Hisoka หลังฝึกเสร็จ Gon ใช้ Hemotropic Butterflies (ผีเสื้อที่ดึงดูดด้วยกลิ่นเลือด) เพื่อตามรอย Hisoka เมื่อหาตัวเขาเจอ Gon ก็ปิดกั้นการรับรู้ของตนเองโดยการลดอัตราการเต้นของหัวใจและหยุดหายใจ แล้วนอนรอ

Gon รอจนกระทั่ง Goz ผู้เข้าแข่งขันอีกคนมายั่วยุให้ Hisoka ต่อสู้ต่อหน้าเขา เห็นเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองฝีมือใหม่ แต่ Hisoka ปฏิเสธที่จะสู้กับนักรบผู้ไม่กลัวความตาย จู่ๆ Gittarackur ก็มาแทรกแซงและฆ่า Goz เป้าหมายของตน Gon เห็น Hisoka กับ Gittarackur คุยกันเหมือนเป็นเพื่อนสนิท โดย Gittarackur ให้ป้ายที่ได้มาจากผู้เข้าแข่งขันอีกคนแก่ Hisoka

ตกกลางคืน Hisoka กลับมาตามล่าเหยื่ออีกครั้ง ในที่สุดก็เห็น Kurapika กับ Leorio อยู่ห่างออกไป และเลือกที่จะไล่ล่าพวกเขา Gon ตามไปด้านหลัง เขารู้ว่าเพื่อนใหม่ทั้งสองกำลังตกเป็นเป้าหมาย ในตอนแรกเขาอยากยึดติดกับแผน แต่พอคิดได้ว่าต้องเสียสละเพื่อนด้วย เขาจึงตัดสินใจว่าจะช่วยพวกเขาถ้าสถานการณ์เลวร้าย Kurapika กับ Leorio เจรจาตัวเองออกมาจากอันตรายที่ Hisoka สร้างได้ และ Gon ยังคงเฝ้ามองเขา ความกระหายเลือดของ Hisoka พลุ่งพล่านขึ้นในตอนกลางคืนและส่งความหวาดกลัวอย่างรุนแรงแผ่ซ่านไปถึง Gon นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกถึงออร่าอันน่าหวาดหวั่น

วันต่อมา Gon แย่งป้ายหมายเลขของ Hisoka มาได้ แต่ชั่วขณะหนึ่งเขาเคลื่อนไหวไม่ได้เมื่อถูก Geretta ยิงด้วยลูกดอกที่เคลือบสารคลายกล้ามเนื้อ Hisoka ฆ่า Geretta แต่คืนป้ายให้ Gon และยื่นป้ายของตัวเองให้ด้วย Gon พยายามลุกขึ้นยืนและปฏิเสธน้ำใจของ Hisoka โดยยืนกรานให้ Hisoka รับป้ายของตนคืนไป แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ ชกเขา แล้วประกาศว่าจะไม่รับป้ายคืนจนกว่า Gon จะตอบโต้ได้ ตลอดคืนนั้น Gon นั่งเดือดดาลเงียบๆกับความภาคภูมิใจที่ถูกทำลาย

ในวันสุดท้ายของรอบที่สี่ Gon ไปเจอ Leorio กับ Kurapika และเลือกที่จะช่วย Leorio ให้ได้ป้ายเป้าหมายมาจาก Ponzu หลังจบรอบ Kurapika เข้ามาเผชิญหน้ากับเขา Gon สารภาพว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง และแสดงความรู้สึกอับอายและหงุดหงิดที่แพ้ โดยร้องไห้ออกมา Kurapika ช่วยให้เขามีกำลังใจ ขณะที่ทั้งสองเดินทางไปสู่รอบสุดท้ายของการสอบ Hunter

Final Phase

รอบสุดท้ายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนต้องเจอกัน หลังจากที่กรรมการเลือก Gon กับ Hanzo ว่าเป็นผู้สมัครที่โดดเด่นที่สุด ทั้งสองก็เผชิญหน้ากันเป็นคู่แรก ฝีมือการต่อสู้ของ Gon ด้อยกว่า Hanzo แต่เขาไม่ยอมแพ้ ทำให้ Hanzo ตัดสินใจยอมแพ้ในการต่อสู้เสียเอง ส่งผลให้ Gon เป็นผู้สมัครคนแรกที่ผ่านการสอบ Hunter ครั้งที่ 287 ในตอนแรก Gon ไม่ยอมรับชัยชนะ ยืนกรานว่าเขากับ Hanzo น่าจะหาทางต่อสู้กันให้ถูกต้องได้ Hanzo รำคาญใจ จึงต่อยเขาจนสลบและฟื้นขึ้นมาอีกทีก็พอดีกับที่การสอบจบลงพอดี Satotz ช่วยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง และอธิบายให้ Gon เข้าใจว่ามีคนไม่ผ่านแค่สองคนคือ Bodoro กับ Killua แล้วเปิดเผยว่าที่จริงแล้ว Gittarackur คือ Illumi พี่ชายของ Killua ซึ่งบังคับให้ Killua ไปฆ่าผู้แข่งขันอีกคน ทำให้เขาสอบตก Gon โมโหมาก เขาไปเผชิญหน้ากับ Illumi และหักข้อมือของนักฆ่าคนนี้ในระหว่างนั้น พร้อมรับที่อยู่ของ Killua มา จากนั้น Gon, Kurapika และ Leorio ก็มุ่งหน้าไปบ้านของ Killua บนภูเขา Kukuroo

Zoldyck Family arc

Gon, Kurapika และ Leorio ไปบ้านของ Killua บนภูเขา Kukuroo เพื่อพาเขากลับมา เมื่อไปถึงที่พักตระกูล Zoldyck พวกเขาก็ถูกประตูที่ต้องใช้แรง 4 ตันดึงกั้นไว้ Gon พยายามเจรจากับ Gotoh ผู้ดูแลของตระกูลแต่ไม่สำเร็จ เพราะเขาคัดค้านการเข้ามาของพวกเขาอย่างหนักแน่น Gon พยายามจะบุกเข้าไปข้างในด้วยอารมณ์ชั่ววูบจนกระทั่ง Zebro คนเฝ้าประตูมาห้ามเอาไว้ Zebro แนะนำให้พวกเขารู้จักกับ Mike สุนัขโจมตีที่ตระกูล Zoldyck ฝึกมา ซึ่งทำให้ Gon กลัวมาก

Zebro พากลับไปที่ห้องพักใกล้ภูเขา Kukuroo และให้พวกเขาฝึกยกน้ำหนักภายใต้การดูแลของเขาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้มีพละกำลังพอที่จะเปิด Testing Gate ได้ด้วยตัวเอง จากนั้นพวกเขามุ่งหน้าขึ้นเขาต่อและพบอุปสรรคอีกครั้ง คราวนี้เป็นเด็กฝึกชื่อ Canary ที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้ใครผ่านเด็ดขาดและไล่ผู้บุกรุกออกไปด้วยกำลัง Gon ใช้เวลาทั้งวันเดินเข้าหาเธอแล้วโดนเธอซัดไปเรื่อยๆ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของเขาก็ทำให้ Canary หวั่นไหว เธอจึงพาพวกเขาไปที่ห้องพักผู้ดูแลเพื่อให้ได้เจอ Killua

ระหว่างที่รอ Killua มา Gotoh ที่โกรธจัดที่ Gon กล้าจะมาพา Killua ออกจากครอบครัว ก็ขู่จะทำอันตรายทั้งสาม รวมถึง Canary โดยอ้างว่าเป็นเกม แต่ Gon คิดได้ไวและสังเกตได้ละเอียด เขาจึงเป็นฝ่ายชนะและได้รับการยอมรับจาก Gotoh Killua มาถึงและทั้งสี่ก็ออกจาก Republic of Padokea ไปด้วยกัน

ขณะที่ทั้งสี่คนมุ่งหน้าไปยังสนามบินที่ใกล้ที่สุด พวกเขาพูดคุยถึงแผนการหลังจากการสอบ Hunter จบลง Gon ยังคงโกรธเรื่องที่ถูกทำให้อับอายในช่วงที่สี่ของการสอบ จึงต้องการไปหา Hisoka เพื่อต่อยหน้าเขาและคืนป้ายที่ได้รับมา Kurapika วางแผนจะไป Yorknew City ในวันที่ 1 กันยายน เพื่อเข้าร่วม Southernpiece Auction ตามข้อมูลที่ได้รับจาก Hisoka เกี่ยวกับ Phantom Troupe Leorio บอกกลุ่มว่าเขาจะเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนแพทย์ทันที ทั้งสี่คนสาบานว่าจะกลับมาพบกันที่ Yorknew City ในเดือนกันยายน จากนั้นสองคนที่อายุมากกว่าก็แยกจากไป​​​​​​​​​​​​​​​​

Heavens Arena arc

หลังจากผ่านด่านอันแสนยากลำบากมาได้ Gon และ Killua ตัดสินใจร่วมเดินทางไปด้วยกันเพื่อฝึกฝนทักษะการต่อสู้และหาเงินที่ Heavens Arena สนามประลองที่จะช่วยให้ Gon ไต่ระดับความแข็งแกร่งเพื่อบรรลุเป้าหมายในการเอาชนะ Hisoka ภายในเวลา 6 เดือน

ทันทีที่มาถึง ทั้งคู่ต่างตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศของสังเวียนแห่งนี้ โดยเฉพาะ Gon ที่ไม่เคยสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน ขณะที่ Killua เคยใช้เวลาที่นี่ถึงสองปีจนไต่ระดับมาถึงชั้น 200 ได้สำเร็จ

การต่อสู้ของ Gon ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย เขาพบว่าร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมากหลังการฝึกบนเขา Kukuroo สามารถผลักคู่ต่อสู้ตกเวทีได้อย่างไม่ยากเย็น ส่งผลให้เขาได้เลื่อนชั้นสู่ระดับ 50 ในทันที

ระหว่างนั้น Gon และ Killua ได้พบกับ Zushi เด็กหนุ่มนักเรียนกังฟูสายเก่าแก่ที่มีเทคนิคลับลึกอย่าง “Ren” ซึ่งทำให้ความสามารถในการต้านทานพลังโจมตีสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ทั้งที่กับคนทั่วไปแล้วการโจมตีนั้นอาจจะสามารถสร้างความเสียหายจนหมดสติได้เลยก็เป็นได้ Gon และ Zushi ต่างมีความมุ่งมั่นที่จะไต่ระดับสู่ชั้นบนสุดให้ได้เช่นเดียวกับ Killua เพื่อไขความลับของพลังที่แท้จริงและก้าวเข้าใกล้เป้าหมายของตัวเอง

การผจญภัยครั้งใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการเอาชนะขีดจำกัดของตนเองได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ สถานที่แห่งนี้​​​​​​​​​​​​​​​​

การผจญภัยของ Gon และ Killua ยังคงดำเนินต่อไปที่ Heavens Arena พวกเขาผ่านด่านต่างๆ ไปอย่างง่ายดาย จนกระทั่งขึ้นมาถึงชั้น 200 ที่ซึ่งระดับของคู่ต่อสู้สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งคู่ได้พบกับ Hisoka ที่เตือนว่าพวกเขายังไม่พร้อมสำหรับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า Wing จึงตัดสินใจฝึกสอนพวกเขาเกี่ยวกับ Nen – พลังชีวิตที่แท้จริงที่ใช้ในการต่อสู้ ซึ่งทำให้ทั้งคู่ตะลึงในความเป็นไปได้และพลังของมัน

Wing ได้เปิด Aura Nodes ให้กับ Gon และ Killua ทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นและควบคุมออร่าของตนเองได้ พวกเขาเรียนรู้อย่างรวดเร็วผ่านการฝึก Ten จนสามารถผ่านด่าน Nen ของ Hisoka ที่ชั้น 200 ได้ในที่สุด

Gon ยืนยันกับ Hisoka ว่าเขามาที่นี่เพื่อฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะเขาให้ได้ Hisoka จึงตกลงที่จะต่อสู้กับ Gon หากเขาสามารถชนะการแข่งขันในชั้น 200 ได้สำเร็จ

เส้นทางสู่ความแข็งแกร่งของ Gon และ Killua ยังอีกยาวไกล แต่ด้วยการค้นพบพลัง Nen และคำมั่นสัญญาที่จะเผชิญหน้ากับ Hisoka พวกเขาก็พร้อมที่จะผจญภัยต่อไปอย่างไม่หวั่นเกรง เพื่อไขว่คว้าความฝันและเอาชนะอุปสรรคที่รออยู่ข้างหน้า​​​​​​​​​​​​​​​​

ในที่สุด Gon ก็ได้ลงสนามต่อสู้ในชั้น 200 กับ Gido คู่ต่อสู้ที่มีลูกข่างวิเศษซึ่งขับเคลื่อนด้วยออร่า ลูกข่างเหล่านี้โจมตี Gon อย่างหนักหน่วง ราวกับถูกทุบด้วยค้อน ถึงแม้จะพยายามหลบหลีก แต่สุดท้ายเขาก็ถูกล้อมจนมุม และแม้แต่กระดูกยังหัก

แต่ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้ Gon สามารถเข้าสู่สภาวะ Zetsu ได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการพื้นฐานของ Nen ทำให้เขาหลบเลี่ยงการโจมตีของลูกข่างได้นานกว่าหนึ่งชั่วโมง จนกระทั่งถูกโจมตีอีกครั้งจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ถึงแม้จะแพ้ แต่ Gon กลับรู้สึกตื่นเต้น เขากลับไปที่ห้องพักและขอโทษเพื่อนๆ ที่ทำให้เป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Wing ที่ห้ามไม่ให้เขาฝึก Nen หรือต่อสู้เป็นเวลาสองเดือน เพื่อให้แผลหายดี Gon จึงสัญญาว่าจะทำตามคำสั่งครูอย่างเคร่งครัด

แม้จะผิดหวังที่ไม่สามารถฝึกฝนได้ชั่วคราว แต่ประสบการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ Gon ได้เรียนรู้บทเรียนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการรู้จักขีดจำกัดของตัวเอง การฝึกฝนอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทาย เขาพร้อมจะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม เพื่อไต่ระดับสู่การเป็นนักสู้ที่ยิ่งใหญ่ต่อไป​​​​​​​​​​​​​​​​

หลังจากที่ Gon หายดีจากการบาดเจ็บ เขาก็พร้อมจะกลับมาฝึกฝน Nen อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ภายใต้การดูแลของ Wing โดยตรง ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้ง Gon และ Killua ต่างมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทักษะของตนเพื่อไขความลับของพลัง Nen ที่ Hisoka ครอบครอง

อย่างไรก็ตาม สามนักสู้ที่เคยท้าทาย Gon มาก่อน ได้กลับมาคุกคามเขาอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาลักพาตัว Zushi เพื่อบีบบังคับให้ Gon ต่อสู้ก่อนกำหนด ถึงแม้จะไม่พร้อม แต่เพื่อช่วยเพื่อน Gon จึงตัดสินใจลงทะเบียนสู้อย่างไม่ลังเล

ความกังวลของ Gon ไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาเอง แต่เป็นห่วง Zushi ที่อาจถูกรังแกต่อไป อย่างไรก็ตาม Killua ให้ความมั่นใจว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เอง ปล่อยให้ Gon โฟกัสกับการฝึกซ้อมเพื่อการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง

ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย แต่มิตรภาพและความไว้วางใจระหว่าง Gon, Killua และ Zushi ก็ยังคงเหนียวแน่น ทั้งสามช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เติบโตไปด้วยกัน ผ่านอุปสรรคต่างๆ บน Heavens Arena แห่งนี้ เพื่อไต่ระดับสู่ฝันของการเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด​​​​​​​​​​​​​​​​

Gon สามารถข่มขู่ให้ Sadaso ถอนตัวจากการแข่งขัน ทำให้เขาและ Killua ชนะไปหนึ่งคู่โดยปริยาย และบังคับให้ Gido กับ Riehlvelt แข่งขันตามกฎ หลังจากนั้น Gon กลับไปฝึกฝนตามปกติจนถึงวันแข่งขัน เขาบอก Wing ว่าจะใช้คันเบ็ดตกปลาต่อสู้

เมื่อเริ่มการแข่งขัน Gon รุกใส่ Gido ทันที แต่คู่ต่อสู้ก็เริ่มหมุนตัวและยิงลูกข่างใส่เขาด้วยท่า Shotgun Blues Gon ตัดสินใจทำลายลูกข่างด้วย Ren แทนที่จะตบมันลง เพื่อสร้างความกระทบกระเทือนทางจิตใจให้ Gido มากขึ้น จากนั้น Gon พยายามเกี่ยวตัว Gido ด้วยคันเบ็ด แต่ไม่สำเร็จ เขาจึงพลิกพื้นกระเบื้องที่ Gido กำลังหมุนอยู่ แล้วเข้าโจมตีทันที Gon ทุบขาเทียมของ Gido จนหัก พร้อมเตือนว่าหากคุกคาม Zushi อีก เขาจะชกหน้า Gon ชนะการแข่งขันคู่นี้

Gon ยินดีกับชัยชนะของ Killua ที่สู้กับ Riehlvelt โดยกล่าวว่า Killua คิดแผนรับมือกับแส้ไฟฟ้าได้ดี ต่อมา Gon เผชิญหน้ากับ Riehlvelt โดยไม่ใช้อาวุธ ส่วน Riehlvelt ชักแส้ไฟฟ้าออกมาตั้งแต่ต้น Gonโยนกระเบื้องพื้นใส่ Riehlvelt แล้วรอจังหวะที่เขาใช้ Aura Burst ส่งตัวหลบ จากนั้นเข้าโจมตีทันที ทำให้ข้อมือของ Riehlvelt หักทั้งสองข้าง Gon เอาแส้ไฟฟ้ามาพันคอ Riehlvelt แล้วทำท่าเหมือนจะเปิดสวิตช์เต็มกำลัง ทำให้ Riehlvelt สลบไปด้วยความกลัว ขณะที่ Gon เดินออกจากสังเวียนอย่างมีชัย Hisoka บอกให้เขาเลือกวันและสถานที่ต่อสู้กัน

Wing แนะนำ Hatsu ให้ศิษย์ทั้งสาม ผลจากการทดสอบด้วย Water Divination แสดงให้เห็นว่า Gon เป็น Enhancer เขาโทรหา Hisoka และนัดต่อสู้กันในวันที่ 10 กรกฎาคมที่ Heavens Arena หลังฝึก Hatsu มาหนึ่งเดือน ความสามารถของ Gon พัฒนาขึ้นมาก จนถึงขั้นที่ Wing พูดว่า Gon ผ่านการสอบ Hunter ลับ ซึ่งผู้ที่จะเป็น Hunter จะต้องรู้ Nen ได้สำเร็จแล้ว Gon สอบถามถึงพัฒนาการของผู้เข้าสอบคนอื่นที่ผ่านมาพร้อมกับเขา และ Wing ก็บอกเขา​​​​​​​​​​​​​​​​

ในการต่อสู้ที่ทุกคนรอคอย Gon พุ่งเข้าใส่ Hisoka อย่างไม่กลัวเกรง แต่นักมายากลผู้เชี่ยวชาญก็สามารถปัดป้องการโจมตีทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องขยับเขยื้อนจากที่เลยแม้แต่น้อย Gon เสียคะแนนให้กับการหลอกล่อของ Hisoka ทำให้เขาตัดสินใจพลิกกระเบื้องพื้นตรงหน้า Hisoka และทำลายมันด้วยการเตะ ปล่อยให้เศษกระเบื้องปลิวไปใส่ ขณะที่ Hisoka กำลังปัดป้องเศษกระเบื้องเหล่านั้น Gon ก็แทรกเข้าไปในจุดอับสายตาและต่อยใส่หน้าของเขา ทำให้ได้สองคะแนน

ช่วงพักระหว่างการต่อสู้ Gon ได้คืนป้ายชื่อให้กับ Hisoka เมื่อทั้งคู่กลับมายืนในท่าของตัวเอง Hisoka ถาม Gon ว่าเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Nen มากแค่ไหน เขาคาดเดาว่า Gon เป็น Enhancer และอธิบายรายละเอียดการทดสอบบุคลิกภาพ ซึ่ง Gon พบว่าแม่นยำมาก Hisoka พุ่งเข้าใส่เขาและทุบตีอย่างรุนแรงจนข้างเดียว โดยที่ตา Gon สามารถติดตามเขาได้ แต่ร่างกายกลับตอบสนองไม่ทัน เขาพยายามเว้นระยะห่างในขณะคิดแผน จนกระทั่งใช้ Gyo และเห็นว่า Hisoka ได้ติด Bungee Gum เอาไว้ที่แก้มของเขา นักมายากลดึงเขาเข้ามาในระยะและปล่อยหมัดหนักใส่

ด้วยสกอร์ 6-2 ที่ Hisoka นำอยู่ Gon ลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก Hisoka เสนอจะให้เขาได้ต่อยฟรีถ้าบอกได้ว่าเขาติด Bungee Gum ตอนไหน โดยให้ตัวเลือกสามข้อ Gon เลือกข้อที่สาม แต่รู้สึกโกรธเมื่อ Hisoka เฉลยว่าเป็นตัวเลือกที่สี่ต่างหาก นั่นคือตอนที่กำลังอธิบายการทดสอบบุคลิกภาพ Gon เสียใจที่ไม่ได้ใช้ Gyo ตั้งแต่แรก แต่ Hisoka ทำให้เขาเข้าใจว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงความสามารถของเขาอยู่แล้ว เมื่อไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ Gon จึงวิ่งเข้าหา Hisoka

ความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น และความคิดริเริ่มของ Gon ทำให้ Hisoka ปล่อยเจตนาฆ่าที่เต็มไปด้วยราคะ Gon สั่นสะท้านแต่ก็สู้ต่อไป เขาโจมตี Hisoka ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ Hisoka พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ฆ่าเด็กชาย จนกระทั่งถูกดึงมาชนกับหมัดของ Hisoka อีกครั้ง Gon สามารถบล็อกหมัดที่สองได้ แต่กรรมการนับว่าเป็นการโจมตีสำคัญ Hisoka เตือนว่าจะโจมตีจากทางขวา ขณะที่เด็กชายหันไป เขาก็หด Bungee Gum ที่ติดอยู่กับเศษหิน ทำให้หินนั้นมาชนแก้มซ้ายของ Gon Hisoka ชนะแบบ TKO และบอกว่าครั้งต่อไปที่พวกเขาสู้กัน จะเป็นการต่อสู้ถึงตาย Gon ยอมรับว่าเขายังอ่อนแอกว่านักมายากลมาก จึงตั้งใจจะฝึกให้แข็งแกร่งขึ้น เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว Gon และ Killua จึงออกจาก Heavens Arena มุ่งหน้าสู่ Whale Island​​​​​​​​​​​​​​​​

Yorknew City arc

การกลับมาเยือนบ้านเกิดของ Gon และ Killua ทำเอา Mito ตกใจ แต่เธอก็รีบเข้ามาจัดการทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว ระหว่างมื้ออาหาร Gon เล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับการสอบ Hunter และแทบช็อกเมื่อเธอพยายามหักบัตร Hunter ของเขา จากนั้น เขาพา Killua ท่องเที่ยวรอบเกาะ และพบว่าเพื่อนหมี Foxbear ของเขาได้ทิ้งปลาไว้ให้เป็นของขวัญต้อนรับการกลับมา

ในคืนที่ทั้งสองนอนมองดาว Gon สารภาพกับ Killua ว่าเขาเป็นเพื่อนคนแรกเลย และชวนเขาออกผจญภัยด้วยกันจนกว่าจะเจอเป้าหมายที่แท้จริง เมื่อถูกถามถึงแม่ของตัวเอง Gon ตอบเต็มปากว่า Mito คือแม่ตัวจริงของเขา พวกเขากลับเข้าบ้านไปเตรียมตัวนอน แล้ว Mito ก็ยื่นกล่องที่ Ging ทิ้งไว้ให้ เธอเล่าเรื่องวัยเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่กับ Ging ซึ่งทำให้ Gon ตัดสินใจจะเรียกชายคนนั้นด้วยชื่อเฉยๆ

ตอนเช้า Gon กับ Killua ลองเปิดกล่องดู แต่ใช้แรงยังไงก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่ง Killua แนะให้ใช้พลัง Nen กล่องจึงแตกออก เผยให้เห็นสัญลักษณ์คล้ายกับที่ปรากฏบนเชือกแห่งคำสัญญาที่ Wing เคยให้ไว้ ข้างในมีกล่องอีกใบซึ่งเปิดได้ด้วยบัตร Hunter พวกเขาพบเทปคาสเซ็ต แหวนที่มีลวดลายเดียวกัน และการ์ดหน่วยความจำในนั้น

ทั้งคู่เลือกฟังเทปคาสเซ็ตก่อน เสียงของ Ging ดังขึ้นมาถามว่า Gon อยากเจอเขาไหม แต่จากนั้นเขากลับบอกว่ารู้สึกละอายที่จะเผชิญหน้ากับลูกชาย เพราะทิ้งเขาไปตามลำพัง พร้อมกระตุ้นให้ Gon ออกตามหาเขาเอง Gon หยุดเทปทันทีก่อนที่ Ging จะเอ่ยถึงเรื่องแม่ เพราะเชื่อว่ามันไม่มีประโยชน์ และยืนยันอีกครั้งว่า Mito คือแม่คนเดียวของเขา ถึงแม้ทั้งคู่จะช่วยกันพยายามเต็มที่แค่ไหน ข้อความในเทปก็ถูกลบทิ้งด้วยพลัง Nen ของ Ging Killuaเดาว่านี่คงเป็นกลเม็ดไม่ให้ใช้เสียงของ Ging ตามหาตัวจริง

เมื่อลองศึกษาการ์ดหน่วยความจำ Killua จำได้ว่ามันเป็นของเกม JoyStation ชื่อ Greed Island Gon ที่ไม่เคยเล่นวิดีโอเกมมาก่อนต้องพึ่งพา Killua คอยให้คำแนะนำ เกมนี้กลายเป็นเกมหายาก ราคาสูงลิบ และสงวนไว้สำหรับ Hunter เท่านั้น แถมเงินในกระเป๋าของพวกเขายังไม่พอจะซื้อแผ่นเกมเลยด้วยซ้ำ และก็ไม่กล้าไว้ใจประกาศขายทางออนไลน์ Killua จึงขอความช่วยเหลือจาก Milluki พี่ชายของเขา ซึ่ง Gon เข้าใจผิดในตอนแรกคิดว่าเป็น Illumi แลกกับการ์ดหน่วยความจำ พวกเขาได้รู้ว่าจะมีเบาะแสบนเว็บไซต์ Hunter และจะมีการประมูลแผ่นเกมหลายชุดในเมือง Yorknew Killua รีบห้าม Gon ก่อนที่จะล็อกอินเข้าไปในเว็บจากคอมที่บ้านได้ทัน​​​​​​​​​​​​​​​​

Gon และ Killua ไปที่บาร์เพื่อล็อกอินเข้าเว็บไซต์ Hunter หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียม พวกเขาได้รู้ว่าเกมนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใช้ Nen สำหรับผู้ใช้ Nen โดยเฉพาะ ซึ่งจะถูกส่งไปยังที่อื่นเมื่อเริ่มเล่น และจะมีการประมูลแผ่นเกม 14 ชุดที่ Yorknew ราคาเริ่มต้นสูงกว่าที่พวกเขาเคยอ่านมาก่อนเสียอีก Gon จึงเสนอให้ไปที่งานประมูลในฐานะผู้ขาย พวกเขาพยายามหาเงินซื้อของมีค่า แต่ความขัดแย้งทำให้ต้องแข่งขันกัน จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม Gon หาเงินได้มากกว่า Killua

ทั้งสองเดินทางไปยัง Yorknew หลังจากเดินเล่นในตลาดสักพัก ก็ได้พบกับ Leorio ซึ่งต่อรองราคาเพื่อซื้อโทรศัพท์ให้พวกเขา เขาสอบถามว่าทั้งคู่เรียน Nen มาหรือยัง โดยอ้างว่าตัวเองเรียนมาแล้ว วันที่ 1 กันยายน พวกเขาแม้แต่ค่าเข้างานประมูลก็จ่ายไม่ไหว Gon กับ Leorio จึงหาข้อมูลทางออนไลน์ Leorio นึกไอเดียออก นั่นคือให้คนจ่ายเงินมาแข่งงัดข้อกับ Gon เพื่อลุ้นรับเพชรเป็นรางวัล Gon เอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดาย จนกระทั่ง Shizuku เข้ามาท้าทาย ถึงแม้จะยากลำบาก แต่เขาก็สามารถเอาชนะได้ Gon และ Killua งงงวยกับตัวตนของเธอ คืนนั้น Gon เผยว่า Leorio ใช้ได้แค่ Ten เท่านั้น

วันต่อมา Gon เอาชนะคู่แข่งได้อีกไม่กี่คน แต่จำนวนคนมาท้าก็ลดลงแล้วเพราะข่าวลือแพร่สะพัด ทั้งที่เขายังไม่มีเงินมากพอเลย คนจากโลกใต้ดินประทับใจกับข่าวลือ จึงเข้ามาหาพวกเขา เนื่องจากแขนของ Gon สั้นเกินไป Leorio จึงต่อสู้แทนและเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ จากนั้นพวกเขาถูกส่งไปยังการประมูลแบบมีเงื่อนไข โดยเงินจะมอบให้เมื่อจับสมาชิกแก๊งโจรได้ ซึ่ง Killua คาดว่าน่าจะเป็น Phantom Troupe Gon โทรหา Kurapika ที่มาสายเกินนัด แต่เขาไม่รับสาย แม้ Killua จะเตือนถึงพลังของแก๊งนี้ แต่ Gon ก็ตัดสินใจจะตามล่าพวกเขา

ทั้งสามแยกย้ายกันไป แต่ไม่พบสมาชิก Phantom Troupe เลย Killua เชื่อว่า Kurapika ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา Gon ยืนกรานว่าเขาจะช่วยเหลือเพื่อนๆ เมื่อพวกเขาต้องการจริงๆ และจะโทรหาเมื่อเขาเองก็ต้องการความช่วยเหลือ Gon เกิดไอเดียเสนอเงินรางวัลจำนวนมากเพื่อแลกกับข้อมูลเกี่ยวกับที่ซ่อนตัวของ Phantom Troupe โดยระบุว่าหากจับสมาชิกได้แม้แต่คนเดียว คนอื่นๆ ก็จะตามมาเอง เขาจำนำใบอนุญาต Hunter เพื่อหาเงินจำนวนที่ต้องการ​​​​​​​​​​​​​​​​

ในวันที่ 3 กันยายน ทั้งสามมุ่งหน้าไปยัง Southernpiece Auction House เพื่อซื้อแคตตาล็อกและตั๋วเข้างาน พวกเขาลงประกาศออนไลน์ เสนอรางวัล 201,115,000 เจนนีเพื่อแลกกับข้อมูลเกี่ยวกับ Phantom Troupe โดยระมัดระวังหลีกเลี่ยงรายงานเท็จและไม่ถูกต้อง ระหว่างทางกลับโรงแรม พวกเขาเดินผ่านการประมูลเงียบ Gon สังเกตเห็นมีดมีค่าชิ้นหนึ่งด้วย Gyo เขาตระหนักว่าอัจฉริยะคนอื่นๆ อาจทิ้งออร่าไว้ในผลงานชิ้นเอกของพวกเขา เด็กชายทั้งสองจึงเริ่มมองหาของชิ้นใดที่มีลักษณะเช่นนั้น

ในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่ามีคนอื่นใช้วิธีคล้ายกับพวกเขา แต่สามารถได้ของมาสามชิ้น โดยแพ้ให้เขาไปหนึ่งชิ้น จากนั้นพวกเขานำของเหล่านั้นไปที่ Southernpiece Auction House แต่ได้รับแจ้งว่าแคตตาล็อกของบ้านประมูลทุกแห่งในเมืองน่าจะเสร็จสิ้นสำหรับปีนี้แล้ว จึงแนะนำให้ไปขายในตลาดพ่อค้าแทน ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามหามูลค่าที่แท้จริงของสินค้า ผู้เชี่ยวชาญที่พวกเขาไปหาให้การประเมินภาพพิมพ์หินและตุ๊กตาทำมืออย่างจริงใจ แต่โกหกเกี่ยวกับมูลค่าของรูปปั้นไม้ Zepile ช่วยป้องกันไม่ให้ Gon และ Killua ถูกหลอกลวง โดยอ้างว่ารูปปั้นนั้นน่าจะเป็นที่เก็บสมบัติ

เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือ พวกเขาเลี้ยงมื้อกลางวันให้เขา ทุกคนเริ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยถามคนละหนึ่งคำถาม Gon และ Killua อธิบายว่าพวกเขาเลือกเฉพาะวัตถุที่มีออร่าล้อมรอบ และที่ Gon ต้องการแผ่นเกม Greed Island เพราะมันอาจมีเบาะแสว่าจะหาพ่อของเขาได้ที่ไหน Zepile เปิดเผยว่าเขาเป็นคนทำแจกันใบที่เด็กชายทั้งสองประมูลตอนที่เขาทำงานเป็นคนปลอมแปลง เขาประทับใจในตัวพวกเขา โดยเฉพาะ Gon ที่ชมทักษะฝีมือของเขา จึงเสนอบริการให้

Zepile เปิดที่เก็บสมบัติไม้ จากนั้นทั้งสามก็นำสมบัตินั้นไปดูตัวอย่างในงานประมูล ซึ่งเพื่อกดราคา บางฝ่ายที่สนใจจึงระบุวิธีที่อาจปลอมแปลงสมบัติในที่เก็บนี้ ถึงแม้ Zepile จะเข้ามาช่วย แต่ลูกค้าก็ยังลังเล Gon อยากรู้จึงถามเขาว่ามีวิธีปลอมแปลงอะไรบ้าง ซึ่งเขาอธิบายเรื่องการเผาไหม้ การชันสูตรศพ และการเจาะทวารเทียม จากนั้นพวกเขาก็ได้รับการติดต่อจาก Leorio ที่ได้เบาะแสจริงเกี่ยวกับ Phantom Troupe Gon และ Killua รีบวิ่งออกไป ทิ้งให้ Zepile รับผิดชอบการประมูลแทน​​​​​​​​​​​​​​​​

Gon, Killua และ Leorio ไปเจอกันที่บาร์ที่มีรายงานว่าเห็น Nobunaga และ Machi Killua ประเมินว่าพวกเขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะรับมือได้ และตระหนักว่าพวกนั้นต้องการล่อให้ใครบางคนออกมา ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสมาชิก Phantom Troupe ทำให้ Gon, Killua และ Leorio เครียดตาม เมื่อ Nobunaga และ Machi เตรียมจะจากไป Gon ยืนกรานที่จะดำเนินแผนต่อ Killua ตกลงจะติดตามพวกเขาด้วย Zetsu โดยมีเงื่อนไขว่าจะถอยทันทีเมื่อเห็นสัญญาณอันตราย เขาถาม Gon ว่ามีประสบการณ์การสะกดรอยหรือไม่ ซึ่ง Gon ตอบว่าเขาเคยตาม Hisoka ตอนสอบ Hunter ทำให้โดน Killua ต่อยเข้าให้

แม้ว่าสมาชิก Phantom Troupe ทั้งสองจะรู้สึกถึงพวกเขาได้ แต่ก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ชัดเจน เมื่อทั้งคู่หยุดกลางลานกว้าง Gon และ Killua ก็แอบซ่อนในตึกร้างที่อยู่ติดกัน เมื่อ Nobunaga มองไปทางของ Killua ทั้งสองพยายามหนี แต่ก็พบว่ามีสมาชิก Phantom Troupe อีกสองคนขวางทางอยู่ Gon วิ่งชนเข้ากับ Pakunoda ก่อนที่ Machi จะกระโดดเข้ามาในห้องทางหน้าต่าง

Phantom Troupe ทั้งสองถาม Gon ว่ารู้จัก “หนุ่มโซ่” หรือไม่ ซึ่ง Gon ไม่ทันได้ว่าคือ Kurapika เมื่อโทรศัพท์ของ Pakunoda ดัง เขาพยายามวิ่งหนี แต่ถูก Machi หยุดไว้ทันที Pakunoda บอกว่า Killua ยอมแพ้แล้ว และพวกเขาทั้งสองถูกนำตัวไปที่ซ่อนของ Phantom Troupe ซึ่ง Gon เห็น Hisoka อยู่ที่นั่น Killua ทำท่าประหลาดใจที่เห็น Shizuku ที่เคยแข่งงัดข้อกับเขาเพื่อชิงเพชร Nobunaga ประทับใจที่ Gon เอาชนะเธอได้ จึงท้าเขาแข่งเกมเดียวกัน เขาเอาชนะ Gon ได้อย่างง่ายดายหลายครั้ง แต่เมื่อเขาเริ่มร้องไห้ขณะพูดถึง Uvogin, Gon โกรธจัด ปล่อยพลัง Nen ออกมาเพราะโมโหที่ Phantom Troupe ไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนที่พวกเขาฆ่า แล้วเขาก็เอาชนะ Nobunaga ได้

Feitan จับตัว Gon ที่กำลังดื้อดึงเอาไว้ แต่ถูก Nobunaga ห้ามไม่ให้ทรมานเขา พร้อมชวน Gon เข้าร่วมกับ Phantom Troupe แต่เด็กชายปฏิเสธ แม้ว่าสมาชิกคนอื่นๆ จะเห็นดีเห็นงามกับการปล่อยตัวพวกเขา แต่ Nobunaga ก็ตัดสินใจให้ทั้งคู่อยู่ต่อจนกว่า Chrollo จะกลับมาเพื่อเสนอชื่อ Gon เป็นตัวแทนของ Uvogin Gon และ Killua ถูกขังอยู่ในห้อง โดยมี Nobunaga เฝ้าอยู่ที่ทางเข้าเพียงทางเดียว​​​​​​​​​​​​​​​​

Gon หยุด Killua เมื่อเพื่อนของเขาเสนอจะเสียสละชีวิตเพื่อให้ Gon หนีรอด ทั้งสองทะเลาะกันจนกระทั่ง Gon นึกถึงกลลวงปลอมแปลงอันที่สาม นั่นคือการเจาะทวารเทียม พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ แต่แทนที่จะเผชิญหน้ากับ Nobunaga พวกเขากลับเตะผนังด้านข้างจนเป็นรู Gon ยังคงทุบต่อไปจนกระทั่งสามารถหลอก Nobunaga และออกไปในทางเดินได้ จากนั้นเขาก็ตะโกนเรียก Killua เพื่อจะได้ช่วยกันเอาชนะ Nobunaga แต่ Killua กลับโน้มน้าวให้ใช้ Zetsu และหนีไป เพราะพวกเขาไม่มีทางชนะเขาอยู่ดี ขณะที่วิ่งหนี Gon รู้สึกโล่งใจที่ Killua กลับมาระมัดระวังตัวเหมือนเดิม เขาประหลาดใจที่ได้ยินว่า “หนุ่มโซ่” น่าจะเป็น Kurapika และตัดสินใจจะติดต่อเขาเพื่อฝึกฝน Nen ให้แกร่งขึ้นเพื่อเอาชนะ Phantom Troupe

ในตอนแรก Kurapika ลังเลที่จะช่วยพวกเขา แต่เมื่อ Gon เล่าถึงความตกใจที่เห็น Nobunaga ร้องไห้ เขาก็สัญญาว่าจะโทรกลับ Gon และ Killua กลับมาที่ที่พักของพวกเขา ซึ่งพบ Leorio และ Zepile กำลังดื่มเหล้ากันอยู่ พวกเขาเล่าเรื่องที่ถูกจับและการกระทำของ Kurapika ไม่นานหลังจากนั้น Gon ก็ได้รับโทรศัพท์จาก Kurapika บอกว่า Phantom Troupe ตายหมดแล้ว

วันรุ่งขึ้น Gon และ Killua แข่งกันกินไอศกรีมระหว่างรอ Kurapika เมื่อเขามาถึง Gon ดีใจบอกว่าในที่สุดเขาก็โฟกัสกับการเอาดวงตาของเผ่าพันธุ์คืนมาได้แล้ว ก่อนที่จะหันไปตะลุมบอนกับ Killua Leorio มาถึงหลังจากขายที่เก็บไม้สำเร็จ Gon และ Leorio ถาม Kurapika เรื่อง Nen เขาอธิบายว่าตนใช้ Vow และ Limitation เพื่อจำกัดเป้าหมายไว้ที่ Phantom Troupe เท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะตาย Killua กลัวว่าสมาชิก Phantom Troupe ที่รอดชีวิตอาจรู้เกี่ยวกับตัวตนและข้อจำกัดของ Kurapika ผ่าน Pakunoda จึงยืนกรานที่จะไปตามล่าพวกเขา

พอดีกับที่พวกเขาตกลงจะกำจัด Pakunoda, Hisoka ก็ส่งข้อความมาบอก Kurapika ว่าศพของ Phantom Troupe เป็นของปลอม Gon โน้มน้าว Killua ให้ล่า Phantom Troupe ต่อแม้ว่ามาเฟียจะยกเลิกรางวัลแล้ว โดยบอกว่าเขามีแผนสำหรับ Greed Island ความมุ่งมั่นของ Gon ทำให้ Kurapika เปลี่ยนใจ ยอมรับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ เขาวางแผนจะใส่โซ่ให้ Pakunoda และพาเธอหนีไปด้วยรถ ซึ่งต้องให้ Gon เบี่ยงเบนความสนใจของ Phantom Troupe อย่างน้อยหนึ่งวินาที Gon คิดย้อนถึงตอนที่ Machi หยุดเขาไว้ สงสัยว่าจะทำได้หรือเปล่า จึงขอให้ Kurapika ใช้ Judgment Chain กับเขา

Kurapika อธิบายความสามารถของเขาให้ Gon ฟังด้วยความชื่นชมในความทุ่มเทของเด็กชาย แต่ปฏิเสธที่จะใช้ Judgment Chain กับพวกเขา Gon บอกว่าแรงกดดันจากการทำให้เพื่อนผิดหวังนั้นแย่กว่าการเสี่ยงชีวิตเสียอีก​​​​​​​​​​​​​​​​

ขณะที่ Killua ติดตาม Phantom Troupe หกคน Gon อยู่ในรถกับ Kurapika และ Leorio เขาได้รับแจ้งว่า Pakunoda และ Nobunaga อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย พวกเขารอคอยที่สถานีรถไฟ แต่ก่อนที่ Gon จะเบี่ยงเบนความสนใจได้ Phantom Troupe ก็เริ่มวิ่งไปทาง Hotel Beitacle Gon และ Kurapika ไล่ตามไปแต่ถูก Chrollo สัมผัสได้ เขาจึงหยุดพร้อมกับ Machi และ Shizuku ผู้ไล่ตามหลบซ่อนทันเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจดจำ เมื่อเห็น Killua อยู่ข้างหลัง Kurapika, Gon ออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาต่อสู้กับ Kurapika โดย Killua แสร้งทำเป็นผู้ไล่ตามคนที่สอง โกหกว่าไม่รู้ว่ามาเฟียยกเลิกรางวัลแล้ว พวกเขาถูก Machi จับตัวไว้และพาไปโรงแรม แต่ก่อนหน้านั้น Gon ถาม Chrollo อย่างใจเย็นว่าเขาฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร แต่ได้รับคำตอบที่ไม่เข้าใจ

Gon กังวลว่าถึงแม้เขาจะบอก Kurapika เรื่องการเบี่ยงเบนความสนใจที่วางแผนไว้ แต่เขาจะทำไม่ได้เพราะไม่รู้ว่า Gon จะลงมือเมื่อไหร่ และเขากับ Killua ถูกพาไปที่ไหน ขณะที่พยายามคิดหาวิธีสื่อสารกับเขา Gon ก็เห็น Leorio ซึ่งส่งข้อความเข้ารหัสบอกเวลาที่วางแผนไว้ โดยแกล้งทำเป็นตะโกนใส่ลูกน้องทางโทรศัพท์

สามนาทีก่อนการประหาร Nobunaga, Pakunoda และ Kortopi มาถึงโรงแรม Gon ทำตาม Killua โดยหลับตาและพยายามถ่วงเวลา Pakunoda แต่เธอสามารถอ่านความทรงจำของพวกเขาได้ก่อนที่ไฟจะดับเพียงเสี้ยววินาที Gon เตะ Pakunoda แต่ไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้ และถูก Nobunaga จับตัวไว้ เมื่อไฟกลับมา Phantom Troupe พบว่า Chrollo หายตัวไป Kurapika ทิ้งข้อความเตือน Pakunoda ไม่ให้เปิดเผยสิ่งที่เธอค้นพบ

Gon และ Killua ถูกพามายังที่ซ่อนของ Phantom Troupe และถูกล่ามโซ่ เมื่อ Phinks และ Feitan เกือบจะต่อสู้กับ Machi, Kortopi และ Pakunoda, Gon ประกาศว่าพวกเขาทำตามคำสั่งของ Kurapika เพียงเพราะต้องการให้ Chrollo กลับมา Phinks กล่าวหาว่าเขาโกหกเพื่อรอดชีวิต ทำให้ Gon โกรธจัดจนหลุดจากการถูกจับ เขายืนยันว่า Kurapika จะไม่ละเมิดเงื่อนไขที่ตั้งไว้ด้วยความโกรธ Pakunoda ได้รับอนุญาตให้พา Gon และ Killua ไปที่สนามบิน Lingon ระหว่างทาง Pakunoda ถามว่าทำไมพวกเขาไม่หนีจากเธอทั้งที่บาดเจ็บ แต่ Gon ตอบว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ Kurapika กลายเป็นฆาตกร

เมื่อกำลังจะขึ้นยานลอยฟ้า Hisoka ปรากฏตัวขึ้นและข่มขู่ว่าจะฆ่า Gon กับ Killua ถ้าเขาไม่ได้ต่อสู้กับ Chrollo Kurapika อนุญาตให้เขาขึ้นไปด้วย และการแลกเปลี่ยนตัวประกันก็เสร็จสิ้น ขณะที่กำลังกลับ Gon รู้สึกเศร้าที่ได้ยินว่าภารกิจของ Kurapika ในการต่อต้าน Phantom Troupe ยังไม่จบ​​​​​​​​​​​​​​​​

Greed Island arc

ในวันที่ 6 กันยายน Gon หวังว่าไข้ของ Kurapika จะยังไม่หายไปสักพัก เพื่อเขาจะได้ไม่ไล่ล่า Phantom Troupe ที่เหลืออยู่ ต่างจาก Killua เขามั่นใจว่าการแก้แค้นไม่ใช่เป้าหมายของ Kurapika อีกต่อไป เขาเล่าให้เพื่อนฟังถึงแผนการที่จะให้ Battera จ้างพวกเขาเป็นผู้เล่นแทนที่จะพยายามซื้อเกม ซึ่ง Killua คิดว่าน่าจะสำเร็จ พวกเขามุ่งหน้าไปยัง Southernpiece Auction House ซึ่งพบกับ Phinks และ Feitan Phinks ตัดทางถอยของพวกเขาและประกาศว่าจะไม่ไล่ล่า Kurapika เพราะ Nen ของเขาอาจแข็งแกร่งขึ้นหลังจากตายและอาจเป็นภาระมากเกินไปสำหรับ Chrollo Gon ถามถึง Pakunoda และรู้สึกไม่พอใจที่รู้ว่าเธอตายแล้ว Phinks บอกเขาว่าเธอขอบคุณเขาและ Killua

เมื่อการประมูลเริ่มขึ้น Gon พบว่าตลับเกมไม่ได้ขายโดย Ging แต่เป็น Hunter ชื่อ Jeitsari เขาบังเอิญประมูลเกมเป็นสองเท่า แต่โชคดีที่ Battera ประมูลสูงกว่า ภายหลัง Gon และ Killua เข้าหา Battera อ้างว่าเป็น Hunter และเสนอตัวเล่นเกมแทนเขา ในตอนแรกเขาไม่เชื่อ แต่ตกลงให้ Tsezguerra ประเมินพวกเขาอย่างไม่เป็นทางการเมื่อ Gon เปิดเผยว่าเขามีไฟล์เซฟของเกมและแหวน Tsezguerra ขอให้เด็กชายทั้งสองทำ Ren แต่ความสามารถของพวกเขาถูกประเมินว่าไม่เพียงพอ​​​​​​​​​​​​​​​​

เมื่อ Gon โมโหใส่ Tsezguerra ทั้งสองจึงสัญญาว่าจะผ่านการทดสอบของเขาในวันที่ 10 กันยายน แทนที่จะฝึก Ten และ Ren เหมือนปกติ Killua แนะนำให้ใช้เวลาสี่วันที่เหลือสร้างความสามารถ Nen แต่ Gon ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน เมื่อ Kurapika ฟื้นตัว Gon พยายามโน้มน้าวให้เขาอยู่ใน Yorknew อีกสักพักแต่ไม่สำเร็จ เขาขอให้ Kurapika เป็นครูของเขา แต่ Kurapika ปฏิเสธและแนะนำให้ Gon โทรหาอาจารย์ของเขาเอง

Wing ย้ำว่า Gon ไม่ควรสร้างความสามารถอย่างลวกๆ แต่ควรแสดงทุกเทคนิคที่เขาเรียนรู้ให้ Tsezguerra เห็นพร้อมกัน ความขัดแย้งระหว่าง Ren และ Zetsu ทำให้เขาหมดหวังในตอนแรก จนกระทั่งเขานึกออกว่าสามารถใช้ Gyo เพื่อโฟกัสออร่าในจุดเดียวและปิดการทำงานที่อื่นได้ Gon ฝึกลำดับของ Ten, Gyo และ Zetsu เพื่อรวมออร่าทั้งหมดที่หมัดก่อนเพิ่มขึ้นด้วย Ren ขณะที่เขาฝึก Zepile ก็หาเงินให้เขามากพอที่จะซื้อใบอนุญาต Hunter คืน

ในวันสัมภาษณ์ Gon รอในที่นั่งอย่างใจเย็นจนถึงตาของเขา หลังจาก Killua เข้าไป เขาผ่านการทดสอบโดยแสดง Ko แก่ Tsezguerra และใช้มันชกกำแพงตามคำขอ เด็กชายทั้งสองผ่านการคัดเลือกและหลังจากให้ Leorio ดูสัญญาแล้วก็ขึ้นรถไฟไปยังปราสาทของ Battera

ผู้เล่นที่ถูกจ้างใหม่แข่งเป่ายิ้งฉุบเพื่อตัดสินลำดับการเข้าสู่เกม Gon เป็นคนแรกที่เข้าถึงเกมด้วยไฟล์เซฟที่ Ging ทิ้งไว้ให้​​​​​​​​​​​​​​​​

เมื่อ Gon เข้าสู่เกม เขาพบกับ Eta ซึ่งเปิดข้อความที่ Ging ทิ้งไว้ให้เขา ระบุว่าเกมนี้ไม่มีเบาะแสอะไรเลย และ Ging แค่อยากแสดงมันให้เขาเห็นเท่านั้น จากนั้น Eta ก็อธิบายกลไกของเกมให้เขาฟัง ทันทีที่เขาออกจาก Starting Point เขารู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาที่ตัวเอง เขารอ Killua อย่างกระวนกระวายขณะที่ผู้เล่นคนอื่นๆ ที่ Battera จ้างมาใหม่เข้ามาในเกมทีละคน เมื่อ Killua เข้ามา พวกเขาเล่นเป่ายิ้งฉุบเพื่อตัดสินใจว่าจะไปทางไหน ซึ่ง Gon ชนะ พวกเขาเริ่มเดินเตร่ในทุ่งหญ้าจนกระทั่ง Latarza เข้ามาหา เขาเข้าใจได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นผู้เล่นใหม่และใช้ “Trace” กับ Killua ก่อนที่จะถอยหนีไปเมื่อรู้สึกได้ถึงความกระหายเลือดของเด็กชาย

พวกเขามุ่งหน้าไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด Antokiba ขณะสงสัยเกี่ยวกับ spells ที่ใช้กับ Killua ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเวทมนตร์จากในเกม พวกเขาทำความคุ้นเคยกับการแข่งขันประจำเดือนที่จัดขึ้นในเมือง ระบบแปลงการ์ด และสกุลเงินที่ใช้ในเกม โดยความรู้ชิ้นหลังได้มาด้วยการทำงานในร้านอาหารสองสามชั่วโมงหลังจากกินอาหารไปโดยไม่รู้ว่าเจนนีไม่ใช่สกุลเงินที่ยอมรับ เมื่อได้ยินเสียงอื้ออึง พวกเขาวิ่งไปหาและพบ Jeet นอนตายโดยมีช่องท้องระเบิดจากด้านใน เด็กชายทั้งสองกลัวว่า spells ที่ใช้กับ Killua อาจมีผลคล้ายกัน แต่ Nickes รับรองว่าไม่มี spells แบบนั้นบนเกาะ ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นผู้เล่นคนอื่น เขาชวนพวกเขาเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรของเขา อ้างว่ามีวิธีจบเกมที่ชัวร์และไร้ความรุนแรง​​​​​​​​​​​​​​​​

Gon และ Killua ในตอนแรกรู้สึกสงสัย แต่ยอมรับที่จะตามเขาไปเมื่อเขาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ spells และสอนพวกเขาวิธีเรียกไบน์เดอร์เมื่อมีผู้เล่นคนอื่นเล็งพวกเขาไว้ มีสมาชิกใหม่คนอื่นๆ ที่เข้าร่วมการประชุมด้วย เช่น Biscuit, Abengane และ Puhat Genthru อธิบายว่าไม่มี spells ใดในเกมที่ทำร้ายผู้เล่นได้ และ spells ที่ใช้กับสมาชิกใหม่ก็เพื่อรวบรวมข้อมูลเท่านั้น เขาอ้างว่า Jeet ถูกฆ่าโดยผู้เล่นที่โหดเหี้ยมที่รู้จักกันในชื่อ “The Bomber” จากนั้น Gon, Abengane และ Killua ก็เดาวิธีการรวบรวมการ์ดทั้งสามแบบ Nickes ชักชวนพวกเขาให้เข้าร่วมเพื่อยุติความรุนแรงในเกมได้

Gon ขอโทษ Killua และปฏิเสธข้อเสนอ เขารู้สึกกังวลกับวิธีที่ Nickes พูดถึงสิ่งที่ Ging สร้างขึ้น เขาสารภาพว่าเขารู้สึกผิดหวังที่ผู้เล่นจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้การ์ดมา เขาตัดสินใจทำตามคำแนะนำของพ่อและสนุกกับเกม บอก Killua ว่าเขามีความสุขแค่ไหนที่พวกเขาได้มาที่นี่ด้วยกัน โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวว่า Biscuit กำลังแอบสอดแนมพวกเขาอยู่ เธอตั้งใจจะทำลายมิตรภาพของพวกเขา จากนั้น Gon ก็สอนเคล็ดลับชนะเป่ายิ้งฉุบให้ Killua ซึ่งเขาเรียนรู้มาจากชาวประมงคนหนึ่ง วิธีนี้คือการมองกำปั้นของคู่แข่งอย่างระมัดระวังก่อนจะปล่อยมือ

ทั้งคู่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของการแข่งขันประจำเดือน ซึ่งเป็นการแข่งเป่ายิ้งฉุบ Killua เอาชนะ Gon ได้ด้วยการสลับมือในวินาทีสุดท้าย และได้การ์ด “Sword of Truth” ซึ่งเป็นการ์ดสล็อตระบุแรก พวกเขาคิดหาวิธีป้องกันรางวัลของพวกเขาโดยไม่ใช้ spells แต่พบว่ามีคนติดตามพวกเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของพวกเขาก็สามารถขัดขวางความพยายามของผู้เล่นสองคนแรกที่พยายามจะแย่ง “Sword of Truth” จากพวกเขา โดย Gon คว้าการ์ด spells จากมือของผู้เล่นคนที่สามก่อนที่เขาจะทันร่าย แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกล้อมโดยกลุ่มผู้เล่นที่มีฝีมือและเสียการ์ดไป พวกเขาจึงตัดสินใจไปที่ Masadora เพื่อหา spells

พวกเขาแลกการ์ดเป็นเงินและซื้อแผนที่สเก็ตช์ของเกาะ พวกเขาตื่นเต้นที่ได้รู้ว่ามีมอนสเตอร์และโจรซุ่มซ่อนอยู่ระหว่างทางไป Masadora ก่อนจะออกเดินทาง Biscuit ขอร้องพวกเขาให้เธอไปด้วย​​​​​​​​​​​​​​​​

ถึงแม้ Gon กับ Killua จะวิ่งเร็ว แต่ Biscuit ก็ตามทันพวกเขาได้ ในช่วงหนึ่ง พวกเขาดูเหมือนโดนโจรดักซุ่มโจมตี แต่กลับมาอ้อนวอนขอเงินเพื่อไปซื้อยารักษาโรคระบาดร้ายแรง Gon กับ Killua ให้เงินแทบทุกบาทที่มีไป แต่กลับไม่ได้อะไรกลับมาอย่างน่าประหลาดใจ ทันทีที่ออกจากป่าเข้าสู่ทุ่งกันดาร พวกเขาก็ถูกยักษ์ Cyclops โจมตี หมัดของ Gon ไม่มีผลกับพวกมัน แต่พวกเขาสามารถเอาชนะทั้งกลุ่มได้อย่างง่ายดายเมื่อ Killua พบจุดอ่อนที่ตา พวกเขาต้องหนีเมื่อถูกจิ้งเหลน Melanin Lizard เห็น

พวกเขาเสียเวลาสิบนาทีพยายามจับ Hyper Puffball และต่อมาก็ Bubble Horse แต่ไม่สำเร็จ ทั้งคู่พยายามสู้กับมอนสเตอร์ต่างๆ ในเกม Greed Island ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็พ่ายแพ้ จนกระทั่งเห็นชุดเกราะเดินมาหาพวกเขา Biscuit บอกอย่างร้อนรนให้พวกเขาใช้ Gyo ซึ่งทำให้พวกเขาพบ Radio Rat ที่ควบคุมชุดเกราะอยู่และเปลี่ยนมันเป็นการ์ด Biscuit ประกาศตัวเป็นครูสอน Nen คนใหม่ของพวกเขา

หลังจากแนะนำตัว เธอเผยว่าเคยเป็นครูของ Wing และพาเด็กชายทั้งสองดูว่าเธอเอาชนะมอนสเตอร์ที่พวกเขาสู้แทบไม่ได้ อ้างว่ามีผู้เล่นอีกมากที่สามารถสังหารพวกเขาได้ จากนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงความกระหายเลือดของ Binolt และแกล้งทะเลาะกับพวกเขาเพื่อล่อให้เขามุ่งเป้าไปที่เธอตอนที่เธอแยกตัวไปคนเดียว หลังจากเดินอ้อม Gon กับ Killua ก็มาถึงทันเวลาพอดีเห็นเธอเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างง่ายดาย​​​​​​​​​​​​​​​​

Gon ถาม Biscuit ว่าทำไมเธอถึงมาที่ Greed Island หลังจากที่เธอบอกว่าต้องการได้ Blue Planet เธอก็ถามกลับไป Gon แปลกใจที่พบว่าเธอเคยได้ยินเรื่องพ่อของเขา ซึ่ง Netero อ้างว่าเป็นหนึ่งในผู้ใช้ Nen ที่ดีที่สุดในโลก สำหรับการฝึกครั้งแรก เธอให้ Gon กับ Killua สู้กับ Binolt เป็นเวลาสองสัปดาห์ในสนามหินผา พวกเขาไม่สามารถเข้าหาเขาได้จนกระทั่ง Gon ทำตาม Killua ใช้ Ko ชกกำแพงและใช้ก้อนหินเป็นโล่

ครึ่งวันต่อมา พวกเขาล้อมรอบ Binolt ด้วยก้อนหิน บังสายตาของเขา Gon สร้างจุดเบี่ยงเบนความสนใจ ทำให้ Killua กดเขาลงกับพื้นได้ แต่ Gon หยุดเขาไว้และยืนกรานที่จะฝึกต่อไปตลอดสองสัปดาห์จนกว่าพวกเขาจะรับมือเขาได้ตัวต่อตัว เขาปล่อยให้ Binolt พักผ่อน โดยจะปลุกเขาเมื่อพยายามใช้ Zetsu ภายในวันที่สิบ ทั้ง Gon และ Killua ก็แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะเขาได้ เขายอมรับมัน แต่ Gon ขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือพวกเขา ตามที่เขาหวังไว้ Binolt สัญญาว่าจะออกจากเกาะและมอบตัว​​​​​​​​​​​​​​​​

Biscuit Krueger หยุดความคืบหน้าของเกมของพวกเขาและมุ่งเน้นไปที่การฝึกสองเด็กชายทั้งร่างกายและ Nen เธอเริ่มต้นด้วยการให้พวกเขาวิ่งไป Masadora ภายในสามชั่วโมงและกลับมาภายในสองชั่วโมงครึ่ง ซึ่งทั้งสองทริปทำให้ Gon หอบ แทนที่จะซื้อ spells เธอได้พลั่วสองอันและรถเข็น สั่งให้นักเรียนของเธอขุดทางไป Masadora การฝึกนี้เหนื่อยมาก และที่แย่ไปกว่านั้น Biscuit ให้พวกเขานอนขณะที่ให้ส่วนหนึ่งของสมองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เวลานอนของ Gon ลดลงอย่างมาก หลังจากผ่านไปสองสามวัน Gon ก็นึกไอเดียห่อพลั่วด้วยออร่าของเขา ซึ่งเป็นการค้นพบ Shu สิ่งนี้ทำให้พวกเขาก้าวหน้าได้เร็วขึ้นมาก แต่ก็เหนื่อยเร็วขึ้นเช่นกัน

ความสามารถของพวกเขาค่อยๆ พัฒนาขึ้นและในที่สุดก็ไปถึง Masadora แต่กลับต้องกลับไปที่ทุ่งกันดารอีกครั้ง Biscuit ให้พวกเขาเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ทุกตัวในพื้นที่ โดย Gon ตามหลัง Killua สองสัปดาห์ระหว่างพยายามจับ Bubble Horse จากนั้น Biscuit ก็แนะนำพวกเขาให้รู้จัก Ko ซึ่ง Gon รู้ว่าเป็นการโจมตีพิเศษของเขา เธอบอกว่าการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับ Ko คือ Ken ซึ่งเป็นสถานะ Ren ที่ยืดเยื้อ เธอใช้หมัดที่ห่อหุ้มด้วย Ko กระแทก Gon ทำให้เขาเลือดออก ทำให้ทั้งสองตระหนักถึงพลังของเทคนิคนี้ เธอลองอีกครั้ง คราวนี้รอให้ออร่าของ Gon หมดไป ซึ่งใช้เวลาประมาณสองนาที​​​​​​​​​​​​​​​​

หลังจากฝึก Shu และ Ken กับ Biscuit มาหนึ่งเดือน Gon ก็สามารถใช้ Ken ได้นานถึง 30 นาทีแล้ว บทเรียนถัดมาที่เธอสอนคือ Ryu ซึ่งเป็นการเปลี่ยนทิศทางของ aura อย่างฉับพลันโดยใช้ Gyo เพื่อการต่อสู้ เธอให้พวกเขาฝึกฝนโดยการต่อสู้กันเอง ตอนแรกพวกเขาก็ทำช้าๆ แต่ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ก็สามารถใช้ Ryu ในความเร็วที่ใช้ต่อสู้ได้แล้ว เธอจึงแนะนำให้พวกเขาฝึกตาม Nen type ของตัวเอง

หลังจากเรียนรู้ที่มาของเกมเป่ายิ้งฉุบ Gon ก็นำมาใช้เป็นพื้นฐานในการสร้าง Nen ability ของเขา เทคนิค Enhancement ที่เรียกว่า Rock นั้นใช้ได้ผลดี แต่เขายังไม่สามารถปล่อย aura ออกมาเป็น Paper ได้ เขาจึงตัดสินใจทำ Scissors ให้เป็นเทคนิค Transmutation แทน และจะท่องคาถาในขณะที่กำลังเก็บพลังโจมตี เมื่อรู้ว่าใกล้วันปีใหม่แล้ว Gon ก็เตือน Killua ถึงกำหนดเวลาสอบ Hunter ที่ใกล้เข้ามา พวกเขาจึงไปที่ Masadora เพื่อไปเรียนรู้วิธีออกจากเกาะ และหลังจากเอาชนะ Wolf Pack กับ Harbormaster ได้แล้ว Killua ก็ออกจากเกาะไป Gon แนะนำให้เขาขอให้ Kiriko พาไปที่สนามสอบ ส่วน Gon เองก็ฝึกฝนต่อในขณะที่ Killua ไม่อยู่

ไม่นานหลังจากแยกจากกัน Gon กับ Biscuit ก็ได้พบกับ Abengane ซึ่งบอกพวกเขาว่า Genthru คือ Bomber และเล่าเรื่องราวของ alliance ให้ฟัง พร้อมขอร้องให้พวกเขาช่วยแก้แค้นและหยุดไม่ให้ Genthru เคลียร์เกมนี้ หลังจากที่เขาจากไป Gon ถาม Biscuit ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะฝึก Nen ability ของเขาจนคล่อง เธอตอบว่าต้องใช้เวลาเป็นปี แต่เขาก็ใกล้จะทำได้อย่างที่หวังไว้แล้ว Gon คิดจะไปที่ซ่อนตัวของ alliance Biscuit คิดว่าพวกเขาอาจช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ที่ซ่อนตัวนั้นอาจมีเบาะแสที่เป็นประโยชน์หากต้องเจอกับ Bomber ในภายหลัง พวกเขาจึงไปที่ Masadora เพื่อซื้อ spell cards และเดาจากการส่งมอบครั้งใหม่ว่าสมาชิก alliance น่าจะตายไปแล้ว พวกเขาพบการ์ดหายากอย่าง “Fortress” และครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับมัน โดย Gon อยากให้ Killua อยู่ด้วย

Gon ฝึก Emission และ Ryu ต่อไปเรื่อยๆ โดยมีพัฒนาการสม่ำเสมอ Gon กับ Biscuit ต้อนรับ Killua เมื่อเขากลับมาหลังผ่านการสอบ Hunter พวกเขาให้เขาดูแลการแจกการ์ด และเพื่อให้คุ้นเคยกับการร่ายคาถา Killua ให้ Gon ลองใช้ “Contact” พวกเขาตกใจที่เห็นชื่อ “Chrollo Lucilfer” ในสมุดของเขา จึงเล่าประวัติความเป็นมากับ Kurapika และ Phantom Troupe ให้ Biscuit ฟัง ซึ่งเธอก็ได้เล่าเรื่อง Exorcism ให้พวกเขาฟังเช่นกัน Killua ออกจากเกมไปสักพักเพื่อโทรหา Kurapika และกลับมาบอก Gon ว่าเพื่อนของพวกเขาไม่แปลกใจกับข่าวนี้ และผู้เล่นไม่ใช่ Chrollo ตัวจริง ตามคำเชิญของ Biscuit Gon ได้แสดงต้นแบบของ Paper และ Scissors ให้ Killua ดู พวกเขาทะเลาะกันเล็กน้อยเรื่องการตัดสินใจร่ายคาถาระหว่างเตรียมร่างของ Gon ซึ่ง Biscuit เห็นด้วยเพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติของเขา​​​​​​​​​​​​​​​​

Gon, Killua และ Biscuit เริ่มเล่นเกมอย่างจริงจัง โดย Gon ใช้เทคนิค Rock เพื่อให้ได้ King White Stag Beetles มา 3 ตัว แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถผูกขาดได้ พวกเขาได้ “Gold Dust Girl” คนละหนึ่งและ “Paladin’s Necklace” จากการแข่งขันประจำเดือนที่ Antokiba ซึ่งพวกเขาทำสำเนาก่อนจะแปลงมันเพื่อให้ Gon สวมใส่ได้ ระหว่างทางไป Dorias พวกเขาเก็บ “Witch’s Love Potion”, “Risky Dice” และ “Memory Helmet” ได้ Kazsule ซึ่งเอา “Sword of Truth” ไปจากพวกเขา ได้ติดต่อมาเพื่อแลกเปลี่ยน พวกเขาแลก “Witch’s Love Potion” หนึ่งขวดกับ “Book of V.I.P. Passes” หนึ่งเล่ม Killua ชนะ “Rainbow Diamond” และ “Fledgling Gambler” ได้ด้วยความช่วยเหลือจาก Risky Dice จนกระทั่ง Biscuit ต้องจับเขาสลบเพื่อหยุดการเสพติดการพนันที่กำลังก่อตัวของเขา

หลังจากผ่านการทดสอบมากมาย ภายในเวลาหนึ่งเดือน พวกเขาสามารถเก็บ specified slot card ได้ทั้งหมด 50 ใบ รวมถึง “Fledgling CEO”, “Doyen’s Growth Pills” และ “Staff of Judgment” Gon แปลกใจที่พวกเขาสามารถเปลี่ยนไอเท็มหายากเป็นการ์ดได้มากขนาดนี้ ทำให้ Killua สรุปว่าคงไม่มีทีมที่แข่งขันได้มากนัก คำพูดของ Gon จุดประกายให้ Killua เข้าสู่ธุรกิจแลกเปลี่ยน “Leave” card ให้กับผู้เล่นอ่อนแอเพื่อแลกกับ rare card ทำให้จำนวนการ์ดของพวกเขาเพิ่มเป็น 57 ใบ และต่อมาเพิ่มเป็น 61 ใบ (51 ใบหากไม่นับรวมการ์ดซ้ำ) พวกเขาตั้งใจจะหาการ์ดด้วยตัวเองต่อไป พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนการ์ดและข้อมูลกับผู้เล่นที่พบเจอ

ด้วย Paladin’s Necklace Gon พบ “Favor Cushion” ปลอมและได้รับของจริงมา สิ่งนี้ทำให้เขาสงสัยว่าจะสามารถรักษาชาวบ้านที่พวกเขาบริจาคข้าวของให้ได้หรือไม่ การกุศลของพวกเขาทำให้ชาวบ้านไว้วางใจ และสร้อยคอก็รักษาพวกเขาได้ ชาวบ้านตอบแทนด้วยการมอบ “Wild Luck Alexandrite” ให้ Kazsule ติดต่อพวกเขาอีกครั้ง เสนอที่จะตั้ง alliance เพราะ Genthru ใกล้จะเคลียร์เกมแล้ว โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสามารถของ Genthru พวกเขาได้ rare card มาสองใบ ความเต็มใจร่วมมือของ Gon ทำให้พวกเขาได้รับข้อมูลสำคัญมากมาย Alliance ตัดสินใจที่จะผูกขาดหนึ่งในสี่การ์ดที่ทีมของ Genthru ยังไม่มี และเลือก No.2 ซึ่งยังไม่มีผู้เล่นคนไหนได้ และพบว่ามันอยู่ที่ Soufrabi​​​​​​​​​​​​​​​​

การเดินทางของ Gon และผองเพื่อนดำเนินต่อไป เมื่อ NPC คนหนึ่งเสนอที่จะชี้ตำแหน่งของ “Plot of Beach” ให้ หากพวกเขาสามารถขับไล่ Razor และ 14 Devils ของเขาออกจากเมืองได้ Alliance จึงมุ่งหน้าไปที่บาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งพบกับโจรสลัด 4 คน เมื่อขอให้พวกเขาออกไป Bopobo ท้าทายให้พวกเขาผลักเขาออกจากวงไฟ Zeho อาสาไปก่อน แต่ถูกจับได้อย่างง่ายดาย โจรสลัดถือเขาเหนือกองไฟ Gon จึงเตะเขาเพื่อบังคับให้ปล่อย Killua หยุด Gon ไว้ก่อนจะใช้ Rock และรับหน้าที่สู้กับ Bopobo เอง เขาเอาชนะได้ ทำให้สมาชิก Alliance ถูกพาไปที่ยิมในประภาคารซึ่ง Razor และโจรสลัดคนอื่นๆ ท้าทายคู่ต่อสู้ในกีฬาต่างๆ

กีฬาแรกคือมวยสากล โจรสลัดที่รับผิดชอบเอาชนะ Montreux ได้ โดยมีเพียง Gon, Killua และ Biscuit เท่านั้นที่เข้าใจว่าเขาทำได้อย่างไร เมื่อตระหนักว่าพันธมิตรของพวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะใช้ประโยชน์ได้ ทีมของ Gon จึงยอมแพ้ไปพลางเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันให้ได้มากที่สุด ในที่สุด Alliance ก็แพ้และสลายตัว โดยเดาว่า Bomber คงไม่สามารถตั้งกลุ่ม 15 คนที่จำเป็นเพื่อชนะการ์ดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม Gon, Killua, Biscuit และ Goreinu ตัดสินใจลองใหม่หลังจากหาพันธมิตรที่แข็งแกร่งกว่านี้

สี่สหายช่วยกันคิดหาเพื่อนร่วมทีมที่มีศักยภาพจากรายชื่อที่พวกเขามี โดย Gon เสนอ Binolt แต่เขาอาจตายไปแล้วหรือออกจากเกมไปแล้ว เขาจึงเสนอให้หาว่า “Chrollo” คือใคร เพราะการใช้นามแฝงคงไม่สมเหตุสมผลหากแค่ Spider ที่ต้องการเคลียร์เกม ซึ่งพวกเขาคิดว่าไม่น่าใช่ ถึง Killua จะคัดค้าน แต่ Gon ก็ยืนกรานจะหาให้รู้ว่าเป็นใคร พวกเขาเทเลพอร์ตไปหาเขาและพบว่า “Chrollo” คือ Hisoka ที่บอกว่ากำลังตามหา Chrollo อยู่ในเกม Biscuit เชิญเขามาร่วม Alliance เพื่อเอาชนะ Razor พร้อมกับบอกเป็นนัยกับคนอื่นๆว่าเขากำลังโกหก Hisoka พาพวกเขาไปที่ Aiai ซึ่งการจ้องมองของเขาทำให้ Gon กับ Killua รู้สึกอึดอัดใจ หลังจากตกหลุมพรางเหตุการณ์โรแมนติกตามสูตรของเมืองนี้แล้ว Gon เสนอขอความช่วยเหลือจาก Tsezguerra แม้ว่าเขาจะใกล้เคลียร์เกมแล้วก็ตาม เขาขอให้ Hisoka ตรวจสอบรายชื่อคนที่ติดต่อได้ในสมุดของเขาว่ามี Tsezguerra หรือไม่ ซึ่งเขามีจริงๆ​​​​​​​​​​​​​​​​

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ Goreinu ต่อรองกับ Tsezguerra และเขาก็ตกลง Killua ต้องการทดสอบความสามารถของเขาก่อน เขาและ Gon ประทับใจกับความสามารถในการกระโดดของเขา และสามารถทำลายสถิติของเขาได้ในความพยายามครั้งแรก Gon ท้าทาย Killua หลายครั้งแต่ก็แพ้ทุกครั้ง

กลุ่มพันธมิตรของพวกเขามีสมาชิกเก้าคน แต่ละคนเลือกกีฬาที่เหมาะกับความสามารถของตน Gon วางแผนจะชกมวยในตอนแรก แต่เมื่อ Barry อาสา เขาจึงได้รับมอบหมายให้เล่นวอลเลย์บอลกับ Tsezguerra หลังจากฝึกซ้อมเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังประภาคาร โดยได้ชักชวนผู้เล่นอีกหกคนเพื่อให้ได้จำนวนที่จำเป็น Barry, Kess และ Rodriot เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ หลังจากนั้น Razor วางแผนที่จะเข้าร่วมเกมด้วยตัวเอง Bopobo ยุยงให้เกิดการก่อกบฏ แต่ถูก Razor ฆ่าตาย

จากนั้น Razor ท้าทายพวกเขาให้เล่นเกมปาลูกบอลด้วยความช่วยเหลือจาก Nen beast ทั้งเจ็ดของเขา ซึ่งทำให้พันธมิตรมีปัญหา เนื่องจากผู้เล่นที่อ่อนแอกว่าปฏิเสธที่จะเข้าร่วม Gon ยังคงเชื่อว่าเขาเป็น NPC จึงถาม Razor ว่า Bopobo ทำอะไรถึงสมควรตาย และรู้สึกตกใจที่ได้ยินว่าเขาเป็นนักโทษประหารและ Greed Island เกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง เขาจึงสอบถามว่า Ging อยู่บนเกาะหรือไม่ ซึ่งทำให้ Razor จำ Gon ได้ในฐานะลูกชายของเขา และพร้อมที่จะเต็มที่ตามที่พ่อของเขาร้องขอ Goreinu ใช้ความสามารถของตนเองเพื่อให้พวกเขามีผู้เล่นแปดคนและการแข่งขันก็เริ่มขึ้น

พันธมิตรกำจัด Nen beast สองตัวของ Razor ก่อนที่เขาจะโต้กลับ Gon และ Killua สามารถติดตามการส่งบอลด้วยความเร็วแสงของเขาและเตือน Tsezguerra ซึ่งตอบสนองทันเวลาที่จะอยู่รอด แม้ว่าเขาจะถูกกำจัดออกไปแล้วก็ตาม Gon บอกให้ Hisoka ใช้ Bungee Gum กับลูกบอลเพื่อพวกเขาจะได้โยนต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดทีมของ Razor ก็เรียกลูกบอลคืนมาได้ เขาตั้งเป้าที่จะโยนใส่ Gon ซึ่งป้องกันตัวเองด้วย Ko แต่เนื่องจากเขาละเลยที่จะเสริมแรงขาของเขา เขาจึงถูกโยนเข้ากำแพงและถูกกำจัดออกไป Gon กระตือรือร้นที่จะรับลูกโยนครั้งต่อไปของ Razor โดยประกาศว่าเขาจะเป็นคนตะโกน “Back” Killua โน้มน้าว Gon ให้รออีกจนกว่าจะเหลือผู้เล่นในทีมเพียงสองคน เมื่อ Biscuit ถูกกำจัดออกไป Gon ก็เดินกลับมาที่สนาม เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความโกรธจนสามารถโน้มน้าว Killua ได้ว่าเขาต้องจับลูกโยนของ Razor เพื่อจะชนะจริงๆ เขาให้ Killua ถือลูกบอลและเริ่มชาร์จ Rock

เขาสามารถกำจัด Nen beast ที่แข็งแกร่งที่สุดของ Razor ได้ แต่ก็ยังไม่พอใจ เพราะเขาต้องการพลังมากขึ้นเพื่อกำจัด Razor เขาสะสมออร่าอีกครั้งก่อนที่จะปล่อยหมัดที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม Razor ฆ่าแรงเหวี่ยงของลูกด้วยการกระแทก ทำให้ Gon ตกตะลึง Hisoka รับลูกด้วย Bungee Gum บังคับให้ Razor ต้องใช้ freebee ที่เหลือของเขา

Tsezguerra ขอเวลานอกและเสนอตัวถือลูกบอลให้ Gon โดยรู้ว่ามือของ Killua ได้รับบาดเจ็บจากการโยนครั้งก่อน อย่างไรก็ตาม Gon ตอบว่าเขาทำได้ แต่ต้องให้ Killua ทำให้ดีที่สุด เขาคิดรูปแบบการกู้คืนลูกบอลจาก Razor ด้วยรูปแบบนี้ พวกเขาสามารถบล็อกสไปค์ที่ทรงพลังอย่างมากของเขาได้ จากนั้น Gon ก็สะสมออร่ามากขึ้นกว่าเดิมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งสุดท้ายของเขา

Razor ตีลูกกลับมาที่เขา มั่นใจว่าเขาจะไม่หลบ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากใช้ออร่าหมดแล้ว Gon จึงหมดสติและลูกก็บินข้ามตัวเขาไปอย่างปลอดภัย เพื่อเชิดชูความปรารถนาของเขาที่จะมีชัยชนะที่ท่วมท้น Hisoka ใช้ Bungee Gum ส่งลูกกลับไปที่ Razor และติดกับมือของเขาจนกระทั่งเขาถูกดันออกนอกสนาม Gon ฟื้นขึ้นมาหลังจากพวกเขาชนะได้ไม่นาน และ Razor เสนอที่จะบอกทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับ Ging​​​​​​​​​​​​​​​​

Razor บอก Gon ว่า Ging ไม่ได้อยู่บนเกาะ และเล่าเรื่องราวว่าเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอย่างไร NPC ที่บอกพวกเขาเกี่ยวกับ “Plot of Beach” พาพวกเขาไปที่ยอดประภาคาร และเมื่อรุ่งอรุณขึ้น ก็กลายเป็นการ์ดในขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง หลังจาก Hisoka จากไป Goreinu และ Tsezguerra ก็พอใจกับการ์ดสำเนา เชื่อว่า Gon สมควรได้ของจริง จากนั้นทั้งสองก็แนะนำให้ร่วมมือกันเอาชนะ Genthru ซึ่งพอดีกับที่ Genthru ติดต่อ Tsezguerra และเปิดเผยว่าเขาฆ่าสมาชิกทั้งหมดของกลุ่มพันธมิตร Kazsule

Gon โกรธจัดและท้าทาย Genthru ให้สู้ Biscuit เกือบจะไม่สามารถห้ามเขาไม่ให้เปิดเผยว่าเขามี “Plot of Beach” ฉบับจริง ซึ่ง Genthru เชื่อว่าอยู่ในความครอบครองของ Tsezguerra เมื่อการสื่อสารสิ้นสุดลง Tsezguerra ก็ดุ Gon ที่ใจร้อน เขาเสนอที่จะซื้อเวลาให้พวกเขาหนึ่งสัปดาห์เพื่อรักษาบาดแผลและคิดแผนโดยไม่คิดเงิน และซื้อเวลาอีกสามสัปดาห์แลกกับ “Wild Luck Alexandrite”

Biscuit ฝึก Gon ให้ตอบสนองด้วย Gyo ต่อ Little Flower ของ Genthru และพยายามเพิ่มทักษะ Emission ของเขาให้มากพอที่จะใช้ในการต่อสู้ได้ สิบวันต่อมา เขาไม่ได้มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในเรื่องหลัง และหลังจากห้าวันต่อมา Biscuit และ Killua ก็ให้กลยุทธ์อื่นแก่เขาเพื่อพึ่งพา และให้เขาทำงานเกี่ยวกับจังหวะจนกระทั่งเขาสามารถบอกได้ว่าหนึ่งนาทีผ่านไปแล้ว สามสัปดาห์ห้าวันหลังจากที่ Tsezguerra เริ่มถ่วงเวลา Bomber ทีมของเขาถูกบังคับให้ถอยออกจากเกม

Bomber เทเลพอร์ตไปหาทีมของ Gon ซึ่งแกล้งทำเป็นตกใจ พวกเขาปฏิเสธที่จะส่งมอบการ์ดและหนีเพื่อทำให้ Bomber ใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายจนหมด จนกระทั่งพวกเขาสามารถพาพวกเขาไปยังสถานที่ที่ต้องการได้ ทั้งสามแยกย้ายกันไป โดย Sub มุ่งเป้าไปที่ Killua ส่วน Bara ไปตามล่า Biscuit ปล่อยให้ Gon เผชิญหน้ากับ Genthru เพียงลำพัง Gon สกัดการโจมตีครั้งแรกของเขา ซึ่งทำให้ Genthru ตระหนักว่าเขารู้เกี่ยวกับความสามารถของเขา ก่อนปะทะกันอีกครั้ง เขาบังคับให้ Genthru ตกลงว่าผู้ชนะจะส่งมอบการ์ดให้ผู้แพ้ โดยประกาศว่าเขาอยากตายมากกว่าที่จะให้การ์ดกับโจร

Gon ตกใจกับปริมาณออร่าของ Genthru ที่เหนือกว่าเขาชั่วขณะ และการโจมตีของ Gon ก็ถูกสกัดได้ง่ายดาย อย่างไรก็ตาม ความภาคภูมิใจของ Gon ในฐานะนักรบทำให้เขาไม่ยอมทำตามแผนจนกว่าจะสามารถบังคับให้ Genthru ต้องใช้ Little Flower Genthru โจมตี Gon อย่างหนักหน่วง แม้จะได้เปรียบ แต่ความดื้อรั้นของ Gon ทำให้ Genthru ต้องใช้ Little Flower เพื่อทำลายจิตใจของคู่ต่อสู้ อย่างไรก็ตาม Gon สามารถสกัดมันด้วย Gyo ซึ่งทำให้ Genthru จำลองเทคนิคนี้ถึงสองครั้ง การโจมตีครั้งแรกทำให้ Gon จวนเจียน แต่เขาเห็นทะลุการโจมตีครั้งที่สอง จำคำเตือนของ Biscuit ได้ Genthru จึงเปิดใช้ความสามารถจากมือทั้งสองข้าง โดยไม่สนใจคำพูดเตือนของ Biscuit และ Killua อีกครั้ง Gon ตัดสินใจลองยุทธวิธีใหม่​​​​​​​​​​​​​​​​

เมื่อ Genthru คว้าข้อมือของเขา Gon มุ่งเน้นเพียง 30% ของออร่าไปที่มือขวาและ 70% ไปที่เท้า และเตะคาง Genthru ที่เปิดเผยในขณะที่เขาเปิดใช้ Little Flower Gon สูญเสียมือซ้ายไป และแม้แต่มือขวาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดได้มากพอที่จะชาร์จ Rock ในขณะที่ Genthru งุนงง ศัตรูของเขาสะดุดราก ซึ่งทำให้เขาหลบหมัดของ Gon ได้ Gon พอใจและยอมรับที่จะดำเนินการตามแผน เขาดึงการ์ดออกจาก binder ซึ่ง Paladin’s Necklace เปลี่ยนกลับเป็นรูปแบบจริง และเตือน Genthru ว่าเขาอาจตายหากเขาแปลงมัน

Genthru ยอมรับความพ่ายแพ้และดึง Gon เข้ามาใกล้ด้วยคำขอ เขารวบรัดคอของเด็กชายอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เขาปลดผนึก binder และพยายามทำให้เขาหมดสติ แต่ Gon สามารถสกัดการโจมตีครั้งที่สองได้ Gon โกรธจัดและแปลงการ์ด ราดน้ำมันใส่ Genthru เพื่อกันไม่ให้เขาใช้ Little Flower ในขณะที่ Genthru อธิบาย Countdown ให้เขาฟังเพื่อให้เขาสามารถเปิดใช้งานได้ทันทีที่เขาแตะ Gon เด็กชายก็ดึงการ์ดใบที่สองออกมาจาก binder และกระแทกพื้นด้วย Rock เผยให้เห็นหลุมดักด้านล่าง ทั้งเขาและ Genthru ตกลงไปในนั้น Gon กระโดดเข้าไปในอุโมงค์เล็กๆ ด้านข้างทันที ในขณะที่การ์ดเปลี่ยนเป็นหินก้อนใหญ่ที่กระแทกใส่ Genthru

Bomber กระโดดเข้าไปในอุโมงค์ แต่ก็พบว่าตัวเองติดอยู่ระหว่างหินก้อนใหญ่กับ Gon ที่กำลังชาร์จ Rock อยู่ตรงหน้า เขาพยายามยอมแพ้ แต่ Gon ก็ทำให้เขาหมดสติ เขาติดต่อและพบกับ Killua และ Biscuit จากนั้นทั้งสามก็จับ Bomber(s) ทั้งสามและเอาการ์ดของพวกเขาไป อาการบาดเจ็บของ Gon ได้รับการรักษาด้วย “Angel’s Breath” ทั้งสามใช้มันกับเพื่อนร่วมทีมของ Genthru ก่อนที่มันจะหมดอายุ พวกเขาติดต่อ Goreinu เพื่อขอสำเนาเพิ่มเติม แต่เขาไม่เต็มใจที่จะเสียการ์ดกับฆาตกรสามคน

Gon เปิดใช้สำเนาสุดท้ายของเขา ซึ่งทำให้ Goreinu ยื่นให้พวกเขา รวมถึงการ์ดทั้งหมดของเขาเองและของทีม Tsezguerra Gon, Killua และ Biscuit ได้รับ Jenny Symbol 2011 คนละ 1 พันล้านเนื่องจาก Battera ยกเลิกสัญญา Gon ใส่การ์ดช่องที่ระบุทั้ง 99 ใบลงใน binder ของเขา มีประกาศออกไปเตือนผู้เล่นทุกคนเกี่ยวกับการทดสอบแบบทดสอบ รางวัลคือ “Ruler’s Blessing” ที่หาได้ยาก ผู้เล่นหลายคนเทเลพอร์ตมาที่ตำแหน่งของกลุ่ม แต่ก็เพียงเพื่อเสนอข้อตกลงให้พวกเขาเท่านั้น Gon ให้คำตอบที่แม่นยำที่สุดและได้รับ “Ruler’s Invitation” Gashta และ Zetsk Bellam โจมตีเขาเพื่อเอาการ์ด แต่ทีมของ Gon ก็เอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดาย​​​​​​​​​​​​​​​​

Killua “ลอยไป” ยัง Limeiro เพื่อให้ Gon และ Biscuit สามารถบินไปที่นั่นได้ด้วย Gon เข้าไปในปราสาท ซึ่งเขาได้รับการต้อนรับจาก List ซึ่งพาเขาไปยังห้องขยะของ Dwun Game Master แบ่งปันเรื่องราวในอดีตของเขากับ Ging และให้ “Ruler’s Blessing” แก่ Gon รวมถึงภาชนะที่ใช้ในการขนส่งการ์ดสามใบไปยังโลกภายนอก จากนั้นเขาก็ถามเด็กชายว่าต้องการตอนจบทั่วไปหรือตอนพิเศษสำหรับเขา และ Gon ก็เลือกอันแรก โดยไม่รู้ว่าไม่มีตอนจบอื่นแล้ว หลังจากงานปาร์ตี้อลังการ Gon, Killua และ Biscuit ก็เลือกการ์ดสามใบ

เช้าวันต่อมา Gon นำการ์ดทั้งสามไปมอบให้ Elena ได้แก่ “Blue Planet”, “Paladin’s Necklace” และ “Plot of Beach” เมื่อทั้งสามออกจากเกม Gon ก็แปลง “Paladin’s Necklace” เพื่อเปลี่ยน “Plot of Beach” กลับเป็น “Accompany” ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเคยแปลงด้วย “Clone” หลังจากพบว่ารายชื่อติดต่อแรกของเขาไม่ใช่ Goreinu ซึ่งเป็นคนเข้าเกมหลังเขา แต่เป็นชื่อที่สลับอักษรของ “Ging”

เขาประกาศว่าสิ่งแรกที่เขาจะทำหลังจากพบพ่อคือแนะนำ Killua ในฐานะเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา ทำให้ Killua เขินอาย และทำให้ Biscuit น้ำตาคลอ พวกเขาทักทายเธอก่อนที่จะใช้ “Accompany” ซึ่งพา Gon และ Killua ไปหา Kite ที่ Kakin​​​​​​​​​​​​​​​​

Chimera Ant arc

Kite อธิบายกับ Gon ว่าเขาอยู่ใน Greed Island ตามคำขอของ Ging และการที่ Gon ใช้ “Accompany” แทน “Magnetic Force” ทำให้เขาได้พบ Kite แทนที่จะเป็น Ging ซึ่งต้องการให้แน่ใจว่า Gon และเขาจะอยู่ตามลำพังหากพวกเขาได้พบกัน พวกเขาเพลิดเพลินกับการกินอาหารค่ำในขณะที่ Kite บอก Gon ว่าในที่สุดเขาก็สามารถหา Ging เจอ แต่ Gon ไม่ต้องการให้เขาบอกว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาอธิบายภารกิจของเขาในการทำสำรวจทางชีวภาพ และแนะนำพวกเขาให้รู้จักกับกลุ่มของเขา

ร่วมกับทีมของ Kite, Gon และ Killua ทำงานเป็นนักวิจัยทางชีวภาพเป็นเวลาหนึ่งเดือน พบสายพันธุ์ใหม่จำนวนมากเนื่องจากความใกล้ชิดกับธรรมชาติ เมื่อพวกเขาส่งผลลัพธ์ให้กับ Wong พวกเขาได้รับแจ้งเกี่ยวกับขาของแมลงยักษ์ พวกเขาบินไปที่ Southernpiece Auction House เพื่อสืบสวน การวิจัยภาคสนามไม่ประสบความสำเร็จ แต่ Podungo พบว่าขานั้นมาจาก Chimera Ant Queen ขนาดเท่ามนุษย์ – แมลงที่กินสัตว์อื่นๆ แล้วให้กำเนิดลูกหลานที่สืบทอดลักษณะของสายพันธุ์ต่างๆ ที่มันได้กิน

หลังจากวิจัยกระแสน้ำ Kite คาดเดาว่า Chimera Ant Queen อาจถูกซัดเข้ามาในประเทศอนาธิปไตยบูชายุคหินที่เรียกว่า Neo-Green Life ตามคำคาดเดาของเขา พวกเขามุ่งหน้าไปยัง NGL มีเพียง Gon, Killua, Kite, Stick และ Podungo เท่านั้นที่สามารถข้าม NGL Border Stop ได้เนื่องจากกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของประเทศ พวกเขาเช่าม้าและวางแผนที่จะค้นหาตามแนวชายฝั่ง

หลังจากได้รับข้อความ SOS จาก Ponzu ที่มีตำแหน่งของรัง Kite, Gon และ Killua รีบไปช่วย พวกเขาข้ามหมู่บ้านร้าง Gon พบซากสัตว์ที่ถูก Rammot เสียบ เขาเอาชนะ Gon และ Killua ได้ Kite ทดสอบพวกเขาโดยให้พวกเขาสู้กับ Chimera Ant Gon และ Killua ผลัดกันต่อสู้จนเอาชนะได้ และหลังจาก Killua ทำให้ Rammot อัมพาต Gon ก็โจมตีเกือบถึงตาย แต่ Rammot ได้รับการช่วยเหลือจากหัวหน้าหมวดของเขา Colt Kite เตือนเด็กชายทั้งสองว่าพวกเขาจะเห็นการสังหาร แต่พวกเขาก็ยังคงเต็มใจที่จะดำเนินต่อไปเช่นเดิม​​​​​​​​​​​​​​​​

ทั้งสามพบด้านที่ซ่อนอยู่ของ NGL โรงงานยาเสพติดที่ครั้งหนึ่งเคยถูก Gyro ราชายาเสพติดคนก่อนของประเทศยึดครอง ภายในพวกเขาพบกับ Yunju และลูกน้องสองคนของเขา แม้ Gon จะประท้วง แต่ Yunju ก็ฆ่า Spot และ Rover ก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้

Gon เผชิญหน้ากับลูกน้องของเขา Centipede เมื่อหมัดแรกของเขาไม่ได้ผล เขาก็ใช้กรรไกรตัด Chimera Ant ออกเป็นสองท่อน Kite จัดการมันจนสิ้นซาก พร้อมเตือน Gon ว่าเขาต้องทำลายหัวให้ได้ ทั้งสามปรึกษากันเกี่ยวกับความสามารถ Nen ของพวกเขา และบุกเข้าไปในดินแดนของ Chimera Ant พวกเขาพบว่าตัวเองถูกล้อมรอบด้วยเหล่านายทหารของกองพัน Hagya

พวกมดยืนกรานที่จะต่อสู้แบบตัวต่อตัว Gon เป็นคนแรกที่ต้องเจอกับ Baro คู่ต่อสู้ของเขา แม้ว่านายทหารจะระบุว่าการต่อสู้ของพวกเขาเป็นการต่อสู้ถึงตาย แต่ Gon ก็ประกาศว่าเขาเต็มใจที่จะไว้ชีวิตเขาหากเขาหยุดกินมนุษย์ได้ เด็กชายสามารถหลบการโจมตีครั้งแรกของมดได้ แต่ไม่ใช่ครั้งที่สอง ซึ่งเขายังคงรอดมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก Gon โกรธมากที่ Baro เปิดเผยว่าเขาฆ่ามนุษย์เพื่อความสนุก จับเขาขณะที่เขากำลังม้วนตัวและบดขยี้เขาจนตาย

หลังจาก Killua กำจัดคู่ต่อสู้ของเขาแล้ว Kite ก็เปิดใช้ Crazy Slots เรียกเคียวมาใช้ Gon และ Killua รู้สึกถึงพลังของมัน และกระโดดขึ้นในขณะที่ Kite ฆ่านายทหารเป็นจำนวนมากด้วย Silent Waltz เมื่อ Kite ถาม Gon ก็ตอบว่าเขาไม่เห็นอกเห็นใจบุคคลที่ไม่มีความรู้สึกผูกพันกัน คืนนั้น ทั้งสามเห็น Hirin, Flutter และ Hagya แต่พวกเขาก็ถอนตัวไปโดยไม่ต่อสู้

เมื่อพวกเขามองเห็นรัง พวกเขาถูก Neferpitou ตามรอยพบ ผู้ซึ่งมาถึงพวกเขาในทันทีและตัดแขน Kite ขาด Gon ทนต่อความช็อคของออร่าอันชั่วร้ายของพวกเขา จึงโกรธทันทีและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ แต่ Killua ทำให้เขาหมดสติเพื่อถอยร่นในขณะที่ Kite เผชิญหน้ากับ Royal Guard ตามลำพัง Killua พา Gon กลับไปที่ด่านตรวจที่พวกเขาข้ามเข้าประเทศ ในที่สุดกำลังเสริมก็มาถึงในรูปของ Morel, Knov และประธานสมาคมฮันเตอร์ Netero ได้ยินว่า Gon พยายามสู้กับ Neferpitou, Morel ชมเชยเขา Netero วางความท้าทายให้เด็กชายสองคนเพื่อเข้าสู่ NGL อีกครั้ง Gon ตื่นขึ้นมาในโรงแรมและขอบคุณ Killua ด้วยความมั่นใจว่า Kite ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาตั้งใจที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อช่วยเขา​​​​​​​​​​​​​​​​

Gon และ Killua พบกับ Palm Siberia นักเรียนผู้น่าขนลุกของ Knov ผู้บอกพวกเขาว่ามีเวลาหนึ่งเดือนในการเอาชนะ Knuckle Bine และ Shoot McMahon สองลูกศิษย์ของ Morel ในการต่อสู้ แต่ละคู่มีเหรียญครึ่งหนึ่ง และเพื่อผ่านความท้าทาย คู่นั้นต้องได้ครึ่งเหรียญของคู่ต่อสู้มาครอบครอง Killua สอดส่อง Knuckle ขณะที่เขาประกาศด้วยเครื่องขยายเสียงว่าเขาพร้อมที่จะสู้ ตัดสินว่าเขาแข็งแกร่ง Gon ไม่เห็นด้วยที่พวกเขาควรหาข้อมูลความสามารถของเขาก่อนสู้เพราะพวกเขาจะไม่มีความรู้แบบนั้นใน NGL เมื่อเขาอ้างว่าพวกเขาจะชนะภายในหนึ่งสัปดาห์ เขาก็โดน Biscuit ซึ่ง Palm ได้เรียกมาที่โรงแรมเพื่อฝึกพวกเขา เธอฝึกให้พวกเขารักษาสภาวะ Ren เป็นเวลาสามชั่วโมง ซึ่งจะเพิ่มความอึดในการต่อสู้ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมา Gon ก็ล้มลงไปก่อน Killua ไม่กี่วินาที และพวกเขาก็หลับในทันที Biscuit ใช้ความสามารถของเธอเพื่อลดความเหนื่อยล้าของพวกเขา ความมั่นใจของ Gon ทำให้ Palm หลงใหลในตัวเขา

หลังจากผ่านไปประมาณสิบวัน Gon และ Killua ทำภารกิจสำเร็จ แม้จะอ่อนล้า Biscuit ก็ส่งพวกเขาไปเผชิญหน้ากับ Knuckle โดยไม่มีเหรียญ เพื่อพวกเขาจะได้สู้กับเขาอีกครั้งหากแพ้ ความเหนือกว่าของ Beast Hunter เห็นได้ชัดเจนสำหรับทั้งสามแม้ก่อนที่พวกเขาจะปะทะกัน เขาสั่งให้พวกเขาชกเขาตามใจชอบ และหากพวกเขาทำให้เขาขยับออกจากที่ไม่ได้ พวกเขาจะต้องทิ้งเหรียญของตนไว้ ข้อเสนอของเขาทำให้ Gon โกรธ แต่ยอมรับว่าคู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าจริงๆ เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับการประลอง และเริ่มต้นทันทีด้วย Rock เมื่อสัมผัสโดน Knuckle ก็สลบไป และถูก Gon กับ Killua พากลับเข้าไปในโรงแรม

เขาฟื้นขึ้นมาในขณะที่ Gon และ Killua กำลังฝึก Ren อยู่ แปลกใจที่พบว่าครึ่งเหรียญของเขายังอยู่ในความครอบครองของเขา Gon บอกเขาว่าสิ่งที่พวกเขาแสวงหาคือพลังที่จะเอาชนะเขาในการต่อสู้อย่างซื่อสัตย์ ตามคำขอของ Gon, Knuckle เปิดเผยว่าเขาต้องการเข้าร่วมทีมกำจัดเพื่อที่เขาจะได้เห็นด้วยตัวเองว่า Chimera Ants สมควรถูกกำจัดจริงๆ เขาระบุว่า Gon เป็นคนดี ซึ่ง Gon ตอบแทนคำชมโดยชี้ไปที่สุนัขจรจัดที่ไม่เคยละจากเตียงของ Knuckle เลย เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสามกินอาหารเช้าด้วยกัน และ Knuckle อนุญาตให้ Gon และ Killua ท้าทายเขาได้ตามใจชอบในช่วง 20 วันที่เหลือ​​​​​​​​​​​​​​​​

ในช่วงเวลาที่เหลือของเดือน เด็กชายทั้งสองฝึกฝนตนเองโดยรักษาสภาวะ Ren เป็นเวลาสามชั่วโมง และต่อมาก็ออกไปท้าทาย Knuckle แต่พวกเขาก็ไม่สามารถล่อให้เขาใช้พลังแม้แต่ครึ่งเดียว สิบวันก่อนกำหนด Gon สงสัยว่าทำไม Knuckle ถึงไม่ได้รับอนุญาตให้ไป NGL ทั้งๆ ที่มีพลัง โดย Killua สันนิษฐานว่าเป็นเพราะบุคลิกของเขา Palm ตระหนักว่าพวกเขาไม่ได้พัฒนาเร็วพอ และแนะนำให้พวกเขาหนีไปเพื่อความโกรธของเธอจะได้ไม่ร้ายแรงนัก แต่ Gon สัญญาว่าพวกเขาจะชนะ และสามารถทำให้เธอใจเย็นลงได้

สองคืนก่อนถึงกำหนด Biscuit อนุญาตให้ Gon และ Killua ท้าทาย Knuckle หลังจากพักผ่อน Gon เผชิญหน้ากับ Knuckle ด้วยตัวเอง ในขณะที่ Killua ดูจากข้างสนาม การต่อสู้เริ่มขึ้น และ Gon ใช้ความเร็วของเขาเข้าสู้กับ Knuckle ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเร็วและแข็งแกร่งกว่า บังคับให้ Gon ต้องใช้ Ken ตลอดเวลา การที่ Gon พูดติดอ่างพยางค์แรกทำให้เขาเข้าใจผิดว่าชื่อท่าของเขาคือ “Jajanken” ซึ่ง Gon ก็โอเค Beast Hunter บอก Gon ต่อไปว่าเทคนิคของเขามีจุดอ่อนใหญ่สองประการ ประการแรก ใช้เวลาในการชาร์จนานเกินไป ประการที่สอง เทคนิคนี้เสี่ยงเกินไป ยิ่งมีออร่ามากเท่าไหร่ที่หมัด ก็ยิ่งมีออร่าน้อยลงเท่านั้นในการปกป้องร่างกาย

ทั้งสองกลับมาสู้กันอีกครั้ง โดยปริมาณออร่าของ Gon เพิ่มขึ้นอีก แต่ Knuckle ก็ตีเขากลับไปได้อย่างง่ายดายด้วยการอ่านทิศทางการไหลของออร่า Gon ตระหนักว่า Knuckle กำลังออมมือ และหลังจากพิสูจน์โดยการชาร์จ Rock เขาก็ตะโกนใส่ Knuckle ให้ทำเต็มที่ เขาชาร์จ Rock อีกครั้ง แต่ใช้มันเป็นการหลอก อย่างไรก็ตาม Knuckle สามารถสกัดการรุกครั้งต่อไปของเขาได้ แม้ว่า Knuckle จะได้เปรียบ แต่การป้องกันของ Gon ก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อออร่าใกล้หมด เขาเริ่มชาร์จการโจมตี Jajanken จากระยะไกล Gon ยิง Paper ใส่ Knuckle และผ่าน Round 2 เขาก็เตรียม Rock อย่างรวดเร็วพร้อมกับเคลื่อนตัวไปข้างหลังเขาเพื่อโจมตีแบบหนีบ อย่างไรก็ตาม เขาใช้ออร่าหมดก่อนที่จะสามารถโจมตีรอบตัดสินได้

หลังจากถูก Killua อุ้มไปที่โรงแรมและได้รับการนวดจาก Biscuit, Gon ก็ตื่นขึ้นมาด้วยพลังเต็มเปี่ยม และประหลาดใจกับรอยฟกช้ำบนใบหน้าของเพื่อน ทั้งสองออกไปสู้กับ Knuckle และ Shoot โดย Gon เผชิญหน้ากับคนแรก Knuckle เริ่มต้นด้วยพลังเต็มที่ และ Gon ขยายออร่าเพื่อสัมผัสการเคลื่อนไหวของเขา แม้ว่าจะหลบหมัดไม่พ้น แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ กลับยิ่งเต็มไปด้วยพลังงาน A.P.R. ปรากฏขึ้นข้างๆ เขา Knuckle อธิบายกลไกของความสามารถ Hakoware และคำนวณขอบเขตของออร่าสำรองของ Gon Gon อนุมานได้ว่า Beast Hunter ไม่ได้ใช้ความสามารถของเขาก่อนหน้านี้เพื่อที่จะได้ฝึกฝนต่อไปได้ ทั้งสองแลกเปลี่ยนการโจมตี กู้ยืมออร่าซึ่งกันและกัน จนกระทั่ง Gon “ล้มละลาย” และถูกบังคับให้เข้าสู่สภาวะ Zetsu เป็นเวลาหนึ่งเดือนโดย I.R.S. ซึ่งหมายถึงความพ่ายแพ้ของเขา

วันรุ่งขึ้น Gon และ Killua ทั้งคู่ไปส่งผู้ชนะที่ชายแดน NGL ซึ่ง Knuckle สาบานกับ Gon ว่าเขาจะพา Kite กลับมา หลังจากพวกเขาจากไป Gon ก็ร้องไห้ด้วยความอ่อนแอของตนเอง​​​​​​​​​​​​​​​​

ระหว่างทางกลับ เขาก็หาความมุ่งมั่นของตัวเองเจออีกครั้ง สาบานว่าจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อไม่ให้ Kite ผิดหวังเมื่อ Knuckle พาเขากลับมา Spinner เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับอดีตของเธอและ Kite Palm โกรธ Killua และเขามาก และเรียกร้องให้เขาออกเดทกับเธอเพื่อชดใช้ เขาตกลงและสามารถทำให้เธอใจเย็นลงได้ ซึ่งระหว่างฝึกกับ Killua นั้น เป็นเพราะประสบการณ์กับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าที่ได้รับมาจาก Whale Island Knuckle โทรหา Gon และแจ้งว่า Kite ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าเขาจะถูกศัตรูควบคุมอยู่ก็ตาม

Gon จัดเดทแบบโรแมนติกให้ Palm แต่สารภาพว่าเขาอยากฝึกฝนต่อไปเพื่อสู้กับผู้ควบคุม Kite มากกว่า สิ่งนี้ไม่เป็นที่พอใจ Palm ซึ่งตัดเดทให้สั้นลงและให้เขาเขียนคำขอโทษเป็นการลงโทษ Killua ซึ่งเพิ่งฆ่า Rammot ไป พาเขาออกห่างจากเธอ ผู้ซึ่งไล่ตาม ในขณะที่ถูกลากออกไป Gon มั่นใจว่าเธอไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเขา การมาถึงของ Knov ทำให้ Palm สงบลงและยุติความสัมพันธ์ของเธอกับ Gon อย่างมีประสิทธิภาพ เขาให้ Shoot สอดแนมคู่หูเพื่อประเมินว่าพวกเขาพร้อมที่จะพบ Kite หรือไม่ สมาชิกของ Extermination Team ยกเว้น Netero รวมตัวกัน และ Shoot ปล่อย Kite ออกมาจากกรงของ Hotel Rafflesia ของเขา ภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยแผลเป็นของ Kite ก่อให้เกิดความรู้สึกผิดและความโกรธที่ทนไม่ได้ใน Gon ผู้ซึ่งปล่อยให้หุ่นฝึกซ้อมโจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อในที่สุดเขาหลบและกอด Kite เขาก็กระตุ้นให้เกิด level ที่สอง ซึ่งต้องใช้ออร่าในการผ่าน เขาบอก Kite ให้พักผ่อน และเขาจะจัดการทุกอย่างเอง ยืนยันว่าเขาจะจัดการ Neferpitou ด้วยตัวเอง

Meruem ในฐานะอดีตกษัตริย์แห่งสาธารณรัฐ East Gorteau เริ่มกระบวนการปลุกพลัง Nen ในพลเรือนของ East Gorteau อย่างบังคับ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน เพื่อจัดตั้งกองทัพส่วนตัวของเขาเองเพื่อพิชิตโลก ไม่กี่สัปดาห์หลังจากพบสภาพของ Kite, Gon ดูเหมือนจะหายจากความเดือดดาลแล้ว คืนที่ I.R.S. ออกจากเขาและเขาสามารถใช้ Nen ได้อีกครั้ง Morel แกล้งสงสัยเกี่ยวกับเขาและสั่งให้เขาชกเขาด้วยพลังทั้งหมด Gon นึกถึง Neferpitou และ Kite เขามุ่งเน้นออร่าปริมาณมหาศาลไว้ที่หมัดจนทั้ง Extermination Team ตะลึง Killua ทำให้เขาได้สติและเขาก็หยุดก่อนจะโจมตี Morel ขอโทษที่เกือบจะฆ่าเขา

Morel ประกาศอนุมัติและ Extermination Team แยกออกเป็นสามคู่เพื่อล่อ Royal Guard ออกห่างจากกษัตริย์ในเที่ยงคืนของวัน “Selection” อีก 10 วันข้างหน้า ตามคำขอของพวกเขา Gon และ Killua ได้รับมอบหมายให้จัดการกับ Neferpitou​​​​​​​​​​​​​​​​

เนื่องจากระบบสายลับของ East Gorteau, Gon และ Killua จึงถูกบังคับให้แทรกซึมเข้าประเทศโดยต้องหลบสายตาของพลเรือน เมื่อข้ามพรมแดนมา พวกเขาพบว่ามีการสังหารหมู่เกิดขึ้นในหมู่บ้านร้างใกล้ชายแดน ซึ่งทำให้ Killua คาดเดาได้ว่า “Selection” ได้เริ่มขึ้นแล้ว Gon ตัดสินใจที่จะพยายามหยุดมัน แม้ว่าจะหมายความว่าจะถูกค้นพบก็ตาม Killua บอกเขาว่าเขาจะทำมันด้วยตัวเอง และ Gon ควรเก็บแรงไว้สำหรับ Neferpitou เขาสั่งให้ Gon หลบซ่อนไม่ว่าจะเห็นคนถูกฆ่ากี่คนก็ตาม Gon รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเพื่อนของเขา แต่ตกลงที่จะแยกทาง เขาถูก Snake ซุ่มโจมตี ซึ่งเขาเอาชนะได้อย่างง่ายดายและทิ้งให้มัดติดต้นไม้ จากนั้นก็โดน Hollow และ Bat ทดสอบเขา

เขาดิ้นรนต่อสู้กับข้อได้เปรียบทางชีวภาพของพวกมันในความมืดและการทำงานเป็นทีม เมื่อเขากำลังจะเอาชนะ Bat หลังจากล่อเธอเข้ามา Hollow ก็ป้องกัน Paper ของเขา ทั้งสองสลับบทบาทกัน โดยนกฮูกโจมตีในโหมด Gorilla และค้างคาวรบกวน Gon ด้วย Secret Noise ของมัน ในที่สุดเด็กชายก็สามารถเอาชนะพวกมันได้โดยใช้การโจมตีแบบประสานกันของพวกมันต่อสู้กันเอง เหวี่ยง Bat ชนกำแพงหินและชก Hollow ไปในทิศทางของ NGL ด้วย Rock

เมื่อรู้สึกว่ายังมีคนตามมาอยู่ Gon ก็เริ่มวิ่งผ่านป่าไปจนถึงทะเลทรายขนาดใหญ่ ณ จุดนั้น Meleoron เปิดเผยตัวว่าเป็นผู้ไล่ล่าเพื่อหยุดเขา หลังจากเข้าใจผิดว่าเขาเป็นศัตรูในตอนแรก Gon ก็ยอมรับที่จะร่วมมือกับเขา Meleoron รู้สึกกังวลกับความง่ายดายที่ Gon ไว้ใจเขา แต่เด็กชายตอบกลับว่าหากเขาโกหก เขาจะฆ่าเขาโดยไม่ลังเล เมื่อ Gon ชี้ให้เห็นว่าเขาไม่ควรสูบบุหรี่ Meleoron ก็สาธิต Perfect Plan และอ้างว่าเป้าหมายของเขาคือการสังหารกษัตริย์ หลังจากตลกไม่กี่ครั้ง เขาระบุว่าเขาต้องการล้างแค้นการตายของ Peggy ทั้งสองจับมือกันและ Meleoron เปิดใช้ความสามารถอีกอย่างหนึ่ง God’s Accomplice ซึ่งทำให้ Gon เป็นที่จับไม่ได้ด้วยเช่นกัน จากนั้นเขาก็เปิดเผยว่า Chimera Ants ทั้งสามตัวที่โจมตี Gon เป็นลูกน้องของเขา ซึ่งเขาส่งมาทดสอบเด็กชาย Gon คิดจะจับคู่เขากับคนอื่น แต่ Meleoron ตอบว่าด้วยเหตุที่ Gon สามารถไว้ใจคนนั้นได้อย่างง่ายดาย ก็ไม่ได้การันตีว่าเขาจะไว้ใจด้วย

Gon โทรหา Knuckle ผู้แจ้งให้เขาทราบว่า Morel และ Knov ได้ระดมพลเพื่อหยุด “Selection” พวกเขาพบกันที่ Mandai ซึ่งตามข้อเสนอของ Gon, Meleoron ซ่อนตัวเพื่อสังเกต Knuckle และ Shoot และตัดสินใจว่าเขาสามารถไว้ใจพวกเขาได้หรือไม่ ในขณะที่เขาทำเช่นนั้น Gon กล่าวว่าเขาติดต่อ Killua ไม่ได้และสังเกตเห็นสุนัขจรจัดที่ติดตาม Knuckle มา ในที่สุด Meleoron ก็ไว้ใจ Hunters อีกสองคน สามคืนก่อน “Selection”, Gon ได้รับโทรศัพท์จาก Killua ผู้ขอให้เขาส่งเงินเข้าบัญชีเพื่อเขาจะได้ออกจากโรงพยาบาลได้ คนเดียวที่เขาติดต่อไม่ได้คือ Palm ผู้แทรกซึมเข้าไปในพระราชวังหลวงของ East Gorteau Morel บอกเขาว่า Knov ได้ติดตั้งทางออกทั้งหมดแล้ว แต่เขาไม่สามารถทำต่อได้​​​​​​​​​​​​​​​​

สองวันก่อนการจู่โจม Knuckle, Shoot, Gon, Killua, Meleoron และ Ikalgo มารวมตัวกันเพื่อหารือและทบทวนแผน Gon แสดงความกังวลเกี่ยวกับ Palm ซึ่งยังไม่ได้ติดต่อมา Killua ตอบว่าเธอเสียชีวิตหรือหลบซ่อนอยู่ และเข้าใจว่า Gon ต้องการให้พวกเขาคิดแผนเพื่อช่วยเธอ แม้กระทั่งทำให้มันเป็นลำดับความสำคัญ จากนั้นทั้งหกก็แยกย้ายกันไปเพื่อทำให้ Royal Guards สับสน

วันรุ่งขึ้น Killua ไล่ตามสถานการณ์ที่ Royal Guards มีพฤติกรรมไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ Gon โทรหา Colt เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไม Neferpitou ถึงปิด En ของพวกเขา พวกเขาสรุปว่ากษัตริย์ต้องได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นทฤษฎีที่พวกเขาแบ่งปันกับ Morel เวลา 18:00 ของวันเดียวกัน ทั้งสามเข้าไปในมิติของ Knov Gon ถามถึง Palm ทันที ซึ่งยังไม่มีข่าวคราว เขาสาบานอีกครั้งที่จะฟื้นฟู Kite และเอาชนะ Neferpitou เมื่อ 10 นาทีก่อนการจู่โจม Extermination Team เริ่มเคลื่อนไหว Gon ก็ยังคิดถึง Palm อยู่ สามนาทีต่อมา พวกเขาเข้าไปในห้องที่เชื่อมต่อกับทางออกที่อยู่ลึกที่สุดในพระราชวัง ซึ่งนำไปสู่บันไดกลาง Gon ไม่สนใจ Killua และ Ikalgo ขณะที่พวกเขาโต้แย้งกันเรื่องเหตุการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ เขาไม่มีปฏิกิริยาเมื่อ Morel และ Knuckle บอกเป็นนัยว่า Palm อาจถูกกษัตริย์เลือกให้มาผสมพันธุ์ เมื่อ Morel ถามว่าในสถานการณ์ใดที่คนคนหนึ่งจะทำร้ายตัวเอง Gon ซึ่งคิดถึง Kite แนะนำว่าความไม่สามารถให้อภัยตนเองเป็นเหตุผลหนึ่ง หกนาทีต่อมา Morel ให้ทุกคนมารวมตัวกันหน้าทางออก

สิบวินาทีก่อนเที่ยงคืน Morel เริ่มนับถอยหลัง Gon เข้าสู่จิตใจที่เต็มไปด้วยสมาธิและไร้ความปรานี เขาเป็นคนที่สี่ที่บุกเข้าพระราชวัง ปรากฏขึ้นข้างๆ บันไดและ Menthuthuyoupi ขณะที่เขาเตรียมตัวปีนขึ้นไป Dragon Dive ของ Zeno ก็ทะลุผ่านพระราชวัง Gon หลบมันได้ในขณะที่ยังคงโฟกัสกับคู่ต่อสู้อย่างสมบูรณ์ ตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่ Knuckle และ Meleoron ซึ่งกลายเป็นจับไม่ได้ด้วย God’s Accomplice อาจถูกสะเก็ดออร่าฆ่าตาย เขาจึงพุ่งใส่ Royal Guard เมื่ออีกฝ่ายถูกผลักออกไปด้วยพลังที่มองไม่เห็น Gon ก็ตระหนักว่าเพื่อนทั้งสองของเขายังมีชีวิตอยู่ เขาแข็งค้างชั่วขณะหนึ่งเมื่อรู้สึกถึง En ของ Neferpitou ซึ่ง Menthuthuyoupi ใช้ประโยชน์จากการกระแทกแขนขนาดใหญ่บนบันได ทำลายมัน

Gon และ Killua สามารถหลบและเปลี่ยนทิศทางได้ เห็น Smoky Jail ของ Morel รอบห้องบัลลังก์ เขาตระหนักว่ากษัตริย์ไม่ได้อยู่ที่นั่น เขาออกตามหากษัตริย์และสังเกตเห็น Meruem, Zeno และ Netero เดินออกมาจากหอคอยตะวันตก Netero สังเกตเห็นเขาและชี้ไปด้านหลัง ความโกรธของ Gon พุ่งขึ้น​​​​​​​​​​​​​​​​

หลังจากเห็น Zeno พา Netero และ Meruem ไป Gon ก็กระโดดไปที่หอคอยตะวันตก ตามมาด้วย Killua ระหว่างทางที่ไปที่นั่น พวกเขาเจอมือสังหารชรา ผู้บอกให้พวกเขาตัดสินด้วยตัวเองว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างใน Gon เห็น Neferpitou นั่งยองข้าง Komugi โดยมี Doctor Blythe ลอยอยู่เหนือพวกเขา เขาปล่อยความโกรธออกมา ประกาศจุดประสงค์ของเขาและท้าทาย Neferpitou ภาพของเด็กสาวบาดเจ็บซ้อนทับกับร่างของ Kite ในใจของเขา เขาบอกให้ Neferpitou ถอยออกห่างจากเธอ และท่าทางที่ไม่ต่อต้านของพวกเขาทำให้เขางงงวย เขาเรียกร้องให้รู้ว่า Neferpitou กำลังทำอะไรกับเด็กสาว และ Chimera Ant เริ่มอธิบายสถานการณ์ เมื่อ Royal Guard อ้อนวอนให้เขาให้เวลาพวกเขาช่วยเธอ Gon ก็หัวเสีย

เขาเตรียมจะโจมตีพวกเขา แต่ Killua หยุดเขาไว้ ความมุ่งมั่นของเขาถูกกระทบอีกครั้งเมื่อ Neferpitou หักแขนตัวเองเป็นสัญญาณของความจริงใจ บอดไปด้วยความเดือดดาลที่พวกเขาช่วยใครบางคนหลังจากสิ่งที่พวกเขาทำกับ Kite Gon เริ่มชาร์จ Jajanken จนกระทั่งคำพูดของ Killua ทำให้เขาหยุดอีกครั้ง เขากล่าวหาเพื่อนว่าไม่สนใจ และให้เวลา Neferpitou หนึ่งชั่วโมงเพื่อรักษา Komugi หลังจากนั้นพวกเขาจะไปกับเขาที่ Peijin เพื่อฟื้นฟู Kite จากนั้นเขาก็นั่งลงตรงหน้า Royal Guard

Gon รู้สึกถึง Shaiapouf เข้ามาหาเขาจากด้านหลังและเตรียมโจมตี Komugi Neferpitou บอกให้อีก Royal Guard หยุด เมื่อ Shaiapouf เรียกร้องคำอธิบาย Gon ก็สั่งให้เขาเงียบ และให้อยู่ที่เดิมเพื่อเขาจะได้ไม่สามารถแพร่กระจายเกล็ดสะกดจิตของเขาได้ เขาอนุญาตให้ Neferpitou เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ Shaiapouf ฟัง เมื่อ Knuckle ท้าทายคนหลัง เขาก็ประกาศว่าร่างที่พวกเขาเห็นเป็นเพียงเปลือกนอก ในขณะที่ตัวตนที่แท้จริงของเขากำลังไปหากษัตริย์ อย่างไรก็ตาม Gon สงสัยในคำอ้างของเขา เรียกร้องหลักฐาน Shaiapouf ปฏิเสธที่จะทำตามและแยกตัวเอง หลังจากที่เขาจากไป Gon บอก Knuckle ว่าเขาอาจจะไปทางใต้เพื่อตามหากษัตริย์ เขาหักเวลาที่ตกลงกับ Neferpitou ไปสิบนาที

ไม่นานก่อนห้าสิบนาทีจะหมดลง Gon ประกาศว่า Neferpitou ทำเสร็จแล้ว และเมื่อ Pitou แทรกขึ้นมาถามว่าพวกเขาสามารถแจ้งให้ Komugi ทราบถึงสถานการณ์ได้ไหม Gon ก็ขู่ว่าจะฆ่า Komugi ถ้าพวกเขาพูดโพล่งขึ้นมาอีก เขาปฏิเสธข้อเสนอของ Knuckle ที่จะใช้ Hakoware กับ Royal Guard แต่ให้ Komugi เป็นตัวประกันแทน ทั้งสองเริ่มวิ่งไปยัง Peijin​​​​​​​​​​​​​​​

ในที่สุด Gon และ Neferpitou ก็มาถึงที่ร่างของ Kite Neferpitou ถูก Shaiapouf หลอกให้เชื่อว่า Komugi ได้รับการช่วยเหลือแล้ว เปิดเผยว่าชายคนนั้นตายแล้วและพวกเขาไม่สามารถนำเขากลับมามีชีวิตได้ ความรู้สึกผิดของ Gon ทำให้เขารู้สึกรับผิดชอบต่อการตายของ Kite และเมื่อ Royal Guard รักษาตัวเองและเตรียมพร้อมที่จะฆ่าเขา Gon ก็ปล่อยความโกรธและความเศร้าทั้งหมดที่เขาเก็บไว้ในตัวออกมา เรียกร้องพลังทั้งหมดที่เขาจะมีได้จาก Nen โดยไม่สนใจผลที่ตามมา

เขากลายเป็นตัวเองในวัยที่แก่กว่า และหลังจากเตะ Neferpitou ขึ้นไปบนอากาศ ก็ชกพวกเขาเข้าไปในภูเขาด้วย Rock ที่ทรงพลังมหาศาล แม้พวกเขาจะหมดสติไป เขาก็ยังคงทุบกะโหลกของพวกเขาจนแตก นึกถึงบทเรียนของ Kite พอดีกับตอนที่เขาจะโจมตีครั้งสุดท้าย Killua ผู้ตกใจกลัวก็มาถึง ขณะที่ Gon ยอมรับการมาของเขา ศพของ Pitou ก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งเนื่องจาก Terpsichora Killua ผลัก Gon ออกจากทาง แต่ Gon สูญเสียแขนไปข้างหนึ่งจากการโจมตี อย่างไรก็ตาม เขาอ้างว่าเขาไม่เป็นไรและมีความสุขด้วยซ้ำ เพราะเขาดูเหมือน Kite ในช่วงสุดท้าย เขาเริ่มทุบตีและเสียบร่างไร้หัวด้วยแขนข้างที่ขาดของเขาเอง ก่อนจะใช้ Jajanken ครั้งสุดท้าย เขาหันไปหา Killua ผู้อ้อนวอนให้เขาหยุด Gon หลั่งน้ำตาออกมาหยดหนึ่งและจัดการโจมตี

หลังจากนั้น เขาก็หมดสติไป และ Killua อุ้มเขาไปหาสมาชิกคนอื่นๆ ของ Extermination Team Gon ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพโคม่าและอยู่ในสภาพที่วิกฤตมากจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยชีวิต  หมอคิดในใจว่าเขาไม่เคยเห็นสิ่งที่โหดร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็กชายวัย 12 ปีในคืนเดียวมาก่อน

13^th Hunter Chairman Election arc

Killua กลับไปที่บ้านบนภูเขา Kukuroo เพื่อขอความช่วยเหลือจาก Alluka Zoldyck น้องสาวของเขา เขาออกเดินทางพร้อมกับเธอ โดยมีพ่อบ้านบางส่วนของตระกูล Zoldyck ติดตามไปด้วย ระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาต้องเผชิญหน้ากับ Illumi พี่ชายของเขา ผู้ร่วมมือกับ Hisoka เพื่อหยุดพวกเขา หลังจากเอาชนะได้ Killua และ Alluka ในที่สุดก็มาถึงห้องของ Gon ซึ่ง Alluka ดำเนินการรักษา Gon ขณะที่ Alluka กำลังรักษา Gon เธอปล่อยคลื่นพลังงานขนาดใหญ่ออกมา คลื่นนี้ทรงพลังมากจนทุกคนในบริเวณอาคารของสมาคมฮันเตอร์รู้สึกได้ Cheadle กล่าวว่าเธอไม่เคยรู้สึกถึงสิ่งแบบนี้มาก่อนเลย

ในขณะที่ Pariston กำลังกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสุดท้ายต่อสาธารณชน Morel ก็เปิดประตูหลังตะโกนเรียก Leorio และ Gon ที่หายดีแล้วก็เดินเข้ามา ในขณะที่ทุกคนดีใจที่เห็นว่า Gon ปลอดภัย เขาสังเกตเห็น Dwun และ List และ Ging ที่อยู่ตรงกลาง เขาเดินไปหา Ging และพวกเขาได้พบกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ Mito ได้รับสิทธิ์ปกครอง Gon Gon เริ่มร้องไห้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Kite แต่ Ging บอก Gon ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา ขณะที่ Gon จากไปกับ Leorio, Ging บอกว่าเขาจะรอเขา

ต่อมา Gon ได้พบกับ Kite และกล่าวคำขอโทษกับเธอ ทั้งสองเห็นพ้องกันว่าพวกเขาต้องการการฝึกฝนมากขึ้นและสัญญาว่าจะปกป้องกันและกันด้วยการต่อสู้เคียงข้างกัน Kite บอก Gon ให้ไล่ตาม Ging และถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา เธอจะติดต่อเขาและ Killua Gon ไปพบ Ging แต่ได้รับแจ้งจาก Beans ว่าเขาออกเดินทางไปแล้วและจะรอเขาอยู่ที่ยอด World Tree​​​​​​​​​​​​​​​​

Gon เดินทางไปยัง World Tree พร้อมกับ Killua และ Alluka Killua บอก Gon ว่า Alluka เป็นคนที่รักษาเขา เมื่อ Gon ถามว่าทำไมถึงไม่บอกเขาเร็วกว่านี้ Killua ก็อธิบายเกี่ยวกับพลังของ Alluka และพวกเขามี “ปัญหาครอบครัวที่ซับซ้อน” จากนั้น Killua บอก Gon ว่าเขาวางแผนจะท่องเที่ยวรอบโลกกับ Alluka และเขาตั้งใจที่จะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อปกป้องเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม Alluka บอก Gon ว่าเธอจะ “กอด” พี่ชายของเธอเพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น แต่หลังจากนั้นเธออยากให้ Gon กลับมาเล่นและใช้เวลากับ Killua อีกครั้ง Gon และ Killua กล่าวคำอำลาพร้อมกับสัญญาว่าจะติดต่อกันและเป็นเพื่อนกันตลอดไป จากนั้น Gon ก็ปีนขึ้น World Tree และพบกับ Ging พวกเขาพูดคุยกันว่า Ging เริ่มต้นเป็นนักล่าครั้งแรกอย่างไร เขากำลังมองหาอะไรและทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ เขาเล่าให้ Gon ฟังเกี่ยวกับ “โลกภายนอก” และความจริงที่ว่า Chimera Ants มาจากที่นั่น เขาอธิบายกับ Gon ว่าโลกเป็นสถานที่กว้างใหญ่ที่มีความลับมากมาย และเขาควรใช้เวลาในการเดินทางของตัวเอง

หลังจากคุยกันอีกสักพัก Gon ก็คืนบัตรนักล่าของ Ging ให้ เมื่อ Gon กลับไปหา Kite และทีมสำรวจของเธอ เขาเห็นฝูงนกและถ่ายรูป ส่งไปให้ Knuckle, Shoot, Palm, Ikalgo, Meleoron และเพื่อนๆ ที่โรงพยาบาล รวมถึง Killua, Alluka และ Leorio​​​​​​​​​​​​​​​​

Dark Continent Expedition arc

หลังจากที่ Gon ได้พูดคุยกับ Ging ไม่นาน เขาก็พบว่าตัวเองไม่สามารถใช้ aura ได้อีกต่อไป Gon ได้โทรศัพท์ไปปรึกษากับ Ging เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่ง Ging บอกว่า Gon อาจจะมองไม่เห็น aura เพราะเขากลับไปเป็น “คนธรรมดา” แล้ว Ging กล่าวว่าการที่ Gon “โยนมันทิ้งไปหมด” เพื่อแลกกับพลังที่มากพอจะเอาชนะ Pitou ถือเป็นเงื่อนไขหนึ่ง ดังนั้นการรอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้นมาได้ก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว ถ้าหวังหรือขอมากไปกว่านี้ก็จะถือว่าเป็นการ ‘หยิ่งยโส’ และจะต้องจ่ายราคาสำหรับมัน Ging แนะนำว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่ Gon จะได้ใช้เวลาค้นหาและตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป ซึ่งแสดงนัยว่าเขาสามารถเลือกที่จะเป็น “คนปกติ” ต่อไป หรือจะปลุกพลังของตัวเองขึ้นมาใหม่และกลับไปเป็น Hunter โดยมีเป้าหมายใหม่ก็ได้

เมื่อ Gon กลับมาถึง Whale Island เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างยินดีจาก Mito ป้าของเขา และคุณยายอย่างเต็มที่ ระหว่างที่คุยกับ Mito นั้น Gon ก็สารภาพว่าจริงๆ แล้วเขาไม่เคยอยากเจอ Ging หรอก แต่แค่อยาก “ตามหา” เขาเท่านั้นเอง Mito เดาได้ว่า Gon ตอนนี้กลายเป็นคนธรรมดาแล้ว เธอจึงหยิบหนังสือและเอกสารกองโตออกมา บอกกับ Gon ว่าเขาต้องเรียนให้ครบ 4 ภาคการศึกษาที่ขาดไประหว่างออกผจญภัยไปเป็น Hunter เพื่อให้ได้ใบรับรองจากสำนักงานการศึกษาและสวัสดิการ นอกจากนี้ เขายังต้องเขียนรายงานกิจกรรมความยาว 10,000 คำ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้ทำมาจนถึงตอนนี้ และบันทึกอาชีพ 30 หน้าด้วย สิ่งนี้ทำให้ Gon รู้สึกหงุดหงิด แต่ Mito เตือนเขาว่าสถานะ Hunter ของเขาทำให้ได้รับการยกเว้นในเรื่องการเรียนมามากพอแล้ว และความท้าทายของการทำงานชดเชยนี้เทียบไม่ได้เลยกับอุปสรรคหลายอย่างที่เขาผ่านมาได้​​​​​​​​​​​​​​​​

อาวุธ

Fishing Rod: ตอนที่อยู่บน Whale Island Gon ใช้คันเบ็ดแบบยืดหดได้เพื่อฝึกงานอดิเรกตกปลาของเขา ระหว่างการสอบ Hunter เขาแสดงความสามารถในการใช้มันเป็นอาวุธชั่วคราว โดยใช้ทุ่นหนักของมันตีคู่ต่อสู้จากระยะไกล และใช้ตะขอคว้าวัตถุที่อยู่ไกลๆ เขาพกมันไปด้วยตอนไปคุยกับ Killua ที่ Zoldyck Mansion แต่ไม่ได้ใช้อีกจนกระทั่งต่อสู้กับ Gido ที่ Heavens Arena หลังจากนั้นเขาน่าจะเอามันไปเก็บไว้ที่บ้านบน Whale Island ทั้งคันเบ็ดและเอ็นนั้นทนทานมาก ใช้ยกและขว้างแท่งหินน้ำหนัก 1 ตันได้โดยไม่ขาด ทุ่นก็หนักพอจะทำให้หน้าของ Hisoka ช้ำเมื่อโดนตีด้วย

คันเบ็ดนี้ค่อนข้างเรียบง่าย ประกอบด้วยด้ามจับและตัวคันเท่านั้น ไม่มีรอกหรือวงแหวน ลักษณะของมันแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละสื่อ ในมังงะมีสีน้ำตาลอ่อน มีผ้าพันสีขาวพันอยู่ที่ด้ามจับ ในอนิเมะปี 1999 ผ้าพันเป็นสีน้ำตาลแดง ไม่รู้ชัดว่าทำมาจากวัสดุอะไร แต่แสดงให้เห็นว่าทนทานและยืดหยุ่นมาก ในอนิเมะปี 2011 คันเบ็ดทำมาจากโลหะสีเงิน มีผ้าพันสีเทาเข้ม เมื่อกางออกมันจะสูงกว่า Gon แต่พับเก็บแล้วจะสั้นลงมาก ทั้งในมังงะและอนิเมะทั้งสองเรื่อง Gon ใช้คันเบ็ดนี้ร่วมกับตะขอสามง่าม และทุ่นทรงกลมขนาดใหญ่สีแดง ในอนิเมะปี 1999 Mito เผยว่าคันเบ็ดนี้เป็นของ Ging ที่เคยใช้มันจับปลา Master of the Swamp ตอนเป็นเด็ก​​​​​​​​​​​​​​​​

ความสามารถและพลัง

Gon ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งหมดจากสถานะ Hunter ของเขา ในช่วงต้นเรื่อง เขามีคันเบ็ดที่สามารถควงได้อย่างแม่นยำน่าทึ่ง แม้กระทั่งจับป้ายชื่อของ Hisoka จากที่ไกลๆ ขณะที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงได้ นอกจากนี้คันเบ็ดยังใช้เป็นอาวุธรุกได้หากสถานการณ์ต้องการ ระหว่างการสอบ Hunter Gon มักได้รับคำชมเรื่องพลังการสังเกต ความคล่องแคล่ว และความอึด ในการต่อสู้เขาคิดหากลยุทธ์และทางเลือกอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่คุณภาพที่น่าทึ่งที่สุดของเขาคือพรสวรรค์ไร้ขีดจำกัดที่มีอยู่ ตัวละครที่ทรงพลังหลายตัวเช่น Hisoka, Wing, Biscuit และ Razor ต่างก็ทึ่งเมื่อเห็นขอบเขตเต็มที่ของความสามารถของ Gon ซึ่งมักถูกอธิบายว่าไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เขาสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะด้าน Nen ซึ่งมีความสามารถเฉพาะตัวที่หายากมาก แม้ก่อนจะได้เรียนมันเขาก็สามารถใช้ Zetsu ได้ในบางโอกาส

นอกจากพรสวรรค์แล้ว ความเข้มแข็งทางจิตใจของเขาก็ทำให้นักสู้ที่มากประสบการณ์และฝีมือกว่าต้องงงงวยอยู่เสมอ และเป็นองค์ประกอบสำคัญของบุคลิกภาพที่ล้นเหลือ ซึ่งแม้แต่ Hunter ที่แข็งแกร่งกว่าก็ดึงดูดให้มาหาเขา ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่อาจหยุดยั้ง ทำให้เขากล้าที่จะเสี่ยงชีวิตโดยไม่มีความกลัวมาฉุดรั้งไว้ จึงกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยกล้า ในฐานะ Enhancer เขาควรจะสมดุลระหว่างการโจมตีและป้องกันพอสมควร แต่กลับชอบรุกมากกว่าเพราะความดื้อรั้นมักโผล่ออกมาระหว่างการต่อสู้ บางครั้งจึงพุ่งเข้าไปอย่างบ้าระห่ำ แต่ก็ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะขยับตัวไม่ไหว เขามีความชำนาญในการต่อสู้ประชิดพอสมควร หลังได้รับการฝึกพื้นฐาน Shingen-ryu คุงฟูจาก Wing และ Biscuit รวมถึงจากประสบการณ์จริง แม้ว่าจะมีคุณสมบัตินี้มักไม่ค่อยเป็นที่สังเกต แต่ Gon สามารถมีสมาธิจดจ่อได้อย่างมากแม้ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด สังเกตเห็นรายละเอียดแม้ Hunter ชั้นยอดก็อาจมองข้าม

ความสามารถอื่นๆ ได้แก่ การนอนโดยมีสมองส่วนที่ตื่นอยู่มากกว่าปกติ เนื่องจากการฝึกของ Biscuit และกลั้นหายใจได้นานหลายนาทีแม้จะเหนื่อยล้า หลังจากออกจาก Greed Island ด้วยความชำนาญใน Nen ทำให้ Gon สามารถกลมกลืนกับธรรมชาติได้ง่ายขึ้น ทำให้เขาพบสายพันธุ์สัตว์ใหม่ๆ ได้มากมายในอัตราที่ทำให้เพื่อนร่วมงานของ Kite ทึ่ง​​​​​​​​​​​​​​​​

สายตาเหนือมนุษย์ (Enhanced Vision): สายตาของ Gon เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา เขาสามารถมองเห็นผู้เข้าสอบหลายคนในป่าจากยอดต้นไม้ ซึ่ง Kurapika ตัดสินว่าเป็นไม่ได้สำหรับมาตรฐานมนุษย์ เขาสามารถมองเห็นรายละเอียดเล็กๆ ได้ถึงขนาดแยกแยะ Kiriko สองตัวออกจากกันได้ รวมถึงเพศของพวกมัน ซึ่ง Kurapika และ Leorio ทำไม่ได้แม้จะเห็นตัวจริงแล้ว เขายังมองเห็นและไล่ตามหนึ่งในนั้นได้ในความมืดเกือบสนิทโดยอาศัยเพียงเงา

การได้ยินเหนือมนุษย์ (Enhanced Hearing): ประสาทการได้ยินของ Gon เหนือกว่าสายตาของเขาเสียอีก ทำให้เขาต่อสู้ได้แม้ในความมืดสนิท เขาได้ยินเสียงปีกของค้างคาวกรีดผ่านอากาศและระบุตำแหน่งได้ เขายังตรวจจับความแตกต่างของระดับเสียงที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่สามารถรับรู้ได้ ระหว่างการสอบ Hunter มันทำให้เขารู้สึกถึงการมีอยู่ของ Geretta ได้ เขาสัมผัสได้ถึง Latarza ที่บินมาหาเขาและ Killua นานก่อนที่เพื่อนของเขาจะรู้ตัว

ประสาทรับรสเหนือมนุษย์ (Enhanced Taste): เนื่องจากรสชาติมีความสำคัญต่อการเอาชีวิตรอดในป่า Gon จึงฝึกลิ้นของเขาจนสามารถตรวจจับสารที่ถือว่าไม่มีรสได้

การดมกลิ่น (Immense Smell): ประสาทการดมกลิ่นของ Gon พัฒนาขั้นสูงมาก จนมักถูกเปรียบเทียบกับสุนัข เขาสามารถตามหา Leorio ได้จากกลิ่นโคโลญจน์ของเขาจากระยะหลายไมล์ เขายังระบุตำแหน่งของ Ponzu ได้ แม้จะไม่เคยพบเธอมาก่อน ด้วยข้อมูลง่ายๆ ว่าเธอใช้อาวุธเคมี​​​​​​​​​​​​​​​​

การรับรู้เหนือธรรมชาติ (Preternatural Perception): โดยไม่มีกระบวนการที่สมเหตุสมผล Gon สามารถตัดสินได้ว่า Majtani ไม่ใช่ภัยคุกคาม ทั้งๆ ที่ไม่เคยต่อสู้มาก่อน ซึ่งเขาอธิบายความรู้สึกนี้ว่าเป็น “ความหนาว” อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ที่น้อยของเขาทำให้ไม่สามารถประเมินได้แม่นยำนัก ซึ่งมักจะถูก Killua แก้ไขให้ถูกต้อง สัญชาตญาณของเขาแหลมคมขึ้นหลังจากได้รับประสบการณ์การต่อสู้มากขึ้นและพัฒนาความสามารถ Nen เช่นเดียวกับนักสู้ที่รอบคอบคนอื่นๆ Gon สามารถรับรู้ถึงสายตาของผู้อื่นได้ เขายังรู้สึกถึงการมีอยู่ของ Meleoron แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถพิเศษในการลบมันก็ตาม

พละกำลัง (Enhanced Strength): ก่อนการสอบ Hunter Gon สามารถแบกปลา Master of the Swamp ได้โดยไม่ลำบากขณะวิ่ง ซึ่งหนักมากจนผู้ใหญ่ 5 คนช่วยกันลากก็ยังจับไม่ได้ หลังจากฝึก 20 วันที่คฤหาสน์ตระกูล Zoldyck เขาผลักประตูน้ำหนัก 4 ตันเปิดได้ และทุบเสาหินให้แตกด้วยหมัดเดียว รวมถึงผลักคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่าเขาหลายเท่าชนกำแพงปลิวไปไกลหลายสิบเมตรด้วยมือข้างเดียว ต่อมา ที่ Heavens Arena เขาพิสูจน์ว่าแข็งแรงพอจะยกและขว้างกระเบื้องหินของเวทีได้โดยไม่ต้องออกแรง หักคานเหล็กด้วยหมัดเดียว และหักข้อมือผู้ใช้ Nen ในเสี้ยววินาทีด้วยการคว้าไว้เท่านั้น เขาเอาชนะ Shizuku อันดับ 12 ของ Phantom Troupe ในการงัดข้อได้ และยังเคยชนะ Nobunaga อันดับ 9 ขณะใช้ Ren ด้วย ยังไม่รู้ชัดว่าเขากดน้ำหนักได้เท่าไหร่หลังจากเรียนรู้ Nen แล้ว แต่พลังการโจมตี Rock ของเขาทำให้แม้แต่ผู้ใช้ Nen ที่เก๋าเกมก็หวาดผวา ด้วยการโจมตีเดียวกันนี้ มีการกล่าวกันว่าเขาส่ง Chimera Ant ไปอีกประเทศหนึ่งได้​​​​​​​​​​​​​​​​

ความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนอง (Enhanced Speed and Reflexes): ระหว่างการสอบ Hunter Gon ถือว่าความเร็วเป็นข้อได้เปรียบหลักในการต่อสู้ของเขา จนได้รับคำชมจาก Hanzo แม้จะช้ากว่า ความว่องไวของเขาทำให้หลบการโจมตีบางส่วนของ Hisoka ได้ และทำให้ Hisoka ประหลาดใจชั่วครู่ แม้ Hisoka จะเร็วกว่า แต่ Gon ก็ยังสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเขาด้วยสายตาได้ บน Greed Island เขาวิ่งข้ามระยะทางหลายเมตรและแย่งการ์ดจากมือผู้ใช้ Nen ที่อ่อนแอได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันสังเกต ประกอบกับสายตาเหนือมนุษย์ ปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วของ Gon ทำให้เขาชนะเกมเป่ายิ้งฉุบได้เสมอ ด้วยการมองกำปั้นคู่ต่อสู้ก่อนเริ่มเกมเพียงเสี้ยววินาที เขามองทะลุด่านสุดท้ายของเกมหยอดเหรียญของ Gotoh ได้ ในขณะที่ Leorio และ Kurapika มองไม่ทันการเคลื่อนไหวของเขาเลย และยังติดตามการส่งบอลของ Razor ได้ต่างจาก Tsezguerra นักล่าหนึ่งดาว ผ่านการฝึกของ Biscuit Gon กลายเป็นคู่แข่งที่สูสีกับ Killua ทั้งความเร็วในการวิ่งและการตอบสนอง แม้แต่แรกจะช้ากว่า ความเร็วปกติของเขาทิ้งม้าไว้ข้างหลังและตามทัน Kite ได้ และในที่สุดก็ต่อสู้สูสีกับ Knuckle ได้ แม้ความเร็วในการเคลื่อนไหวจะยังต่ำกว่า Beast Hunter อยู่ดี Gon ปีนป่ายได้เร็วด้วย ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีปีนต้นไม้ผิวไม่เรียบสูง 1784 เมตร หลังจากผ่าน 500 เมตรแรกไป

ความคล่องแคล่ว (Enhanced Agility): Gon วิ่งกระโดดจากต้นไม้หนึ่งไปอีกต้นได้คล่องแคล่วจนไล่ทัน Kiriko ได้อย่างง่ายดาย เขากระโดดสูงได้สองสามเมตร ซึ่งใช้ Nen เพิ่มความสูงได้ถึง 16 เมตร ในการต่อสู้ เขาใช้ความคล่องตัวจู่โจมจากมุมที่คาดไม่ถึง และหาจังหวะทรงตัวใหม่ได้รวดเร็วหลังจากโดนโจมตีหรือหลบ

ความอึด (Enhanced Stamina): Gon วิ่งระยะไกลกว่า 80 กิโลเมตรบนเส้นทางขรุขระ เช่นขึ้นบันไดและลุยบึง โดยไม่แสดงอาการเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย ในแมตช์แรกกับ Gido เขาหลบลูกข่างหมุน 50 อันได้นานราวหนึ่งชั่วโมงในสภาวะ Zetsu เขาสู้กับ Binolt 10 วันรวดโดยไม่ได้พักเลย ต้องตื่นตัวตลอดแม้ขณะนอนหลับ มีการสังเกตด้วยว่าเขาฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าได้เร็วมาก​​​​​​​​​​​​​​​​

ความทนทาน (Enhanced Endurance): Gon แสดงให้เห็นว่าเขายังสู้ต่อได้แม้จะเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน ส่วนใหญ่เป็นเพราะความดื้อรั้นและมุ่งมั่นมากกว่าความสามารถทางกายภาพ เขาไม่ยอมแพ้แม้ Hanzo จะซ้อมเขาด้วยท่าเฉพาะตัวนานสามชั่วโมง หรือแม้แต่ตอนที่นินจาหักแขนเขา เขาทนรับแขนขวาไหม้อย่างหนัก และแขนซ้ายถูก Genthru ระเบิดหลุด หลังจากโดน Genthru ตีจนย่อยยับและถูกบีบคอจนหลอดลมแตก แต่ก็ยังรวบรวมพลังใช้ท่า Rock ได้ถึงสองครั้งและเอาชนะได้

ความสามารถในการปรับตัวขั้นสูง (Enhanced Adaptability): เขาคุยและหัวเราะอยู่บนยอดต้นไม้โลกนานหลายชั่วโมงโดยไม่ดูเหมือนจะมีปัญหากับระดับออกซิเจนหรืออุณหภูมิต่ำ

ความต้านทานพิษขั้นสูง (Advanced Poison Resistance): ตอน Geretta ทำให้เขาเป็นอัมพาตระหว่างการสอบ Hunter อีกฝ่ายคาดว่า Gon จะขยับไม่ได้เป็นเวลา 10 วัน ในขณะที่ Hisoka เชื่อว่า 4 วันก็น่าจะพอ แต่ Gon ลุกขึ้นยืนได้ภายในไม่กี่นาทีหลังจากโดนพิษ

การรักษา (Healing Factor): Gon หายเร็วเป็นพิเศษ ไม่ได้เป็นเพราะเขาเป็น Enhancer เท่านั้น เพราะมีหลายครั้งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเรียน Nen ด้วยซ้ำ เช่นตอนแขนหักหายสนิทภายใน 10 วันจากการหักแบบเรียบ หลังจาก Wing เปิดจุดออร่าของ Gon เขาฟื้นตัวเต็มที่จากกระดูกแขนท่อนล่างหัก กระดูกต้นแขนร้าว กระดูกซี่โครงหัก 3 ซี่และร้าว 12 รอยภายในหนึ่งเดือน แทนที่จะเป็นสี่เดือนอย่างที่คาดการณ์ไว้ โดยไม่ได้ใช้ Nen เลย เมื่อ Genthru ระเบิดมือซ้ายของเขาขาด เลือดก็หยุดไหลในทันที​​​​​​​​​​​​​​​​

ปัญญาเฉียบแหลม (Keen Intellect): Gon มักทำให้ทั้งพันธมิตรและศัตรูทึ่งในความสามารถในการคิดนอกกรอบ มองปัญหาในมุมมองใหม่เพื่อหาทางแก้ไข เขาแสดงความสามารถนี้ถึงสองครั้งในช่วงการสอบ Hunter รอบที่สาม โดยการเป่าเทียนของ Sedokan แทนที่จะดูแลของตัวเอง และเลือกเส้นทางยาวไปยังเป้าหมายแล้วทุบกำแพงที่กั้นเส้นทางสั้นแทน หลีกเลี่ยงทางเลือกบังคับของ Lippo แทนที่จะสู้กับ Nobunaga เขาใช้ความรู้เรื่องลำไส้เทียมหาทางหนีทางอื่น เขาเป็นคนแนะนำให้ Killua และเขาประมูลของเพื่อหากำไรก่อนไปร่วมประมูลในฐานะผู้ซื้อ และภายหลังแนะนำให้พวกเขาไปสมัครงานกับ Battera แทนที่จะซื้อ Greed Island เอง เขามีความจำดี ทำให้ชนะการตอบคำถามเพื่อได้ “Ruler’s Blessing” ด้วย เขาค่อนข้างมีสัญชาตญาณ และเมื่อมีสมาธิจดจ่อเต็มที่ บางครั้งเขาแสดงความสามารถในการคิดเร็วกว่าอย่าง Killua และ Morel ได้ โดยการตัดทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องทิ้งไป แต่เขากลับเป็นที่รู้จักในฐานะคนไม่ถนัดคณิตศาสตร์

นักกลยุทธ์ฝีมือดี (Proficient Strategist): ความสามารถในการคิดนอกกรอบที่โดดเด่นของ Gon ขยายไปถึงกลยุทธ์การต่อสู้ ทำให้เขาเป็นคนที่คาดเดาได้ยากมาก เขาทำให้ Netero ประหลาดใจถึงสามครั้งระหว่างเล่นเกมบอลด้วยกัน เขาคิดกลยุทธ์ที่เรียบง่ายแต่ได้ผลเพื่อเอาชนะ Gido และ Riehlvelt โดยใช้สภาพแวดล้อมรอบตัว และใช้วิธีคล้ายกันเพื่อต่อยโดน Hisoka เขาคิดแผนที่ทำให้ Kurapika ลักพาตัว Chrollo ได้ ความเต็มใจที่จะรับความเสียหายมากเพื่อโจมตีจุดสำคัญทำให้เขาสามารถเอาชนะ Genthru โดยไม่ต้องพึ่งแผนของ Killua ถ้าหากอีกฝ่ายไม่รอดจากเหตุบังเอิญโชคดี ต่อสู้กับ Hollow และ Bat เขาแสดงทักษะการวิเคราะห์ได้ดีพอสมควร ระบุกลไกเบื้องหลังการโจมตีประสานกันของทั้งคู่ และหันกลับมาใช้กับทั้งสองได้​​​​​​​​​​​​​​​​

มือต่อสู้ประชิดฝีมือดี (Proficient Hand-to-Hand Combatant): Gon เรียนเทคนิคต่อสู้ Shingen-ryu กังฟูจาก Wing นานประมาณหนึ่งเดือน และได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมจาก Killua ก่อนแมตช์กับ Hisoka แม้จะฝึกฝนมาไม่มาก แต่เขาก็พิสูจน์หลายต่อหลายครั้งว่าเป็นนักต่อสู้ที่มีฝีมือและเจ้าเล่ห์มาก หลังจาก 10 วันที่ต่อสู้กับ Binolt อย่างไม่ลดละ เขาสามารถฝึกซ้อมกับ Killua ได้อย่างสูสีโดยใช้ Ryu ผ่านทั้ง Flowing Dance ซึ่งผู้ฝึกฝนต้องมีระดับทักษะใกล้เคียงกัน และต่อสู้เต็มความเร็ว ความสามารถในการต่อสู้ประชิดของเขาทำให้ Genthru และ Hisoka ประหลาดใจ ถึงแม้ว่าเขาจะสู้ไม่ได้ทั้งสองกรณี หลังจาก Bomber บีบคอเขาจนหลอดลมแตก Gon คาดการณ์ได้แม่นยำว่าอีกฝ่ายจะเล่นงานที่ท้ายทอยต่อ และเขาก็ระดมออร่าไปตรงนั้น แสดงความสามารถในการคาดเดาคู่ต่อสู้โดยไม่ต้องมอง Killua สังเกตว่าเขาพัฒนาขึ้นอย่างมากเมื่ออยู่ในสถานการณ์ต่อสู้จริง ในเพียง 20 วัน Gon ลดช่องว่างระหว่างเขากับ Knuckle ได้อย่างมาก ซึ่ง Knuckle เป็นนักสู้ผ่านศึกมากว่า 5,000 ครั้ง ที่ใช้การต่อสู้มือเปล่าเป็นวิธีรุกหลัก รูปแบบการต่อสู้ของ Gon เน้นการใช้หมัด มักรวมการชกฟาดหลายครั้ง และใช้กลยุทธ์ที่คาดเดาไม่ได้ รวมถึงเตะเป็นครั้งคราวเมื่อจังหวะเหมาะสม

ผู้เชี่ยวชาญอาวุธฝีมือฉกาจ (Proficient Weapon Specialist): Gon แสดงให้เห็นว่าเขาใช้คันเบ็ดได้คล่องแคล่วทั้งเป็นไม้ตี และอาวุธแบบแส้ (ตีคู่ต่อสู้ด้วยทุ่น) เขามีฝีมือมากจนใช้ตะขอคว้าวัตถุระยะไกลได้ โดยความสำเร็จสูงสุดคือการขโมยป้ายชื่อของ Hisoka แม้อีกฝ่ายจะเร็วและมีประสาทสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษ ที่ Heavens Arena Gon ใช้คันเบ็ดยกแผ่นหินเพื่อหยุดการหมุนของ Gido ได้​​​​​​​​​​​​​​​​

ผู้เชี่ยวชาญการหลบซ่อน: Gon สามารถติดตาม Hisoka ได้ทั้งวันโดยไม่ถูกจับได้  ความสามารถในการซ่อนตัวของเขาเป็นทักษะที่มีมาแต่กำเนิด ไม่ได้มาจากการฝึกฝนใด ๆ แต่มาจากการใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง โดยที่เขาไม่รู้ตัว ความสำเร็จนี้เป็นไปได้เพราะการใช้ Zetsu โดยไม่ได้ตั้งใจ และเจตนาของเขาถูกกลบด้วยความกระหายเลือดของ Hisoka เอง

ผู้เชี่ยวชาญการติดตาม: เขาตาม Nobunaga และ Machi ไปรอบ ๆ Yorknew City โดยทั้งคู่ไม่สามารถพบเขาได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกถึงการมีอยู่ของเขาอย่างชัดเจน

นักตกปลามืออาชีพ: เมื่ออายุ 10 ขวบ Gon สามารถจับ Swamp King ปลาที่ไม่มีใครสามารถตกได้เป็นเวลาหลายปี

ความรู้ด้านสัตววิทยา: Gon มีความรู้เกี่ยวกับอันดับและสายพันธุ์ของสัตว์หลายชนิด และพืชในระดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาอาศัยอยู่ที่ Whale Island ความเชี่ยวชาญนี้พิสูจน์ว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการต่อสู้กับ Chimera Ants อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะขาดความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ Magical Beasts

ความเข้าอกเข้าใจสัตว์: Gon สามารถสร้างสายสัมพันธ์กับลูก Foxbear ได้แม้ว่ามันมักจะไม่ยอมให้มนุษย์เลี้ยง และทั้งคู่ยังกลายเป็นเพื่อนกันในภายหลัง โดยต่างฝ่ายต่างเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามสื่อสาร เมื่อเขาออกไปสอบ Hunter เขาบอกกับกัปตันว่าเขารู้ว่ากำลังจะเกิดพายุเพราะนกนางนวลบอกเขา การเป็นที่ชื่นชอบของสัตว์เป็นลักษณะที่มักจะเกี่ยวข้องกับนักล่าที่ดี และความชำนาญใน Nen ของเขาทำให้เขาง่ายต่อการผสมผสานกับธรรมชาติและใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลให้เขาค้นพบสายพันธุ์สัตว์ใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถสร้างสายสัมพันธ์กับ Mike ได้ ดังที่เขาเองเข้าใจทันทีเมื่อมองเข้าไปในดวงตาของมัน​

Nen

Gon เป็น Enhancer ดังนั้นจึงมีพละกำลังและความสามารถในการฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยม ด้วยการฝึกฝนของ Biscuit เขาได้ฝึกฝนในอย่างน้อยสองประเภท Nen อื่น ๆ ได้แก่ Emission และ Transmutation ซึ่งต่อมาเขาได้ฝึกฝนให้มีระดับสูงพอที่จะสร้างความสามารถ Nen ที่ใช้งานได้ แต่เดิมเขาแสดงทักษะที่ยอดเยี่ยมใน Emission มากกว่า Transmutation แต่เมื่อเขาพบกับ Kite ใน NGL เขาอาจจะเชี่ยวชาญในหมวดหมู่หลังมากกว่าหมวดหมู่แรก ดังที่แนะนำโดยศักยภาพในการต่อสู้ของความสามารถ Nen ของเขา Gon ยังเชี่ยวชาญเทคนิคพื้นฐานทั้งสี่และอย่างน้อยห้าเทคนิคขั้นสูง ยกเว้น In และ En ถึงแม้ว่าเขาสามารถใช้ Ren เพื่อตรวจจับการโจมตีที่เขาไม่สามารถตอบสนองได้ ตามที่ Wing กล่าว ความสามารถของ Gon สามารถพบได้เพียงหนึ่งในสิบล้านคนเท่านั้น เขาทำ Ten ได้สำเร็จโดยไม่มีคำแนะนำเลย ซึ่ง Wing อธิบายว่าทั้ง “น่าทึ่ง” และ “น่ากลัว” และเรียนรู้ Ren และ Gyo ในเพียงหนึ่งคืน ในสภาวะปกติ เขาสามารถรักษา Ren ได้นานสามชั่วโมงนอกการต่อสู้โดยไม่มีความยากลำบากเลย ด้วยเทคนิคนี้เขาสามารถบดขยี้วัตถุที่เสริมด้วยออร่าที่ถูกขว้างใส่เขาโดยเพื่อนร่วม Enhancer แม้ในช่วงแรกของการฝึกของเขา เมื่อพยายามพัฒนาความสามารถ Nen เขาค้นพบเทคนิค Ko ขั้นสูงด้วยตัวเองหลังจากที่ Wing แนะนำให้เขาแสดงให้ Tsezguerra เห็นทั้งหมดที่เขาได้เรียนรู้ในครั้งเดียว และเขาสามารถใช้มันได้อย่างรวดเร็วและบนส่วนต่าง ๆ ของร่างกายพร้อม ๆ กัน ในทำนองเดียวกัน เขาเรียนรู้ที่จะใช้ Shu เพียงแค่จินตนาการถึงเทคนิค และเขาประสบความสำเร็จในความพยายามครั้งแรก นั่นหมายความว่าพร้อมกับ Zetsu ซึ่งเขาสามารถใช้ได้ก่อนที่จะแนะนำแนวคิดของ Nen ความสำเร็จนี้ทำให้เขาเป็นอัจฉริยะใน Nen Gon สามารถค้นพบเทคนิคสามจากสิบเอ็ดเทคนิคด้วยตัวเอง แม้ว่าเขาจะเป็นมือใหม่อย่างเคร่งครัดในเรื่องนั้น แต่เขาก็มีทักษะพื้นฐานบางอย่างในการอ่านการไหลของออร่าของคู่ต่อสู้และประเมินปริมาณที่ปล่อยออกมา​​​​​​​​​​​​​​​​

Gon แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการ Enhancement ของเขาอย่างโดดเด่นผ่านความทนทานที่ไม่ธรรมดา เขาได้รับการต่อสู้อย่างรุนแรงจาก Genthru โดยรอดชีวิตจากการโจมตีในบริเวณที่เขาแทบจะไม่ได้ป้องกันด้วยออร่า ในขณะที่ Killua คิดว่าการโจมตีโดยตรงเพียงครั้งเดียวจาก Sub อีก Bomber หนึ่ง จะทำให้เขาต้องออกจากการต่อสู้ Baro ซึ่งการโจมตีด้วยการกลิ้งของเขาสามารถทำให้ต้นไม้ใหญ่ล้มลงได้ ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายที่มีนัยสำคัญได้แม้ว่า Gon จะเผลอตัว แม้แต่ Hollow ผู้ใช้ Nen เช่นกัน ก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลเล็ก ๆ ด้วยขนของเขาหรือการโจมตีหลายครั้ง แม้ว่าเขาจะแข็งแรงพอที่จะทำให้ต้นไม้ล้มลงด้วยหมัดเดียว

ในทางกลับกัน การโจมตีของ Gon เองก็แข็งแกร่งพอที่จะทำให้แขนของ Hisoka และ Genthru สั่นสะเทือนเมื่อพวกเขาปิดกั้นการเตะของเขา แม้ว่าพวกเขาจะมีความเชี่ยวชาญใน Nen ที่สูงกว่าก็ตาม Killua เคยโจมตีเขาด้วย Ryu หรือ Ko จากด้านหลังและโดยไม่ยั้งมือ ในขณะที่ Gon กำลังใช้ Ken Gon สูญเสียสติ แต่ฟื้นคืนมาภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาโดยไม่มีความเสียหายหรือบาดเจ็บถาวร

ในขณะที่ Killua มักจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ควบคุมออร่าได้ดีที่สุดในบรรดาทั้งคู่ Gon มักจะได้รับคำชมเชยจากศัตรูและพันธมิตรสำหรับปริมาณออร่าที่มากมายที่เขาสามารถปล่อยออกมาได้ ตาม Knuckle ขนาดของออร่าของ Gon ในระหว่าง Ken นั้นเทียบได้กับของมืออาชีพระดับกลาง ผสมผสานกับทักษะ Enhancement ของเขา เทคนิค Hatsu ของ Gon ซึ่งมีพลังมากกว่า เกินความสามารถในการป้องกันของ Knuckle ทั้งนี้ Razor ได้ขนานนาม Gon ว่าเป็น “ปีศาจ” อย่างไรก็ตาม การขาดประสบการณ์ของเขาทำให้การไหลเวียนของออร่าของเขาอ่านง่าย และทำให้เขาสูญเสียพลังงานไปมาก

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งหลักของ Gon อยู่ที่ความสามารถในการเพิ่มกำลังออร่าระหว่างการต่อสู้ กระบวนการนี้เป็นแบบไม่รู้ตัวเป็นส่วนใหญ่และขึ้นอยู่กับสภาวะจิตใจของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมุ่งมั่นและความโกรธ ช่วยเพิ่มพลังให้เขาอย่างน่าทึ่ง การเพิ่มพลังมหาศาลมากจนทำให้ Rock ของ Gon ในตอนโกรธ อาจฆ่า Morel ได้ ซึ่งเป็นนักล่าที่มีออร่ามากกว่าเขาเกือบสามเท่า ในขณะที่ก่อนหน้านี้การโจมตีแบบเดียวกันทำให้ Knuckle เป็นลม แต่ไม่เกิดบาดแผลถาวร Meleoron ยังเชื่ออีกว่า Rock ของ Gon ร่วมกับ Perfect Plan ของเขา ทรงพลังมากพอที่จะฆ่า Meruem ได้โดยการเล็งไปที่จุดสำคัญของราชา เมื่อเขาและ Killua เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับ Neferpitou ในพระราชวังของอาณาจักร East Gorteau Killua กล่าวว่าเขาไม่เคยเห็นเพื่อนของเขาปล่อยออร่าที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ทำให้เขาเชื่อว่าแม้แต่ Royal Guard ก็ไม่สามารถต่อต้านเขาได้โดยไม่ใช้ Nen​​​​​​​​​​​​​​​​

เทคนิค Nen ของ Gon มีชื่อว่า Jajanken (ジャジャン拳けん) ซึ่งเป็นคำเล่นของคำว่า “Janken” ที่แปลว่าเกมเป่ายิ้งฉุบในภาษาญี่ปุ่น และคำว่า “Jajan” (คำอุทานในภาษาญี่ปุ่นที่คล้ายกับคำว่า “Ta-dah”) Gon ได้แรงบันดาลใจครั้งแรกหลังจากเรียนรู้รากฐานอันตรายของเกมนี้ในศิลปะการต่อสู้ Jajanken ประกอบด้วยสามส่วน การโจมตีหลักของ Gon คือ Rock ซึ่งเป็นการชกทำลายล้างแบบง่าย ๆ แต่รุนแรง โดยรวมพลังออร่าทั้งหมดลงในกำปั้นของเขาผ่าน Ko การโจมตีระยะไกลของเขาคือ Paper การโจมตีแบบปล่อยพลังออร่าเป็นลูกบอลออกมาจากฝ่ามือ ซึ่งเคยเป็นการโจมตีที่อ่อนแอที่สุดของเขา ลูกบอลมีความเร็วไม่มาก พลังไม่แรงมาก และง่ายต่อการบล็อกหรือเปลี่ยนทิศทางสำหรับผู้ที่ใช้ Ko การโจมตีระยะกลางของเขาคือ Scissors ซึ่งเป็นใบมีดออร่าแปรสภาพที่ติดอยู่กับนิ้วชี้และนิ้วกลาง สามารถตัดผ่าน Chimera Ant ได้ Gon จะนำหน้าแต่ละการโจมตีด้วยบทสวดมนต์ “First comes rock! Rock, paper…” (最さい初しょはグー！ ジャン！！ ケン！！！ 〈……〉！！！！, Saisho wa Gū! Jan!! Ken!!! […]!!!!) ยัน ยิง เยา เป่า ยิง … ตามด้วยชื่อของการโจมตี เนื่องจากการโจมตีทั้งสามถูกเตรียมพร้อมในลักษณะเดียวกัน Gon สามารถตัดสินใจเปลี่ยนจากอันหนึ่งไปอีกอันได้ แม้ว่าจะเริ่มเตรียมการแล้ว เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์หากคู่ต่อสู้เข้าใกล้หรือถอยกลับ ภายหลังเขาสามารถชาร์จ Jajanken ได้ขณะวิ่ง

เวลาชาร์จที่นานทำให้ Jajanken ยากต่อการใช้ในการต่อสู้จริง แม้ว่าความเสี่ยงที่มันสร้างจะเป็นแก่นแท้ของพลังของมัน อย่างไรก็ตาม ผ่านเทคนิคที่เรียกว่า “Round 2” (あいこで Aiko de) Gon สามารถระดมออร่าปริมาณสองเท่าของปกติ เพื่อใช้การโจมตี Jajanken สองครั้งติดกันอย่างรวดเร็ว ลดความจำเป็นในการใช้คาถาสองครั้ง ชื่อของเทคนิคนี้จะถูกตะโกนหลังจากการโจมตีครั้งแรกและทันทีก่อนครั้งที่สอง ยังไม่แน่ชัดว่า Round 2 เป็นความสามารถของ Nen โดยเฉพาะ หรือเป็นเพียงช่องโหว่ของ Jajanken

หลังจากการโจมตีพระราชวัง ผ่านสัญญา Gon ได้เสียสละพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดทั้งหมดของเขา เพื่อแลกกับพลังมหาศาล ซึ่งเขาสามารถเอาชนะหนึ่งใน Royal Guards ได้โดยลำพัง เขาใช้ความสามารถนี้โดยไม่มีการฝึกฝนใด ๆ มาก่อน ความรู้เกี่ยวกับ “Vow” เพียงอย่างเดียวที่เขามีในตอนนั้นมาจากคำอธิบายของ Kurapika เกี่ยวกับความสามารถของ Nen อย่างไรก็ตาม ผลก็คือ ร่างกายของเขาเริ่มเสื่อมสลายในไม่ช้าหลังจากการต่อสู้ และแม้หลังจากได้รับพรให้ร่างกายกลับมาสมบูรณ์ Gon ก็สูญเสียความสามารถในการใช้หรือรับรู้ออร่าของเขา Ging กล่าวอย่างคลุมเครือว่า Gon เพิ่งกลับมา “ปกติ” และควรถือว่าตัวเองโชคดีเพราะเขาอาจสูญเสียมากกว่านี้ ยังไม่แน่ชัดว่าเขาสามารถได้ Nen ของเขากลับคืนมาได้หรือไม่​​​​​​​​​​​​​​​​