สรุปหนังสือ 40+ ยังไม่สาย เกษียณสบายเป็นจริงได้

40+ ยังไม่สาย เกษียณสบายเป็นจริงได้
40+ ยังไม่สาย เกษียณสบายเป็นจริงได้

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อหนังสือ : 40+ ยังไม่สาย เกษียณสบายเป็นจริงได้

ชื่อผู้แต่ง : ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์

สำนักพิมพ์ : The Stock Exchange of Thailand

ปีที่พิมพ์ : 2560

จำนวนหน้า : 180 หน้า

หมวดหนังสือ : การเงินการลงทุน

สารบัญ

  • เริ่มต้นวันนี้ เดี๋ยวนี้
  • พิชิตฝันไม่มีคำว่าสาย
  • วิชาการเงิน…..รู้เยอะ…..เสี่ยงน้อย
  • แผนเงินสำหรับคนเริ่มช้า
  • อาวุโสโอเค

สรุปข้อคิดจากหนังสือ

หนังสือเล่มนี้ให้แนวคิดสำคัญว่า แม้อายุจะ 40 กว่าปีแล้ว ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเน้นย้ำว่าการวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำตั้งแต่เริ่มทำงาน เพื่อให้มีเงินใช้อย่างสบายหลังเกษียณ หนังสือให้ความรู้เกี่ยวกับการออม การทำบัญชีรายรับรายจ่าย และวิธีการวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง นอกจากนี้ยังนำเสนอแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง การสร้างรายได้หลายทาง และการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว โดยเน้นย้ำว่าการวางแผนการเงินไม่ใช่เรื่องยาก หากมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง ผู้เขียนยังแนะนำให้ผู้อ่านมีทัศนคติที่ดีต่อการเงิน มองว่าเป็นเรื่องท้าทายและน่าสนใจ ไม่ใช่ภาระหรือความยุ่งยาก

1. เริ่มต้นไม่มีคำว่าสาย

การวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อ แม้จะอายุ 40 กว่าปีแล้วก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มลงมือทำทันที ไม่ควรผัดวันประกันพรุ่ง เพราะยิ่งเริ่มเร็วก็จะยิ่งมีเวลาสะสมเงินได้มากขึ้น ดังนั้นไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ควรเริ่มวางแผนการเงินตั้งแต่วันนี้ การเริ่มต้นวันนี้จะทำให้คุณมีโอกาสบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้มากกว่าการรอไปเริ่มในอนาคต

2. ตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน

การกำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ ควรคำนวณว่าต้องการใช้เงินเท่าไหร่หลังเกษียณ แล้วตั้งเป้าหมายการออมและการลงทุนให้สอดคล้องกัน เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการออมและลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น การตั้งเป้าหมายควรทำอย่างรอบคอบและสมเหตุสมผล โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการเงินในอนาคต

3. ทำบัญชีรายรับรายจ่าย

การจดบันทึกรายรับรายจ่ายทำให้เห็นภาพรวมทางการเงินของตัวเองชัดเจนขึ้น จะได้ทราบว่ามีรายได้เท่าไหร่ ใช้จ่ายอะไรบ้าง และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนไหนได้บ้าง การทำบัญชีอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น และมีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ควรทำบัญชีอย่างละเอียดและซื่อสัตย์กับตัวเอง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการเงิน

4. แยกประเภทสินทรัพย์

ควรแบ่งสินทรัพย์ออกเป็นหมวดหมู่ เช่น สินทรัพย์สภาพคล่อง สินทรัพย์เพื่อการลงทุน และสินทรัพย์ส่วนตัว การแยกประเภทช่วยให้บริหารจัดการสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจัดสรรสินทรัพย์แต่ละประเภทให้เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาว การแยกประเภทสินทรัพย์ยังช่วยให้เห็นภาพรวมของความมั่งคั่งได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และช่วยในการตัดสินใจทางการเงินได้ดีขึ้น

5. สร้างเงินสำรองฉุกเฉิน

ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินประมาณ 3-6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้น เช่น การตกงาน หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินต่างๆ การมีเงินสำรองช่วยให้เรารู้สึกมั่นคงทางการเงินมากขึ้น และไม่ต้องกังวลหากเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต เงินสำรองควรเก็บไว้ในบัญชีที่มีสภาพคล่องสูง เช่น บัญชีออมทรัพย์ที่สามารถเบิกถอนได้ง่ายเมื่อจำเป็น

6. ลดหนี้สินอย่างมีแผน

หากมีหนี้สิน ควรวางแผนการชำระหนี้อย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน พยายามลดการก่อหนี้ใหม่ และใช้จ่ายอย่างมีวินัย การปลดหนี้ช่วยให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น และสามารถนำเงินไปลงทุนเพื่ออนาคตได้ ทำให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น อาจพิจารณาการรวมหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและทำให้การชำระหนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

7. เรียนรู้การลงทุน

ศึกษาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนประเภทต่างๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้สามารถเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง การลงทุนช่วยให้เงินงอกเงยได้เร็วกว่าการออมเพียงอย่างเดียว แต่ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนลงทุนจริงเพื่อลดความเสี่ยง ควรเริ่มจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นตามความเข้าใจและประสบการณ์ที่มากขึ้น

8. กระจายความเสี่ยงในการลงทุน

ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว แต่ควรกระจายการลงทุนไปในหลายๆ ประเภท เพื่อลดความเสี่ยง การกระจายการลงทุนช่วยรักษาเสถียรภาพของพอร์ตการลงทุน ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว แม้บางช่วงตลาดจะผันผวนก็ตาม การกระจายความเสี่ยงควรพิจารณาทั้งประเภทสินทรัพย์ ภูมิภาค และระยะเวลาการลงทุน เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความสมดุลและยืดหยุ่น

9. วางแผนภาษีอย่างชาญฉลาด

ศึกษาเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ เช่น การลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) การวางแผนภาษีอย่างถูกต้องช่วยประหยัดภาษีได้มาก ทำให้มีเงินเหลือเก็บและลงทุนได้มากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการเงินระยะยาว ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายภาษีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างเต็มที่

10. ทำประกันชีวิตและสุขภาพ

การทำประกันช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น การเจ็บป่วยหรือทุพพลภาพ ควรพิจารณาทำประกันให้ครอบคลุมความเสี่ยงต่างๆ แต่ไม่มากเกินไปจนกระทบต่อการออมและลงทุน การมีประกันทำให้รู้สึกมั่นคงและไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉิน ควรเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกัน และทบทวนความคุ้มครองเป็นระยะเพื่อให้สอดคล้องกับสถานะทางการเงินและชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป

11. เพิ่มรายได้หลายทาง

นอกจากรายได้จากงานประจำ ควรหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่มเติม เช่น อาชีพเสริม ธุรกิจออนไลน์ หรือการลงทุนที่สร้างรายได้ประจำ การมีรายได้หลายทางช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงิน ทำให้บรรลุเป้าหมายการออมและลงทุนได้เร็วขึ้น รวมถึงมีเงินใช้อย่างสบายหลังเกษียณ การสร้างรายได้เสริมควรคำนึงถึงความสมดุลระหว่างเวลาและผลตอบแทน และเลือกช่องทางที่สอดคล้องกับความสนใจและทักษะของตนเอง

12. ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง

ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เรียบง่าย พอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย แต่ก็ไม่ถึงกับตระหนี่ ใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล แยกแยะระหว่างความจำเป็นและความต้องการ การใช้ชีวิตแบบพอเพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ทำให้มีเงินเหลือเก็บและลงทุนได้มากขึ้น โดยไม่รู้สึกว่าต้องอดออมจนทรมาน การใช้ชีวิตอย่างพอเพียงยังช่วยลดความเครียดจากภาระทางการเงิน และทำให้มีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่มากขึ้น

13. ติดตามสถานะทางการเงินอย่างสม่ำเสมอ

ทบทวนและปรับแผนการเงินเป็นระยะ อย่างน้อยปีละ 1-2ครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน การติดตามอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เห็นความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมาย และสามารถปรับแผนได้ทันท่วงทีหากมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามา ทำให้การวางแผนการเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรใช้เครื่องมือหรือแอปพลิเคชันในการติดตามสถานะทางการเงิน เพื่อให้สามารถเห็นภาพรวมได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

14. วางแผนมรดกและพินัยกรรม

แม้จะยังไม่แก่ แต่ควรวางแผนเรื่องมรดกและทำพินัยกรรมไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพย์สินจะถูกจัดสรรตามความต้องการหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน การวางแผนมรดกช่วยลดปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว และทำให้มั่นใจว่าคนที่เรารักจะได้รับการดูแลหากเราจากไป ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อให้การวางแผนมรดกและการทำพินัยกรรมมีผลทางกฎหมายอย่างสมบูรณ์

15. มีทัศนคติที่ดีต่อการเงิน

สร้างทัศนคติที่ดีต่อเรื่องการเงิน มองว่าการวางแผนการเงินเป็นเรื่องสนุกและท้าทาย ไม่ใช่ภาระหรือความยุ่งยาก การมีทัศนคติที่ดีช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการจัดการการเงินอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่ท้อถอยเมื่อเจออุปสรรค และมีความสุขกับการเห็นความก้าวหน้าทางการเงินของตัวเอง พยายามมองหาโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางการเงินอยู่เสมอ เพื่อให้การบริหารการเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป

หนังสือ “40+ ยังไม่สาย เกษียณสบายเป็นจริงได้” ให้แนวคิดสำคัญว่าไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ แม้จะอายุ 40 กว่าแล้วก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มลงมือทำทันที โดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ทำบัญชีรายรับรายจ่าย บริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ เรียนรู้การลงทุนและกระจายความเสี่ยง วางแผนภาษีอย่างชาญฉลาด และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง นอกจากนี้ยังเน้นย้ำความสำคัญของการติดตามและปรับแผนการเงินอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการมีทัศนคติที่ดีต่อการจัดการการเงิน

หนังสือเล่มนี้ให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเฉพาะคนวัย 40+ ที่อาจคิดว่าตัวเองเริ่มช้าเกินไป แต่แท้จริงแล้วยังมีเวลาเพียงพอที่จะสร้างความมั่นคงทางการเงินได้ หากเริ่มวางแผนและลงมือทำอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้

การนำแนวคิดและวิธีการในหนังสือไปปรับใช้ จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถบริหารจัดการการเงินของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีเงินออมและการลงทุนที่เพียงพอสำหรับวัยเกษียณ ทำให้สามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีความสุขและไม่เป็นภาระของลูกหลานในอนาคต สรุปคือ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มวางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณ ขอเพียงเริ่มต้นวันนี้และทำอย่างต่อเนื่อง คุณก็จะสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินและมีชีวิตที่สบายในวัยเกษียณได้อย่างแน่นอน